ตอนที่ 1 ผู้ชายอ่อนโยน
ศาสตราวุธ คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปี นัยน์ตาอ่อนโยน หน้าตาดี กระเดียดไปทางจีน จมูกเรียวโด่งเข้ากับรูปปากที่หนาแต่เป็นกระจับสวย ผิวที่เคยขาวสะอาดสะอ้านแต่ตอนนี้คล้ำแดดเพราะงานที่เขารัก เขาอ่อนโยนกับต้นไม้ใบหญ้า แต่เย็นชากับเพศตรงข้าม จนหลายๆ คนคิดว่าเขานั้นมีรสนิยมที่ชอบไม้ป่าเดียวกัน
แต่ศาสตราวุธไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เขาไม่ได้ตั้งใจเย็นชากับผู้หญิง เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าควรจะดูแลเอาใจพวกเธอเหล่านั้นอย่างไร เพราะเขาถนัดดูแลต้นไม้มากกว่า
ครอบครัวของศาสตราวุธมีธุรกิจรับออกแบบและก่อสร้างอยู่ที่กรุงเทพมหานคร แต่ศาสตราวุธไม่สนใจทำงานเหล่านั้น ที่มีการประมูลงานก่อสร้างแล้วต้องมีส่วนแบ่งกับคนในหรืออะไรอย่างนั้น ตามแบบฉบับธุรกิจที่มีกลโกงเพื่อให้ได้มาซึ่งกำไรที่สมัยนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว มันวุ่นวายและไม่ใช่ทางของศาสตราวุธ เขาจึงให้พี่ชายรับช่วงต่อจากบิดาไปคนเดียว
ศศิประภามารดาของศาสตราวุธนั้นผิดหวังจากการจับคู่ให้กับศรายุทธลูกชายคนโตแล้ว ตอนนี้เธอเลยกำลังหาทางจับคู่ให้ศาสตราวุธ เพื่อให้ให้ข่าวลือที่มีคนคิดว่าเขาชอบเพศเดียวกันนั้นหายไป
ยุทธนาผู้เป็นบิดาที่วางมือจากธุรกิจแล้วก็หันมาดูแลธุรกิจของลูกชายคนรองแทนพอให้หายเหงาไปบ้าง เพราะยุทธนาเคยทำงานทุกวัน ถ้าให้นั่งเฉยๆ เขาก็ทำไม่ได้
“วุธ เย็นนี้แต่งตัวดีๆ หน่อยนะ เพื่อนแม่จะมาทานข้าวด้วย” ศศิประภาบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มที่ดูผิดปกติ ทำให้ศาสตราวุธนั้นรู้ทันมารดา แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขารู้ว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้น
“ครับแม่” เขาบอกมารดาแล้วเดินออกไปตรวจงานในไร่
ศาสตราวุธให้บิดาดูแลงานเอกสาร ตัดสินใจทุกอย่างในการดำเนินงาน ส่วนเขาทำหน้าที่ในภาคปฏิบัติ เน้นออกพื้นที่กับคนงาน เพื่อให้เข้าใจปัญหาที่เกิดและเรียนรู้การแก้ไขปัญหาได้ถูกวิธี
ไร่ของเขาแบ่งเป็นสองส่วน ด้านหน้าเป็นไร่สตรอเบอรี่ ที่เปิดให้มีคนเข้ามาเยี่ยมชมและเก็บสตรอเบอรี่สดๆ จากต้น และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มีร้านขายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตร และร้านขายเครื่องดื่มไว้บริการ
ส่วนเนินเขาท้ายไร่เป็นสวนลำไยและสวนลิ้นจี่อย่างละครึ่ง คนงานส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่อาศัยบนเขาที่ไม่มีงานทำ ศาสตราวุธอยากช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้จึงให้งานแก่พวกชาวบ้านเหล่านั้นช่วยกันทำสวนตรงบริเวณเนินเขา และมีแผนที่จะขยายพื้นที่ไร่ไปตรงเนินเขาด้านตะวันออกของไร่ให้เป็นไร่ชา ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงวางแผนวิจัยการผลิตและการเก็บเกี่ยวอยู่
หลังจากเดินตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จ ศาสตราวุธก็เดินไปที่สำนักงานที่สร้างไว้ข้างบ้านของเขาเอง แล้วเข้าไปนั่งคุยกับบิดาเรื่องไร่ชาที่กำลังจะเกิดขึ้นและลงความเห็นกันว่าจะลงมือทำอะไรบ้าง
*********************
ในตอนเย็นหลังเลิกงาน ศาสตราวุธกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองที่สุภาพเพื่อต้อนรับแขกของมารดา
เขาลงมาข้างล่างก็พบว่าแขกมาถึงแล้ว แม่เลี้ยงกานดาไม่ใช่เพื่อนของศศิประภาอย่างที่เขาคิดเอาไว้ แต่เป็นคนรู้จักในวงสังคม และเธอมีไร่ชาที่อยู่ติดกับไร่ของศาสตราวุธด้านตะวันตก ซึ่งมีรั้วกั้นยาวเกือบสองกิโลเมตร
หญิงสาวที่ตามมาเป็นลูกสาวของแม่เลี้ยงกานดา เธอห่างจากเขาประมาณสามถึงสี่ปี หน้าตาสะสวย ผิวขาวอย่างสาวชาวเหนือทั่วไป แต่ท่าทางนั้นค่อนข้างเอาเรื่อง
“สวัสดีครับ” ศาสตราวุธไหว้ทักทายแขกที่มาเยือน
แม่เลี้ยงกานดารับไหว้แล้วแนะนำลูกสาวของเธอให้รู้จักกับศาสตราวุธ
“ไหว้พี่วุธสิลูก พี่วุธเป็นเจ้าของไร่แห่งนี้ รู้จักกันไว้ มีอะไรจะได้ปรึกษาพี่เขา” แม่เลี้ยงกานดาบอกบุตรสาว
“สวัสดีค่ะพี่วุธ” รติชาไหว้เขาแล้วส่งยิ้มหวานให้ตามที่มารดาสั่งไว้ก่อนที่จะมาที่ไร่แห่งนี้
ศาสตราวุธรับไหว้แล้วทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอรอยยิ้มของรติชาที่ยิ้มหวานมาให้เขาไม่หยุด
ศศิประภาและแม่เลี้ยงกานดามองหน้ากันด้วยความพอใจ เมื่อเห็นตรงกันว่าทั้งสองคนนั้นเหมาะสมกัน ศศิประภาจึงเชิญสองแม่ลูกไปทานอาหารค่ำร่วมกันที่โต๊ะอาหาร แล้วพยายามให้ศาสตราวุธเอาใจรติชาโดยการตักอาหารให้
“พี่วุธจะทำไร่ชาใช่ไหมคะ น้ำชาเองถนัดเรื่องชา แต่ว่าน้ำชากำลังสนใจเรื่องสตรอเบอรี่ งั้นเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันดีไหมคะ” รติชาชวนศาสตราวุธคุย เมื่อโดนมารดาสะกิดให้ทำตามแผนที่คุยกันไว้
“ครับ” ศาสตราวุธตอบ เขามองดูอาหารตรงหน้า ลังเลว่าจะตักอะไรให้รติชา เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร
‘ให้ปุ๋ยต้นไม้ยังง่ายกว่าเดาใจผู้หญิงอีก’ ศาสตราวุธคิดในใจแล้วตัดสินใจตัดไก่ทอดกระเทียมให้เธอ
“ขอบคุณนะคะ แต่น้ำชาไม่ทานของทอด” รติชาบอกเขาอย่างสุภาพแล้วโดนมารดาแอบหยิกที่ต้นขา
“แต่ว่าถ้าพี่วุธตักให้ น้ำชาก็จะทานค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” รติชาบอกเขาเสียงหวาน แล้วทานอาหารที่เขาตักให้ เพื่อให้มารดาพอใจ
เธอตักอาหารเอาใจศาสตราวุธคืน โดยสังเกตเอาจากที่เขาทานผักสดกับน้ำพริก เลยตักน้ำพริกให้เขาพร้อมกับถั่วพูชิ้นเล็กๆ แล้วคะยั้นคะยอให้เขาทานอาหารที่เธอตักให้ พร้อมส่งยิ้มหวานและส่งสายตามองเขาเหมือนว่าต้องการอะไรบางอย่างไม่หยุด
ศาสตราวุธรู้สึกอึดอัดกับรอยยิ้มหวานๆ ของเธอ เดาเอาว่ารติชาก็คงเป็นผู้หญิงประเภทที่อยากแต่งงานกับคนมีฐานะ เพราะยังไม่รู้จักกันแต่เธอก็ยิ้มให้เขา และเอาใจเขาจนเขารู้สึกอึดอัดเช่นนี้ แล้วยังหาเรื่องนัดเจอกันโดยอ้างเรื่องการเรียนรู้งานอีก
