วันเวลาเวียนผ่านไปได้สามราตรี อี้เหม่ยหลิงยังคงอยู่ในฐานะพระชายาดังเดิม พรุ่งนี้เช้าพระสนมเหอแจ้งว่าต้องเสด็จกลับแล้ว ทางรุ่ยอ๋องก็ไม่มีวี่แววว่าจะส่งนางกลับไปด้วยแต่อย่างใด นางคิดจะลองหน้าด้านคุยกับเขาอีกครั้งเพียงแต่ดึกป่านนี้แล้วเจ้าของห้องก็ยังไม่กลับมา
บาดแผลบนร่างกายนางหายดีเป็นปลิดทิ้ง ระหว่างนั้นมีรุ่ยอ๋องช่วยทำแผลให้ทุกวัน พอลองถามหนิงอ้ายว่าเหตุใดไม่มีคนอื่นอีก นางก็ก้มหน้างุดๆ แล้วเอ่ยว่าที่นี่ไม่มีหมอหญิง มีเพียงแพทย์ทหารที่เป็นชายทั้งนั้น หากมิใช่รุ่ยอ๋องที่เป็นพระสวามีจะเป็นชายใดได้อีกที่สามารถเห็นเรือนร่างของพระชายา เพียงเท่านี้อี้เหม่ยหลิงก็จำต้องยอมรับชะตา
เขาดูเป็นคนเย็นชา ไม่สนใจคนรอบตัว เด็ดขาด พูดจาไม่ถนอมน้ำใจ แต่เวลาที่เขาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้มันเต็มไปด้วยความค่อยเป็นค่อยไป มือสากที่ลากผ่านผิวกายของนางเบายิ่งกว่าหมอในจวนสกุลอี้เสียอีก หลายสิ่งที่เห็นและรับรู้ขัดกันอย่างสิ้นเชิง
“พระสนมเหอให้มาอีกแล้วหรือหนิงอ้าย” นางมองไปยังกำยานหอมที่บ่าวตัวน้อยกำลังจุด ช่วงนี้ตั้งแต่นางได้รับบาดเจ็บมา เหอเจียอีมักจะมอบนั่นนี่ให้ตลอดคล้ายต้องการไถ่โทษ หากเป็นข้าวของที่สูงค่าเกินไปนางก็มิอาจรับไว้ได้ แต่ถ้าเป็นอะไรเล็กน้อยเพียงนี้ก็คงไม่เป็นไร
“หม่อมฉันเห็นว่าสิ่งนี้วางไว้หน้าห้อง แต่ข้าวของหรูหราคงมีแค่พระสนมเท่านั้นแหละเพคะ พระนางอาจจะกลัวว่าพระชายาจะไม่กล้ารับถึงได้วางไว้ให้แบบนี้”
เหม่ยหลิงยิ้มให้บ่าวตัวน้อย หลายวันมานี้พวกนางเริ่มสนิทกันขึ้นมาบ้างจึงรู้ว่าหนิงอ้ายเป็นเด็กที่โตมาจากบ้านสกุลเหอก็จริง แต่นางก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรเป็นเพียงคนรับใช้ที่คอยดูแลบรรดาเจ้านายในบ้าน เพราะไร้พ่อแม่หรือญาติมิตรไม่มีสหายหรือเจ้านายโดยตรง นางจึงอาสามายังฉาเฟิงเพื่อรับใช้พระชายาอี้ด้วยตนเอง ภาพเด็กสาวแสนสดใสเบื้องหน้าทำให้เหม่ยหลิงเอ็นดูนางยิ่งขึ้นไปอีก
“เจ้ากลับไปก่อนก็ได้ คืนนี้รุ่ยอ๋องคงกลับดึกอีกเช่นเคย” เวลานี้ก็เข้ายามห้ายแล้ว (21.00 – 22.59 น.) หนิงอ้ายต้องมาปลุกนางตั้งแต่ยามเหม่า (5.00 – 6.59 น.) เพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปรับอาหารเช้า นั่นแสดงว่าบรรดาข้ารับใช้ก็ต้องตื่นเร็วกว่าเจ้านายตั้งเท่าไหร่
“เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าหม่อมฉันจะรีบมาปลุกนะเพคะ ราตรีสวัสดิ์เพคะพระชายา” ว่าจบร่างเล็กก็คำนับหญิงสาวครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากหออรุณรุ่งไป
กลิ่นหอมอ่อนชวนพิศวงของกำยานสีสดทำให้เหม่ยหลิงอดสงสัยไม่ได้ว่ามันมีส่วนประกอบของสิ่งใด ควันขาวลอยฟุ้งทั่วบรรยากาศหลังจากที่เชื้อไฟร้อนแพร่กระจายไปถึงแก่นด้านใน กลิ่นหวานเย็นกว่าปกติของมันให้ความรู้สึกแปลกประหลาดมิใช่แค่ผ่อนคลายแต่เป็นปลุกเร้าอารมณ์ในคราเดียวกัน...
