3 ปีต่อมา ปัจจุบัน
"แกวันนี้เขาบอกว่าท่านCEO คนใหม่จะเข้ามาด้วย"
"จริงเหรอเห็นเขาลือกันว่าหล่อลากเลยนิ ฉันอยากเห็นจัง"
"นั่นสิอยากเป็นคุณนายห้างกับเขาบ้าง แต่ที่รู้ว่าเขาคบนางแบบดังที่ต่างประเทศนิ"
พนักงานสาวที่อยู่ในร้านกระเป๋าแบรนด์เนมที่อยู่ภายในห้างเปิดใหม่คุยกันเสียงดัง วันนี้ผู้คนระดับผู้บริหารต่างวิ่งวุ่นต้อนรับท่านประธานคนใหม่ที่เพิ่งย้ายจากสาขาต่างประเทศมาประจำที่นี่กัน คนที่ไม่เคยเห็นไม่เคยเข้ามาบริษัทเลยวันนี้ก็ได้พบเจอกันถ้วนหน้า
"พวกพี่ว่างนักเหรอคะถึงได้นินทาเจ้านาย"
เสียงของหญิงสาวดังขึ้นข้างหลังพอพนักงานสองสาวหันไปมองก็ต้องตกใจสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้าคือคุณหนูลูกสาวท่านประทานอีกคนที่มีฉายาสวยจอมเหวี่ยงวีนยืนจ้องมาที่พวกเธออยู่
"อุ้ย! ขอโทษค่ะคุณลูกค้า"
"ฉันควรให้ผู้จัดการไล่พวกพี่ออกนะคะ"
แม้จะเป็นน้ำเสียงธรรมดาแต่ก็ทำให้คนฟังทั้งสองถึงกับหน้าถอดสีทำอะไรไม่ถูกรู้ดีว่าเธอคนนี้ทำจริงเพราะเคยเห็นมาแล้วกับตา
"ขอโทษนะคะดิฉันผิดไปแล้วค่ะคุณหนู"
ทั้งสองต่างลนลานเข้ามาขอโทษขอโพยหญิงสาวตรงหน้าที่ยังคงยืนเลือกกระเป๋าอยู่ไม่ได้สนใจหันมามองด้วยซ้ำ
"เฮ้อ...น่ารำคาญชะมัด ครั้งนี้หนูจะปล่อยผ่านไปแล้วกัน"
พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันทีด้วยอารมณ์หงุดหงิดใจ ไม่ใช่เพียงเพราะพนักงานสองคนนั้นไม่สนใจดูแลเธอ แต่เป็นเพราะผู้ชายที่พวกนั้นพูดถึงต่างหาก
แก้มใส หรือไฮโซสาวจอมเหวี่ยงที่หลายๆ คนต่างคุ้นหน้าคุ้นตาและได้ยินชื่อเสียงของเธอตลอดสองปีที่ผ่านมา
จากเด็กสาวตัวอ้วนกลมในวันวานแปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวสวยหุ่นเอ็กซ์สะบึมที่ปัจจุบันสะโพกผายเอวเล็กคอดมีเพียงอย่างเดียวที่ไม่ลดลงตามน้ำหนักตัวคือนมตูมๆ นั้นที่ยังคงใหญ่อวบอิ่มเหมือนเดิม
แก้มใสในวันนี้ไม่ใช่เด็กสาวที่เรียบร้อยมองโลกในแง่ดีอีกต่อไปแล้ว เธอเปลี่ยนไปมากจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัย
"ค่ะพ่อหนึ่ง"
"หนูอยู่ไหนลูก ตอนนี้อาสองของหนูเขากลับถึงแล้วนะกำลังเข้าบริษัทมาถึงก็รีบเข้าประชุมผู้ถือหุ้นเลยขยันจริงๆ "
"ก็เรื่องของคุณอาสิคะน้องแก้มไม่สนใจค่ะ"
"ยังโกรธอาเขาอยู่เหรอลูก อาเขาก็อธิบายให้หนูฟังแล้วที่ไปไม่ลาตอนนั้นทำไมยังงอแงอยู่"
