ตอนที่ 6 ข้าอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้เจ้าค่ะ

1214 คำ
เรือนเล็กท้ายจวน หญิงสาวตื่นเช้ากว่าปกติทำเอาคนมาปลุกอย่างลั่วจงผิงประหลาดใจไปด้วย ที่ผ่านมาเจ้านายตัวน้อยมักจะนอนตื่นสายเพราะต่อให้ตื่นเช้ากว่านี้พวกนางก็ไม่มีอะไรทำ ไม่มีใครมาหาและออกไปไหนไม่ได้ “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณหนู อะไรทำให้คุณหนูของบ่าวตื่นเช้าถึงเพียงนี้หรือเจ้าคะ” จงผินกล่าวพลางใช้ผ้าสะอาดช่วยประคบบนใบหน้าเล็กที่มีรอยช้ำ “ถ้าหายไว ๆ ก็ดีสิ” นางไม่ตอบเรื่องที่ถูกถาม ดวงหน้าสวยหลับตาพริ้มให้คนโตกว่าช่วยดูแลรอยที่ยังคงเด่นชัดบนผิวขาว “ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ รอยพวกนี้ประเดี๋ยวก็จางไปในเวลาไม่นาน” นางรู้ดีว่าเจ้านายตัวน้อยเป็นห่วงเรื่องความงามยิ่งกว่าผู้ใด นางไม่สบายใจเท่าไรเนื่องจากใบหน้าที่ตนต้องดูแลเป็นอย่างดีกลับมีตำหนิ “อื้อ รอยพวกนี้เดี๋ยวก็จาง ดังนั้นเจ้าอย่าห่วงไปเลย” มือกร้านชะงักไปเล็กน้อย จงผินไม่คิดว่าสิ่งที่เจ้านายกังวลคือความรู้สึกของตนทำเอาหญิงสาวน้ำตารื้นด้วยความตื้นตันก่อนจะข่มกลั้นเอาไว้มิให้ไหลออกมา “จงผิน วันนี้แต่งตัวให้ข้าทีนะ ข้าว่าจะไปที่จวนใหญ่สักหน่อย” “อีกแล้วหรือเจ้าคะ” บ่าวคนสนิทอยากจะร้องไห้จริง ๆ แล้วสิ จวนใหญ่สกุลเซี่ย ไป่หานกลับจวนช่วงยามอิ๋น (ตีสามถึงตีห้า) แต่ไม่ว่าจะเข้านอนตอนใดเขาก็มักจะตื่นในยามเฉินเสมอ (เวลาเจ็ดโมงถึงเก้าโมงเช้า) ร่างโปร่งลุกออกจากเตียง เขาคว้าเสื้อคลุมตัวหนึ่งมาสวมไว้หลวม ๆ ก่อนจะเดินไปชำระร่างกายยังห้องอาบน้ำที่อยู่ติดกัน ตำแหน่ง ‘เสนาธิการ’ ภายใต้กรมมหาดไทยไม่จำเป็นต้องเข้ากรมตลอดดังเช่นตำแหน่งอื่น จะเรียกว่างานสบายรายได้ดีก็คงใช่ แต่ข้อเสียคือเขามักต้องเดินทางไปพร้อมกับทัพใหญ่ในทุกคราที่ทำศึก ดังนั้นวันคืนสงบสุขจึงหาได้มั่นคงตลอดไป ทันทีที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัวก็พบกับชายคุ้นตาในเครื่องแบบ อีกฝ่ายมีนามว่า เว่ยเทียนอี ไป่หานแต่งตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ผู้ช่วยชั่วคราวเพื่อหาคนมาแทนหลี่จ่างเกิงที่ตายไป “มีอะไร” เจ้าบ้านวัยกลางคนเอ่ยถาม ในยามปกติหากไม่มีธุระข้ารับใช้จะไม่เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวเขาแบบนี้ “คุณหนูหลี่มาขอพบขอรับ นางแจ้งว่ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกับนายท่าน” เมื่อได้ยินชื่อของเด็กในการดูแล บุรุษสูงศักดิ์ก็นึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมา ดูเหมือนตั้งแต่เด็กนั่นย้ายเข้ามาเขาจะละเลยอีกฝ่ายมากทีเดียว ช่วงที่ผ่านมานางก็เพิ่งตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แม้มีการสืบสวนจากบ่าวไพร่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น พวกเขาก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน ‘คุณหนูหลี่กระโดดน้ำด้วยตนเองเจ้าค่ะ’ ‘ข้าเห็นนางเดินไปกระโดดน้ำจริง ๆ นะเจ้าคะ’ ‘นางยืนอยู่ริมน้ำพักใหญ่ก่อนจะกระโดดลงไปเจ้าค่ะ’ ‘นางอาจกำลังเรียกร้องความสนใจจากนายท่านอยู่ก็ได้จึงทำเช่นนั้น’ ข้ารับใช้ภายในจวนรวมถึงคนที่เขาสั่งให้ไปสอบสวนต่างลงความเห็นว่า หลี่รั่วหลานทำเช่นนั้นเพียงเพราะต้องการให้เขาใส่ใจนางมากกว่านี้ ที่ผ่านมาถึงจะได้ยินเรื่องการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นบ้างแต่ก็ไม่เคยสนใจ หากเด็กนั่นรอดพ้นเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ไม่ได้ เขาก็ไม่ได้คิดจะเก็บไว้ให้รกหูรกตา “คิดได้เร็วดีนี่” ไป่หานจัดเสื้อคลุมตัวนอกให้เข้าที่แล้วเดินออกจากห้องแต่งตัวไป เด็กนั่นนอกจากเขาก็ไม่เหลือใครหากไม่เรียนรู้ที่จะประจบประแจงก็ยากจะใช้ชีวิตสุขสบายในจวนแห่งนี้ หวังว่าที่นางมาคงเพราะสำนึกกับเรื่องที่ทำไปเมื่อวาน กระนั้นดูเหมือนความคิดของไป่หานจะถูกเพียงครึ่งเดียว ทันทีที่ประตูห้องรับรองเปิดออกเขาก็พบร่างเล็กของหลี่รั่วหลานจริงแต่บนโต๊ะกลับมีกระดานหมากวางอยู่ด้วย “คารวะใต้เท้าเซี่ย หวังว่าข้าคงมิได้มารบกวนท่านเช้าจนเกินไปนะเจ้าคะ” หญิงสาวผู้มีใบหน้าพริ้มเพราโดดเด่นเอ่ยทักทาย แก้มข้างหนึ่งยังคงมีรอยช้ำไม่หายทว่าแทนที่ดวงเนตรงามซึ้งจะเจิ่งนองด้วยน้ำตากลับฉายแววเปล่งประกาย “พูดธุระของเจ้ามา” “เรื่องเมื่อวานข้าเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้เข้าไปขวางเรื่องของใต้เท้ากับคุณชายจึงมิได้ตอบคำถามของท่าน ถึงอย่างนั้นหากสิ่งที่กระทำลงไปมันผิดต่อท่าน ข้าต้องขออภัยจากใจเจ้าค่ะ” ร่างเล็กประสานมือพลางก้มศีรษะลงด้วยท่าทางสงบนิ่ง กิริยาอ่อนช้อยเกินวัยน่าจะได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี “เจ้าคงไม่ได้มาด้วยเรื่องเท่านี้สินะ” สายตาคมมองไปยังกลางโต๊ะ “เจ้าค่ะ สมัยที่ท่านพ่อยังมีชีวิต เขาขะมักเขม้นทำงานเสมอแม้จะอยู่ที่บ้านก็ตาม เขาเป็นทั้งบิดาและอาจารย์ เรื่องการวางแผนข้าก็มิได้อ่อนด้อยจึงอยากอาสาเป็นกำลังให้ใต้เท้าเจ้าค่ะ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยด้วยความมั่นใจ นางรู้ดีว่าบุรุษเบื้องหน้าไม่มีทางหวั่นไหวกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักกลับกันถ้าเป็นความสามารถล่ะไม่แน่ “หึ ไม่คิดว่าคนอย่างจ่างเกิงจะตั้งใจอบรมบุตรีให้มีประโยชน์กับเขาด้วย ที่นำกระดานหมากมาคงเพื่อจะพิสูจน์ฝีมือสินะ” หลี่จ่างเกิงเป็นผู้ช่วยที่ใช้งานได้สะดวกสบาย แค่เขาออกปากอีกฝ่ายก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่เคยเคลือบแคลงสงสัยอะไรสักอย่าง เขาพอรู้อยู่บ้างว่าหลี่จ่างเกิงได้คะแนนสูงลิ่วเพียงใดในการสอบขุนนางแต่ไม่คิดว่าลูกสาวจะเป็นเช่นนั้นด้วย สตรีในยุคสมัยนี้เปรียบดั่งของประดับ พวกนางเพียงยืนเคียงข้างสามีด้วยใบหน้าสวยหวาน คลี่ยิ้มงดงามและตั้งครรภ์บุตรชายให้พวกเขาแน่นอนว่าหลี่รั่วหลานก็เช่นกัน แม้วันนี้คำพูดนางจะสร้างความประหลาดใจให้เขา ความจริงทั้งหมดก็ไม่เปลี่ยนแปลง “ใต้เท้าเข้าใจถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ” “ข้อแลกเปลี่ยนล่ะ” “ข้าอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้เจ้าค่ะ” คำขอนี้กระทั่งสาวใช้ที่ยกชามาให้ยังหลุดยิ้ม ขนาดลูกในไส้เซี่ยไป่หานยังไม่สนใจนับประสาอะไรกับคนนอกเช่นนาง “เป็นคำขอที่เรียบง่าย แต่ยิ่งใหญ่นัก” เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าตัวเองมีค่าเพียงของประดับชิ้นหนึ่งกลับกล้าเรียกร้องค่าตอบแทนที่สูงค่าเกินตัว ................................................................................ อยากลองเลี้ยงใต้เท้าเซี่ยด้วยลำแข้งบ้างเลยเจ้าค่ะ แหมมม สัญญาจะทำให้แข็งแกร่งด้วยไม้เรียวทุกวัน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม