EPISODE 1
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ฉันรินรดา เรียกสั้นๆ ว่ารินก็ได้ อายุ 20 ปีบริบูรณ์ เรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ฉันเป็นเด็กที่ค่อนข้างเก็บตัวเวลาเจอผู้คนมากมาย แต่ฉันมีแฟนนะ อืม จะเรียกเขาว่าแฟนได้ไหมเพราะเขาเองไม่เคยบอกว่าฉันเป็นแฟนเขาเลย แค่เราทำตัวเหมือนแฟนกันทุกอย่าง
"รินช่วงนี้ฉันไม่ค่อยเห็นพี่เสือเขามารับมาส่งแกเหมือนเมื่อก่อนเลยว่ะ ทะเลาะกันป่าววะ"ขิมถามฉัน เธอเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน เราสองคนสามารถคุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง แต่คนอย่างฉันน่ะเหรอจะทะเลาะกับพี่เสือ เราสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลยต่างหาก ฉันไม่ค่อยชอบการมีปากเสียงเท่าไหร่ แค่พ่อกับแม่ชอบทะเลาะกันรินรดาคนนี้ก็ปวดหัวจะเเย่แล้ว ถ้าให้มาทะเลาะกับแฟนอีก ฉันอกแตกตายแหง
"ป่าวนะ เมื่อคืนเขาไลน์มาบอกว่าไม่ว่างอะ"ฉันตอบไปตามความจริง
"อะไรวะ ไหนบอกกับฉันอย่างดีว่าจะดูแลแกแทนฉันได้ไง ปากดีไปงั้นแหละวะ" ขิมเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างใจร้อนง่ายมาก เพราะเธอคงไม่ไว้ใจพี่เสือเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าขิมจะไม่ชอบขี้หน้าเขาด้วยล่ะ
"ไม่เอาน่าขิม พี่เสือยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ อย่าไปว่าเขาเลย" ที่ฉันห้ามไม่ใช่เพราะเข้าข้างเขา แต่เพราะฉันไม่อยากให้ขิมตีตนไปก่อนไข้ ฉันว่าพี่เสือเองเขาก็ทำหน้าที่ดูแลฉันได้ดีไม่น้อย ถึงมันอาจจะไม่ได้หรูหรามาก แต่ฉันก็มีความสุขกับมันมากเหมือนกันนะ
ฉันพอใจในสิ่งที่มันมีอยู่ตอนนี้และฉันเองก็ไม่เคยมองใครนอกจาก ..พี่เสือ
คิดว่าการได้เป็นแฟนกับตัวเองชอบมันไม่ดีงั้นเหรอ มันเป็นอะไรที่บ้าหลุดโลกไปเลยต่างหาก เขาคือรักแรกของฉัน พี่เสือเขาเป็นโลกอีกใบของฉันเลยนะ จะว่าโอเว่อร์ไปก็ไม่เชิงแต่มันเป็นเพราะเขาเอาใจใส่ฉันดีถึงจะเป็นช่วงแรกๆ ก็เถอะ แต่ฉันจะพยายามบอกเขาว่าไม่เป็นไร ฉันจะคอยห่วงเขาอยู่ห่างๆ เอง
บางคนก็มองว่าฉันเป็นตัวตลก ไม่เคยส่องกระจกดูสภาพตัวเองเลยว่าเฉิ่มขนาดไหน ผู้หญิงแบบฉันพี่เสืออยากจะควงไปไหนกัน แว่นหนาๆ ของฉันมันทำให้ทุกคนมองว่าฉันเฉิ่มงั้นเหรอ หรือกระโปรงพีชยาวมันทำให้คนอื่นมองว่าฉันเป็นคนหัวโบราณ หรือการพูดของฉันกันที่บ่งบอกว่าฉันมันไม่ทันสมัย งั้นเหรอ? แต่ฉันเป็นตัวเองแบบนี้มันก็ดีกว่าใส่หน้ากากเหมือนคนอื่นไม่ใช่เหรอ
ฉันน่ะ บริสุทธิ์ใจนะ
"แกไม่ต้องปกป้องมัน ขิมล่ะเกลียดคนเจ้าชู้ แกไม่รู้เหรอวะรินว่ามันควงสาวกี่คนแล้วอะ แล้วเพื่อนฉันล่ะ พี่มันเอาแกไปไว้ไหนวะ"
ฉันก็อยากจะเชื่อแบบนั้น แต่เวลาถามเขาทีไร พี่เสือก็จะตอบว่าเพื่อนบ้าง น้องสาวเพื่อนบ้าง หรือรุ่นพี่รุ่นน้องกันประมาณนี้ ฉันก็เลยไม่อยากจะเอื้อนเอ่ยถามให้มันมากความ ถามไปเขาก็จะหาว่าฉันชวนทะเลาะเปล่าๆ เพราะตราบใดที่ฉันยังไม่เห็นกับตาตัวเองว่าเขานอกใจ ฉันก็ยังพร้อมที่จะให้โอกาสเขาอยู่นะ
มันอาจฟังดูงี่เง่า แต่มันคือความสุขของฉัน พี่เสือคือโลกทั้งใบของฉัน
เขาทำแบบนี้ราวกับว่ารอเวลาบอกเลิกฉัน.. และเขาเป็นแบบนี้มาได้สักอาทิตย์กว่าๆ กับการเปลี่ยนไปมากขนาดนี้หรือบางทีเขาอาจจะเบื่อฉันแล้วก็ได้
"ขิมใจเย็นก่อนดิ"
"ฉันไม่อยากให้แกเจ็บนะริน แกเป็นเพื่อนฉัน" สายตาของเพื่อนตรงหน้าอ่อนลงเมื่อเห็นฉันเริ่มเบะปากเหมือนจะร้องไห้ เอาเข้าจริงฉันมันก็อ่อนแออย่างที่หลายคนว่า แต่ทำยังไงได้ฉันเข้มแข็งเหมือนพวกเธอไม่ได้
"ขิม ..ฟังเราก่อนนะ"
"..."