"แค่นี้นะคะน้องแก้มจะขับรถ"
พูดจบแก้มใสก็กดวางสายผู้เป็นพ่อทันทีทำให้เขมทัตหนักใจไม่น้อยกับความเอาแต่ใจของลูกสาวคนนี้
จะปรับแก้สั่งสอนใหม่ก็ไม่ทันแล้วเพราะตัวเองและภรรยารักและตามใจมาตลอดจนเป็นแบบนี้
"เฮ้อคงหวังพึ่งอาสองของเขามาจัดการเองแล้วแหละ"
แม้จะห้ามเหมันต์ไม่ให้ใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกสาวที่เป็นดั่งดวงใจแต่ก็ต้องยอมรับว่ามีเพียงเหมันต์ที่ปราบพยศลูกสาวตัวเองได้
ทางด้านแก้มใสหลังจากที่วางสายผู้เป็นพ่อเธอก็จอดรถข้างทางนิ่งเพื่อเรียกสติที่เหมือนจะหลุดลอยคิดถึงเรื่องอดีตในวันนั้นอีกแล้ว
เธอไม่ได้โกรธเรื่องที่เหมันต์ไปไม่ลาเธอ แต่เธอโกรธเขาเรื่องหลังจากที่เธอบินไปหาเขาในปีต่อมาอีกรอบมากกว่า
นั่นมันเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเธอที่ทำให้เธอลุกขึ้นมารักตัวเองและพยายามลืมคุณอาแสนดีที่เธอเคยรักหมดหัวใจไปจากใจแม้มันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเธอจะสูญเปล่า เพียงแค่รู้ว่าเขาอยู่ใกล้เธอในประเทศเดียวกันไม่ได้ห่างไกลเป็นซีกโลกอีกแล้วหัวใจเธอก็เต้นแรงร่ำร้องแต่จะไปเจอเขาให้ได้
"เธอมันเจ็บไม่รู้จักจำยัยแก้ม"
เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่เหมันต์กลับมาประเทศไทยอีกครั้งและครั้งนี้คงจะอยู่ยาว เขาคิดถึงที่นี่คิดถึงคนที่คอยตามก้นเขาสมัยก่อน
"เชนวันนี้มีตารางงานอะไรบ้าง"
"วันนี้ต้องไปประชุมผู้บริหารที่ห้างครับ คุณเหมจะไปทำธุระสำคัญก่อนรึเปล่าครับ"
ราชิดมือขวาคนสนิทเมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มถามขึ้นอดสงสัยไม่ได้ ปกติเหมันต์จะไม่ค่อยถามตารางงานซ้ำหากไม่มีเหตุที่ต้องไปไหนจริงๆ คนความจำดีเป็นเลิศแบบเหมันต์เพียงรายงานตอนเช้ารอบเดียวก็จำได้แล้ว
"คงเลื่อนไม่ได้ งั้นก็ตามนั้น"
ได้ยินแบบนั้นราชิดก็ไม่ถามอะไรอีก เขาเป็นผู้ช่วยของเหมันต์มา 4 ปีแล้วหลังเรียนจบที่ต่างประเทศสมัครงานมาหลายที่ก็ไม่มีที่ที่ตอบโจทย์และใช่ความสามารถของเขาได้ตรงจนมาเจอกับเหมันต์
เหมันต์เป็นคนที่ทำงานเก่งมีเป้าหมายที่สูงและก็ไปถึงทุกครั้ง ทำงานเป็นมืออาชีพเขาถึงได้มายืนอยู่ในจุดสูงสุดในขณะที่อายุยังน้อยก็ควบตำแหน่องผู้บริหารระดัับสูงได้ทั้งสาขาที่ไทยและต่างประเทศ
