ท่ามกลางบรรยากาศที่เหน็บหนาวยามราตรีกาล
“ชอนอาเจ้าดีขึ้นบ้างหรือยัง…มากับข้า!”
“ดีขึ้นมากแล้วเพคะ…ไปไหนเพคะ?”
องค์ชายรัชทายาทไม่ตอบ แต่จูงมือแพรไหมในร่างชอนอาออกมาข้างนอกกระโจมพร้อมกับใส่เสื้อคลุมให้เธอ ซอจุนพาชอนอามานั่งริมลำธารที่มีกองไฟอยู่ด้วย
“ออกมาผิงไฟอุ่นร่างกาย ชมจันทร์กับข้าเถิด อยู่ในแต่ในกระโจมบรรยากาศมันอุดอู้เกินไป!”
สุ้มเสียงรื่นหูดุจดั่งสายน้ำที่ไหลรินของเขาทำให้เธอยิ้มออกมา พรางคิดในโลกนี้จะมีใครที่แสนดีเท่านี้ได้อีกหรือไม่
“ทำไมท่านดีกับข้ามากขนาดนี้…องค์ชาย..”
“เพราะเจ้าคือว่าที่พระชายาของข้า…ชอนอา…ข้ารักเจ้ายิ่ง”
หญิงสาวพิงไปตรงไหล่กว้างของเขา…แขนแข็งแรงของเขาก็โอบกอดลงมาที่เอวคอดของเธอ
“ถ้าหม่อมชั้นจะบอกว่า…..จิตวิญญานที่อยู่ในร่างนี้ไม่ใช่คิมชอนอา..พระองค์จะเชื่อข้าหรือไม่!”
แพรไหมตัดสินใจบอกความจริงกับเขา..เพราะเธอคิดว่าความตายมันอยู่ไกล้เธอเหลือเกิน…เธอควรบอกความจริงกับเขา…ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ เขาก็ควรจะรู้ว่าเธอไม่ใช่คิมชอนอา
“เจ้าพูดเรื่องอันใดกัน…หืม…”
น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นเอ่ยถามขึ้นมาอย่างแปลกใจแต่ยังคงความนุ่มนวลอ่อนโยนไว้
“หากพระองค์ไม่ทรงเชื่อ…ก็จงฟังเรื่องเพ้อเจ้อ…จากหม่อมชั้นสักหน่อยเถิดเพคะ”
แพรไหมเริ่มเล่า…ตัวเธอยังคงพิงไปที่ไหล่กว้างของเขา แขนของเธอเริ่มสอดกอดไปที่ร่างแกร่งขององค์ชายซอจุน อย่างหาที่อบอุ่นให้กับร่างกาย
“หม่อมชั้นมาจากโลก….โลกที่ยังมาไม่ถึง…โลกในกาลภายภาคหน้า ประมาน600ปี หม่อมชั้นคือเด็กสาวอายุ20 ชื่อแพรไหม ในคืนหนึ่งหม่อมชั้นนอนหลับไปและตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างนี้…และพบกับพระองค์…”
เธอเล่าอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว เพราะร่างกายของเธอยังอ่อนแอมากนัก
“เจ้าพบกับข้าครั้งแรก…..ในร่างกายนี้ที่ใด….”
องค์ชายแม้จะนึกแปลกใจกับเรื่องที่หญิงสาวผู้เป็นที่รักเล่า…แต่เขาก็เชื่อ…เพราะชื่อเสียงของคิมชอนอาที่เขาฟังมาตั้งแต่แรกนางไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ เขาเกลียดแม่หญิงนักในตอนนั้น จนมารู้จักกับเธอคนนี้เขาเลยแปรเปลี่ยนมาเป็นรัก อีกอย่างสำเนียงการพูดของเธอ เหมือนไม่ใช่คนโชซอนแม้แต่แต่นิด….บางคราชอนอาก็พูดภาษาอื่นออกมาอยู่เสมอ
“หม่อมชั้น…พบกับพระองค์ครั้งแรก…วันที่หม่อมชั้นช่วยเด็กน้อยคนนั้นไว้…”
องค์ชายซอจุนยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น
“งั้นเจ้าอย่าได้กังวล……ว่าข้ารักผู้ใด……เพราะข้าตกหลุมรักเจ้าวันนั้น…วันที่เจ้าฟื้นขึ้นมา แต่ไม่ได้สนใจว่าตัวเองเป็นอันตรายหรือไม่…กลับสนใจชีวิตผู้อื่นมากกว่า…กระนั้นยังไม่พอ…เจ้าปลอมตัวเป็นเจ้ามินโอ..เจ้ายังมีแต่ความสดใส ใสซื่อไร้เดียงสา ข้าอยู่กับเจ้าแล้ว…ข้ามีความสุขยิ่งนัก….เรื่องเพ้อเจ้อของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่…ข้ารู้แต่ว่า….สวรรค์ส่งเจ้ามาให้กับข้า…แพร….แพรไหมของข้า….”
เขาเรียกชื่อเธอจริงๆขึ้นมา ทำให้แพรไหมยิ้มดีใจที่เขาเชื่อและเข้าใจ….ซอจุนคือผู้ชายที่อยู่ในอุดมคติของเธอไม่ผิดแผกแม้แต่นิด คำอธิษฐานอ้อนวอนที่เธอได้ขอต่อพระเจ้าเป็นจริงแล้ว ขอบคุณเหลือเกิน..ไม่ว่าใครก็ตามที่ส่งเธอมา เธอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“หากสักวัน…ข้าหายไป..พระองค์จะตามหาข้าหรือไม่...?”
แพรไหมถามขึ้นมาด้วยความหวั่นใจ….หากแต่เธอไม่เสียดายอีกแล้วถ้าต้องพรากจากกัน ไม่เสียใจที่วันนี้ได้เจอเขาอยู่กับเขา แม้จะไม่นิรันดร แต่ชีวิตนี้แต่ก็ได้สมหวังแล้ว…
“แน่นอน…ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ…ข้าสัญญา”
เขามองลงมาสบสายตาเธอพร้อมกับให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่น
“หม่อมชั้นในโลกกาลภายหน้า…อยู่ในประเทศไทย..เป็นเด็กสาวที่ไม่ประสีประสา…วันๆเอาแต่ดูละคร…ถึงแม้หน้าตาหม่อมชั้นจะคล้ายกับคิมชอนอาในโลกนี้…แต่หม่อมชั้นไม่ได้แต่งตัวแบบนี้นะเพคะ”
แพรไหมเริ่มจะสั่งเสียเขา….เพราะเธอกลัวว่าพรุ่งนี้อาจจะตื่นขึ้นมาไม่เจอเขาอีก กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วอยู่ที่โลกปัจจุบันของเธอ
“ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างใด….ข้าเชื่อเสมอ..ว่าข้าจำเจ้าได้…แพรไหม”
องค์ชายซอจุนพูดพร้อมกับจับมือเธอไว้แน่น แววตาสุกใสที่จ้องมาสะท้อนกับแสงจันทร์ แต่ทว่าฉายแววเด็ดเดี่ยวและจริงจัง
“พระองค์ควรเรียกชื่อหม่อมชั้นว่าแพรไหม…เฉพาะอยู่กันสองคนนะเพคะ….หม่อมชั้นเกรงว่าผู้อื่นจะสับสน”
“ได้…ได้สิ”
หญิงสาวยิ้มขึ้นมาอย่างขำขัน องค์รัชทายาทผู้ทรงสง่าผ่าเผย แต่ทรงเชื่อฟังเธอเหมือนเด็กน้อย ช่างน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก
“หากสักวันที่เราต้องพรากจากกัน….หม่อมชั้นจะรอพระองค์อยู่ที่ประเทศไทย…นะเพคะ”
“ข้าจะไปหาเจ้าที่ประเทศไทย…ข้าสัญญากับเจ้าแพรไหม..ข้ารักเจ้า..”
องค์ชายซอจุนสัญญาและย้ำคำว่ารักออกมาอีกรอบ เสน่ห์ของผู้ชายโบราณมันดีตรงนี้สินะ…รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาตรงๆ ไม่โกหกหลอกลวง เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันที่เธอมา
“หม่อมชั้นก็รักพระองค์เพคะ…รักมากที่สุด…รักมากกว่าใครอื่น”
แพรไหมมองสบตาเขาและพูดออกมาเป็นภาษาไทย แม้เขาจะฟังไม่ออกแต่ก็พอจะรู้ว่าเธอบอกอะไร
“เจ้าพูดภาษาไทยสินะ…..บอกรักข้า..อย่างนั้นหรือ?”
“พระองค์ทรงรู้…..รู้มั้ยเพคะ..!!”
“มีเรื่องใดอีกกระนั้นหรือ?…”
“ก่อนที่หม่อมชั้น…จะมาพบพระองค์ได้…ต้องร่ำเรียนภาษาเกาหลีจนสามารถสื่อสารได้…แถมต้องอธิษฐานขอพระเจ้าทุกวันขอให้ได้มาพบกับพระองค์”
“ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจมาหาข้า…แต่เกาหลีคือที่ใด??….”
“เกาหลีก็คือเมืองโชซอนในกาลภายหน้าเพคะ!”
“รุ่งเรืองหรือไม่?”
“เจริญรุ่งเรืองมากเพคะ…..มากจนอยากมีสามีที่ประเทศเกาหลีเลยน่ะเพคะ..!”
“เจ้าก็มีแล้วนี่ไง…”
“ยัง…เรายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆนะเพคะ!”
“อีกหน่อยก็เป็น…เจ้าอย่าได้กังวลไป”
สายตาเป็นประกายวาววับที่จ้องมองมาตอนนี้นั้นกำลังสื่ออะไรบางอย่างจนแก้มเธอแดงปลั่งหลบสายตาเขา ที่เขามักจะพูดอะไรออกมาตรงๆ
“องค์ชาย……”
แพรไหมเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ ด้วยความเขินอายกับสายตาคู่นั้นของเขา หญิงสาวรู้สึกมีความสุขนัก ที่คนในใจขององค์รัชทายาทคือเธอ…ที่เป็นแพรไหม..
สองร่างที่นั่งกอดกันกลมยังคงพูดคุยกันอย่างไม่รู้จบ วันนี้แพรไหมพูดคุยสั่งเสียกับเขามากเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่ได้เจอเขา เธออยากพูดทุกอย่างออกมาให้หมดไม่อยากจากไป อย่างค้างคา แต่…หญิงสาวพูดจริง เรื่องที่จะไปรอเขา รอเขาที่โลกภายหน้า หรือโลกอนาคตนั่นเอง…บางทีตอนนี้ซอจุนอาจจะเป็นใครสักคนในประเทศเกาหลีก็ได้
องค์ชายอุ้มร่างบางของแพรไหมกลับเข้ากระโจมมานอน เพราะหญิงสาวหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขา หลังจากที่เธอพยายามคุยกับเขา เล่าเรื่องแปลกใหม่ให้เขาฟังมากมาย ชายหนุ่มเพ่งมองใบหน้าสวยงามยามหลับใหล ไม่ว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหนเข้าก็มั่นใจว่าเขารักเธอจากข้างใน…เพราะเธอคือคู่แท้ของเขาที่สวรรค์ส่งมาให้ ก่อนที่เขาจะเดินออกจากกระโจมไป
“นอนที่นี่เถอะเพคะ….นอนด้วยกัน….”
“ข้าเกรงว่า…ข้าจะทนไม่ได้และทำอะไรลงไปหากต้องอยู่นอนกับเจ้าสองคน…”
“หม่อมชั้นไม่กลัวเพคะ…”
“อืมมม….อย่างนั้นก็ได้….”
เขาถอดชุดข้างนอกออก(ซอกอรี) เหลือแต่ชุดสีขาวข้างใน ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆแพรไหม หญิงสาวขยับเข้ามาซุกกายในอ้อมกอดของเขา เขากอดเธอตอบอย่างรักใคร่ แต่ทว่าตอนนี้เลือดในกายของเขาพลุ่งพล่านเมื่อได้นอนแนบชิดกับหญิงผู้เป็นที่รัก…ความปรารถนาบางอย่างมันเริ่มเข้ามาก่อกวนทันที……