อากาศที่ฉาเฟิงเย็นกว่าเมืองหลวงมากแม้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วงอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นแล้ว ทว่าเวลานี้เหม่ยหลิงกลับรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลผ่านใบหน้าสวยหมดจดของหญิงสาว มือเล็กค่อยๆ ปาดมันออก
ประตูหอนอนเปิดอ้าพร้อมทั้งการมาของเจ้าของห้อง อี้เหม่ยหลิงรู้ดีว่าต้องรีบคำนับตามหน้าที่ ทว่าแข้งขากลับไม่เป็นดั่งใจนึก
“ทะ...ท่านอ๋อง” ใบหน้าหวานของหญิงสาวแดงระเรื่อคล้ายคนเมาทั้งที่มิได้ดื่มสุราสักอึก ลมหายใจร้อนจัดส่งผ่านร่างกายออกมาจนลำคอแห้งผาก ดวงตาสีอ่อนวาววับไปด้วยประกายสวย ร่างเล็กยืนโงนเงนอยู่ปลายเตียงจนคนตัวโตต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา
“ข้ากำลังรอท่านอยู่เลยเพคะ” วันนี้ต้องคุยให้เขาส่งนางกลับ ตั้งใจมาตลอดแต่ร่างกายไม่ยอมทำตามเลยสักนิด แขนเรียวงามเลื่อนผ่านแผงอกกว้างก่อนจะโอบรอบคอของไห่เทาเอาไว้หลวมๆ แม้เขาจะประหลาดใจแต่ก็มิได้ตำหนิ หางตาของชายหนุ่มมองไปที่กระถางกำยานซึ่งกำลังโชยกลิ่นอบอวล
“ใครเอามันมา” ยามนี้กำยานสีสดถูกเผาไปมากกว่าครึ่ง หญิงสาวที่มีอาการผิดแผกจากปกติก็คงเพราะนางสูดดมไปมากแล้ว
“หนิงอ้าย...”
“นางเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ต่อให้บอกไปเจ้าก็คงไม่เชื่อเท่าโดนฤทธิ์เดชของนางกับตัวสินะ” แม้จะพอเดาได้บ้างว่าเป็นใครแต่ได้นางยืนยันเช่นนี้ทุกอย่างก็กระจ่างชัดยิ่งขึ้น ต้นเรื่องคงไม่พ้นมารดาผู้ให้กำนิดตน ไห่เทาสาดชาในถ้วยด้านข้างใส่กระถางกำยานจนมันเปียกชุ่มไปหมด สิ่งนี้คือกำยานเสน่หาแม้สูดดมเพียงน้อยก็เร่งกำหนัดในร่างกายให้ปะทุขึ้นมาได้ แต่เรื่องที่แย่ก็คือมันไม่มียาถอนมีเพียงรอให้เวลาผ่านไปมันก็จะเจือจางได้ตามกาลเวลา
“อยากให้ข้าทำอย่างไรกับเจ้าดี”
“ทรงหมายความว่าอะไรหรือเพคะ” แม้วาจาจะกล่าวออกมาด้วยความสงสัยแต่นางจะรู้ตัวหรือไม่ว่ามือน้อยๆ นั่นซุกซนไปทั่วแผงอกล่ำสันจนเขาต้องจับไว้ไม่ให้เจ้าตัวยุ่งหยอกเล่นไปมากกว่านี้
“จะให้ข้าบรรเทาอาการของเจ้าด้วยวิธีใด”
“อาการ?” กระต่ายน้อยทำหน้างุนงง จนกระทั่งฝ่ามือเย็นเฉียบของไห่เทาแนบมายังใบหน้าร้อนจัด คนงามสะดุ้งเล็กน้อยแต่ถูกมือใหญ่ดึงรั้งร่างบางกลับมาก่อนที่ริมฝีปากหนาจะแนบสนิทมาที่กลีบปากบางสวย
เขาจงใจขบเม้มริมฝีปากล่างของโฉมสะคราญไปมาจนเมื่อได้จังหวะก็แทรกส่วนอ่อนนุ่มเข้าไปด้านในโพรงปากร้อนฉ่านั่น การกระทำเช่นนี้หากเป็นยามปกตินางคงผลักไสเขาออกแต่ไม่รู้ว่าทำไมจึงกลายเป็นตัวนางเองที่ต้องการถูกสัมผัสมากยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนพันเกี่ยวกับลิ้นเล็กจนต้องตามน้ำไป รสหวานจากรุ่ยอ๋องที่บดขยี้ริมฝีปากอิ่มอยู่นี้ทำเอาท้องน้อยบิดเร่าจนมวลท้องไปหมด อีกทั้งร่างกายที่รอการสัมผัสจากบุรุษสูงศักดิ์ยังเผยอาการอย่างชัดเจน