สายตาที่เฉียบคมมองไปยังบรรยากาศข้างทางที่ไม่คุ้นเคย ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากโดยเฉพาะใจคนที่เหมือนจะเปลี่ยนไปจากเขาแล้ว
"ครับพี่หนึ่ง"
"สองหลานนายแผลงฤทธิ์อีกแล้วไม่ยอมไปรับนายกับพี่"
"หึๆ ก็ไม่แปลกนิครับพี่ยังไม่ชินอีกเหรอ"
"ให้ชินได้ยังไงเล่า นายมาจัดการกับยัยตัวแสบให้ฉันด้วยนะ กำลังเข้ามาบริษัทใช่ไหม"
"ครับพี่"
"ไว้เจอกันน้องรัก"
ไม่นานหลังวางสายรถยนต์คันหรูก็เข้ามาจอดที่หน้าห้างหรูใจกลางเมื่อ เขาไม่ได้ใช้ทางเข้าผู้บริหารเพราะอยากดูสภาพแวดล้อมของห้างด้วย
"ฉันเดาออกสินะว่านายต้องเข้าทางนี้"
"สวัสดีครับพี่หนึ่ง"
เหมันต์เดินเข้าไปกอดชายที่อายุห่างจากเขาสิบกว่าปีแต่ก็ยังหนุ่มแน่นอยู่เหมือนเคยด้วยความเคารพรัก
"นายหล่อขึ้นจนพี่เกือบจำไม่ได้ ที่จำได้เพราะใบหน้าเย็นชาของนายลอยมาแต่ไกลเลยนะเนี่ย"
เหมันต์เพียงแต่ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามเขมทัตขึ้นไปชั้นผู้บริหารเพื่อรับหน้าที่สานต่องานที่เขาควรจะทำมานานแล้วหลังผัดผ่อนมานาน
ข่าวการรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของเหมันต์ดังไปทั่วประเทศทั้งสื่อโซเชียล สื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ด้วย
ข่าวต่างบอกว่าเขาเป็นผู้บริหารสูงสุดที่หล่อ เก่ง รวยแถมยังครองตัวเป็นโสดอยู่ทำให้สาวๆ ต่างกรี๊ดกร๊าดกันจนดังมากๆ ภายในชั่วข้ามคืนทุกสื่อต่างจับตามองหุ้นบริษัทพุ่งสูงขึ้นจนเหล่าผู้ถือหุ้นยิ้มแก้มปริ
"โสดแต่เอาไม่เลือกน่ารังเกียจ"
"บ่นอะไรจ๊ะคนสวย"
"นี่ไงพะแพงเธอคงเห็นข่าวนี้แล้วฉันไม่อยากหยิบโทรศัพท์มาดูเลยให้ตายสิ"
"หึงเขาละสิที่รัก เธอยังรักคุณอาสุดหล่อล่ำน่าปล้ำคนนั้นอยู่ใช่ไหมล่ะ"
พะแพงแกล้งแซวคนที่นั่งทำหน้าเป็นตูดตั้งแต่เข้าห้องเรียนมา ตอนนี้พวกเธอเรียนมหาลัยปี 4 แล้วเหลือแต่ทำวิทยานิพนธ์ส่งก็จบแล้ว
"อย่ามามั่วนะ ฉันเกลียดคนเจ้าชู้แบบเขามากที่สุดเธอก็รู้ "
"จ้าอย่าให้ได้ยินนะว่ากลับไปคลั่งรักคุณอาสุดหล่ออีกแล้ว"
พะแพงแหย่เพื่อนสาวที่ยังคงบ่นอุบอิบอยู่ รอบนี้คนที่ไม่เคยยอมใครอย่างแก้มใสกลับไม่เถียงเลยสักนิดทำเอาพะแพงอดที่จะยิ้มพอใจไม่ได้
เธอรู้ดีว่าเพื่อนสาวก็แค่ยังงอนคุณอาหนุ่มอยู่ ปากแข็งไปงั้นทั้งที่ยังรักเขาหมดหัวใจไม่ให้ใครมาแทนที่ได้จนถึงตอนนี้