‘เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวชะมัด’ ศาสตราวุธนึกในใจแล้วหลบสายตาของเธอที่มองมาทางเขาอย่างค้นหานั้น
*********************
แม่เลี้ยงกานดาและรติชากลับมาถึงบ้าน รติชาก็ทิ้งตัวนั่งลงแล้วทำหน้างออย่างไม่พอใจ
“อีตานั่นไม่ชอบผู้หญิง น้ำชาดูก็รู้แล้วค่ะ” รติชาบอกมารดา
“ลูกคิดไปเองมากกว่า วุธเขาเป็นผู้ชายนิ่งๆ และสุภาพ ทำงานก็เก่ง แล้วยังมีไร่ที่กว้างกว่าของเราถึงสามเท่า ถ้าได้แต่งงานรวมไร่กัน ลูกเองนั่นแหละที่จะได้เป็นแม่เลี้ยงไร่ชาและไร่สตรอเบอรี่ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ ไหนจะสวนลำไย สวนลิ้นจี่ และไร่ชาที่เขากำลังจะทำอีก ชาตินี้ทั้งชาติใช้เงินก็ไม่หมด” แม่เลี้ยงกานดาบอกลูกสาว
“เราก็มีเงิน ทำไมต้องอยากมีเพิ่มด้วยคะ” รติชาบ่นออกมา
“แล้วลูกสามารถดูแลไร่ชาของบ้านเราได้หรือไง แม่รู้ว่าลูกบริหารงานได้ แต่ถ้าไม่มีพ่อ คนงานเขาก็ไม่ได้ฟังลูก คนแถวนี้ดูถูกความสามารถของผู้หญิง ลูกก็น่าจะเข้าใจ ถ้าแต่งงานกับไร่ข้างๆ นี้ อย่างน้อยพี่เขาก็จะช่วยดูแลเรื่องคนให้ ส่วนลูกก็นั่งบริหารไร่ ดูแลงานเอกสารไป เป็นฝ่ายใช้สมอง วินวินกับทั้งสองฝ่าย แล้วก็ไม่ต้องแต่งงานกับคนที่พ่อเลือกให้อีกด้วย” แม่เลี้ยงกานดาบอกลูกสาว
“แต่ว่าแม่คะ” รติชากำลังจะพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง
“เลือกเอาก็แล้วกัน จะแต่งงานกับลูกชายไร่ฝั่งตะวันออกที่แม่หาให้ หรือจะแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปองไร่ฝั่งตะวันตกที่พ่อเลือกไว้แล้ว” แม่เลี้ยงกานดาพูดให้เธอคิด
รติชาถอนหายใจ พ่อเลี้ยงคำปองเป็นพ่อหม้ายวัยสี่สิบห้ารุ่นน้องที่บิดาเธอสนิทสนมด้วยและมีท่าทีว่าชอบพอเธอเป็นอย่างมาก กับเจ้าของไร่หนุ่มไฟแรงอย่างศาสตราวุธที่อายุไล่เลี่ยกัน แต่ท่าทางดูไม่ถูกกับผู้หญิง เธอต้องเลือกใครสักคน และคนๆ นั้นต้องไม่ใช่พ่อเลี้ยงคำปอง
“ถ้าน้ำชาเลือกอีตาวุธนั่น ก็ไม่ต้องแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปองใช่ไหมคะ” รติชาถามมารดา
“มันเป็นทางเดียวที่ลูกจะไม่ต้องแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปอง” แม่เลี้ยงกานดาบอก
รติชาไม่อยากแต่งงานกับคนแก่ขี้หลีอย่างเพื่อนรุ่นน้องของบิดา และเธอก็ไม่อยากแต่งงานกับศาสตราวุธ แต่ถ้าไม่เลือกศาสตราวุธก็ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับพ่อเลี้ยงคำปองอยู่ดี
“งั้นน้ำชาเลือกพี่วุธค่ะ” รติชาบอก
“แต่ปัญหาคือเขาจะเลือกน้ำชาหรือเปล่า” รติชาหันหน้าไปหามารดาอย่างเป็นกังวล
“ลูกต้องหมั่นไปหาและเอาใจเขา อย่างน้อยก็ไปเยี่ยมคุณศศิ เข้าทางแม่เขาไว้ก่อน แม่เชื่อว่าคุณศศิอยากให้ลูกชายแต่งงานกับลูกเหมือนกัน” แม่เลี้ยงกานดาพยายามโน้มน้าวบุตรสาว
“ค่ะแม่” รติชารับปากมารดา คิดหาทางแต่งงานกับศาสตราวุธก่อนที่จะถูกบิดาจับแต่งงานกับพ่อหม้ายขี้หลีที่เธอไม่ชอบหน้า เพียงเพราะบิดาคิดว่าเขาสามารถเลี้ยงดูเธอให้สุขสบายได้
*********************