"ถึงตอนนี้เขาอาจจะไม่สนใจเรา แต่เราก็มีความสุขดี ..แค่นี้ให้เราไม่ได้หรอ"
"เฮ้อ เออๆ ฉันยอมให้มึงมีความสุขให้เต็มที่ แต่ถ้ามันทำแกเจ็บขึ้นมา ..ถึงวันนั้นแกจะมาโทษฉันไม่ได้นะเว้ย"
"อื้ม ขอบใจนะ"ฉันตอบกลับพร้อมกับคลี่รอยยิ้มบางๆ ให้ คิดว่ามันง่ายนักเหรอกับการที่จะต้องทนฟังคำติฉินนินทากันสารพัดเพียงเพราะว่าฉันไม่เหมาะสมกับเขา ฉันมันเฉิ่ม ไม่มีลีลาเด็ดเท่าพวกเธอ ยังซิงบ้าง สมองกวงบ้าง แต่ฉันไม่สนใจคำพวกนี้หรอก
แค่คนที่ฉันรักไม่มองฉันแบบนั้นก็พอ
"แกเป็นเพื่อนรักฉันนะริน อย่าให้ใครมาเอาเปรียบง่ายๆ "
"รู้แล้วจ้าา ขอบคุณนะที่เป็นห่วง"ฉันตอบกลับอีกครั้งก่อนที่จะโผเข้ากอดขิมเบาๆ อาจจะมีแค่ขิมแหละมั้งที่เราแสดงความรักกันได้อย่างเปิดเผยเพราะว่าเราเป็นเพื่อนกัน มันก็เป็นธรรมดาเพราะเราเป็นเพื่อนกัน แต่กับพี่เสือเราไม่เคยจับมือกันในที่สาธารณะ ไม่เคยแสดงตัวว่าเป็นแฟนกันเลยด้วยซ้ำต่อหน้าคนอื่น มันอาจฟังดูแปลกๆ แต่ฉันก็อยากให้เขาบอกคนอื่นเหมือนกันว่าเราเป็นอะไรกัน
อีกอย่างมันเป็นเพราะฉันด้วยที่ไม่อยากให้คนที่เป็นขวัญใจสาวๆ ต้องมาเดินข้างยัยเฉิ่มแบบฉันด้วย ฉันไม่อยากให้เขาโดนนินทาหรือว่าในทางไม่ดี
"นั่นไง ตายยากฉิบหาย"
"ไม่เอาน่าขิม" ฉันหันมองไปตามสายตาของเพื่อนตัวเองก่อนจะพบว่าพี่เสือกำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนนึงท่าทางดูสนิทสนมกันมากเลยนะนั่น พี่เสือยืนคุยในท่าทีที่สบายๆ มือลูบหัวผู้หญิงอีกต่างหาก เป็นอะไรที่เขาไม่เคยทำกับฉันมาก่อนเลย
"ครั้งนี้ฉันจะปล่อยไป"
"ขิม"
"เออๆ อ่านหนังสือและ แม่งรกลูกตาฉิบหาย"ขิมโวยวายแล้วก็นั่งฮึดฮัดอ่านหนังสือตรงหน้าต่อไป แต่ฉันเองไม่สามารถละสายตาจากเขาสองคนได้เลย ถ้าจำไม่ผิดเธอคนนั้นน่าจะเป็นดาวของมหาวิทยาลัยด้วย ไม่แปลกที่พี่เสือจะเข้าไปคุยด้วย เธอทั้งสวย ทั้งเก่ง ใครก็อยากเข้าใกล้เป็นธรรมดา
อ่า ฉันคงคิดมากเกินไปแล้ว
ตกเย็น
กว่าจะเลิกเรียนเล่นปาไปเกือบจะทุ่มอยู่แล้ว วันนี้มีคลาสเรียนยาวแล้วฉันก็กะว่าจะไปเรียนพิเศษ เป็นครอสภาษาน่ะ ฉันอ่อนภาษามากเลยขอพ่อกับแม่เอาไว้ว่าอยากจะเรียน แล้วก็งานตอนนี้ที่ฉันรับจ้างทำก็พวกวาดรูปเสหมือนจริงบ้าง ออกแบบวาดคาแรคเตอร์พวกเขาบ้าง เป็นการสร้างรายได้ระหว่างเรียนน่ะ คนอื่นชอบมองว่าฉันเกาะพี่เสือกินตลอด ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยขอจากเขาสักบาท มีแต่เขาที่ชอบซื้อมาให้มาฉันตลอดเลย
ฉันไม่ใช่คนติดหรู ไม่ติดของแบรนด์เนม แต่งหน้าก็ไม่เก่ง เพราะฉันมีนิสัยที่แก้ไม่หายก็คือตื่นสาย มัวมาแต่งหน้าอีก เข้าเรียนเลทกันพอดี อีกอย่างฉันถูกเลี้ยงดูมาด้วยคำสอนของป๊า ป๊าเป็นทหารเก่า โหดเอาเรื่องเลยล่ะ ฉันยังไม่กล้าบอกป๊าเลยเรื่องพี่เสือ