“รู้ตัวหรือยัง” ใบหน้าหล่อเหลาของเชื้อพระวงศ์หนุ่มเคลื่อนออกห่างจากหญิงสาวเพื่อรอคำตอบ
เขาหาใช่เอกบุรุษที่ไหน ในสนามรบต่อให้มีสตรีของทัพข้าศึกส่งมายั่วยวนตรงหน้าก็ไม่รู้สึกรู้สา มันไม่ใช่เพราะเขาเห็นภารกิจเป็นใหญ่ แต่หญิงสาวพวกนั้นไม่สามารถทำให้เขาสนใจได้ต่างหาก ตรงข้ามกับคนแข็งนอกอ่อนในแบบร่างเล็กตรงหน้า
“ทำแบบเมื่อครู่กับหม่อมฉันอีกได้หรือไม่เพคะ” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยเนิบนาบคล้ายวิงวอน
“ใช่ว่าจะไม่ได้” รุ่ยอ๋องนั่งบนเก้าอี้ปลายเตียงก่อนดึงร่างบางมานั่งบนตักทำให้สายตาของทั้งสองประสานกันพอดิบพอดี
ดวงเนตรที่ประสานกันอยู่อัดแน่นไปด้วยความปรารถนาและโหยหากันและกัน หัวใจดวงน้อยในอกเต้นระรัวด้วยความรู้สึกยากเกินอธิบาย
คิ้วตรงเรียงเส้นสวยรับกับดวงตาสีรัตติกาลคู่นี้เหลือเกิน นิ้วเรียวของอี้เหม่ยหลิงลูบไล้บนใบหน้าบุรุษที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ลูกกระเดือกบริเวณลำคอเคลื่อนขึ้นลงช้าๆ ยามที่เจ้าตัวกลืนน้ำลายลงคอ ร่างกายอรชรรู้สึกปั่นป่วนไปหมดจนเกินควบคุม รู้ตัวอีกทีก็เป็นฝ่ายเคลื่อนตัวเข้าหาท่านอ๋องหนุ่มเสียแล้ว
หญิงสาวเป็นฝ่ายเข้าไปจุมพิตคนตัวโตด้วยตนเอง แต่เพราะความไม่ประสีประสาจึงทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นก่อนเอ่ยว่าต้องทำเช่นไรและแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง ริมฝีปากของไห่เทาเคลื่อนไหวด้วยความชำนาญทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนจะทะลุออกมาจากอก
“เก่งแล้ว” พอนางทำได้ดีเขาก็เอ่ยชม แบบนี้มิต่างอะไรกับหยิบยื่นขนมหวานเป็นรางวัล
“พอหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างหูก่อนจะงับเบาๆ ตรงใบหูอ่อน คนบนตักส่ายหัวไปมา
“ถ้ามากกว่านี้ข้าจะทำแค่จูบไม่ได้แล้วนะ” คำเตือนนี้บอกไปก็ไม่ได้ผลเพราะกระต่ายน้อยของเขายังจมอยู่ในบ่วงเสน่หายากเกินกว่าจะปีนขึ้นมา
มือสากลูบวนบนแผ่นหลังนวลเนียนแม้ไม่ได้ตั้งใจแต่เขาก็ปลุกเร้าอารมณ์นางจนยากเกินดับ วงหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้จากนั้นจึงกดลงข้างลำคอระหงซุกไซ้จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอม
“ท่านอ๋อง....” โฉมสะคราญในอ้อมแขนเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างกายบอบบางรุ่มร้อนไปทุกส่วนสัดโดยเฉพาะบริเวณที่สันจมูกของชายหนุ่มฝังอยู่
ทางด้านไห่เทาเขาเองก็ได้รับควันกำยานไปเช่นกันแต่ยังอยู่ในระดับที่ทนได้ ทว่ายิ่งถูกนางเรียกด้วยน้ำเสียงกระเส่าและออดอ้อนเส้นความอดทนที่มีอยู่ดูเหมือนจะขาดออกจากกันเสียแล้ว