กลัวเขาไปเอาเลือดหัวออกมากกว่า
ตอนนี้ฉันแวะเข้ามาที่หอพักชาย ไม่ได้มาทำเรื่องอื่นหรอกนะ แค่จะเอาขนมที่ซื้อมาจากฮ่องกงเอามาฝากพี่เสือแค่นั้นเอง เขาพักอยู่ที่นี่กับเพื่อนๆ ส่วนขิมตอนนี้ฉันส่งเธอขึ้นรถเมล์ไปแล้ว เดี๋ยวพอเสร็จตรงนี้ฉันค่อยโทรให้ป๊ามารับ
"เฮ้ย นั่นมันน้องรินนี่หว่า ทำไมวันนี้เลิกดึกจังเลยล่ะครับ ให้พี่ไปส่งไหม" นั่นไม่ใช่เสียงของคนขี้เมาที่ไหนหรอกนะ มันเป็นเสียงของพี่บาสเพื่อนของพี่เสือเอง เขาชอบเเซวแบบนี้ประจำ ฉันไม่ชอบหรอกที่เขาชอบใช้วาจาแทะโลมแต่ก็ไม่กล้าบอกเขาอยู่ดี
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณมาก"ฉันตอบกลับด้วยความนอบน้อม พร้อมกับโค้งศีรษะให้น้อยๆ แต่สายตาดันหันไปมองเจอพี่เสือที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าหอด้วยนี่สิ ฉันถึงกับอึ้งอย่างบอกไม่ถูก เขากำลังเล่นโทรศัพท์แล้วก็พิมพ์อะไรยุกยิกๆ อยู่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่ยืนตัวแข็งถือถุงขนมในมือสั่นๆ
"เห้ยเสือมึงไม่มีอะไรพูดหน่อยเหรอวะ เงียบเป็นเป่าสาก"
"เออน้องรินคนสวยมาทั้งที"
"ยุ่งอยู่"
"น้องมันอุตส่าห์มาหา ดึกแล้วด้วยไปส่งน้องไปหน่อยไป"พี่ปาร์คพูดแทรก เขาค่อนข้างเงียบและสุขุมสุดในกลุ่ม แต่ฉันก็ไม่ใว้ใจใครในหมู่เพื่อนเขาเลยสักคน
"กูไม่ว่าง"เขาตอบกลับเสียงแข็ง มิหนำซ้ำเขายังทำเป็นเหมือนไม่เห็นฉันอีกต่างหาก
"คือพี่เสือ.. รินเอาขนมมาให้ค่ะ"ฉันพูดพลางขยับแว่นเล็กน้อยแก้เก้อ รู้สึกหน้าชาๆ ยังไงก็ไม่รู้ที่ได้ยินพี่เสือพูดออกมาแบบนั้น แต่ฉันก็ต้องปั้นหน้าฉีกยิ้มแล้วยื่นถุงขนมให้พี่เสือไป เขาเงยหน้ามองฉันนิ่งๆ แล้วก้มหน้าเล่นมือถือต่อ พี่ปาร์ครับถุงขนมแทนพี่เสือไปแล้วยิ้มน้อยๆ ให้ฉัน
"พี่เสือคะ คือวันเกิดพี่เสือที่จะถึงนี้ อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า พอดีว่ารินเลือกของขวัญไม่ค่อยเก่ง อืม แล้วก็.."
"กลับบ้านไปก่อนไป ไม่มีอารมณ์ว่ะ" ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค เสียงทุ้มต่ำฟังดูไม่ค่อยสบอารมณ์ของเขาก็ดังขึ้นมาซะก่อน ดูท่าทางวันนี้เขาคงจะอารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
"อะ เอ่อ.."
"เห้ย ไอ้เสือมึงจะไปดุน้องมันทำไมวะ หงุดหงิดเชี่ยไรมาไปลงกับเด็กหมด" พี่ปาร์คเป็นคนที่ออกรับแทนฉัน ซึ่งปากฉันเองมันก็หนักเกินกว่าจะอ้าบอกเขาเหมือนกัน น้ำตารื้นขึ้นที่เบ้าตาฉันน้อยๆ ฉันเลยรีบยืนก้มหน้ามองพื้นต่ำทันทีกลัวว่าเขาเห็นฉันร้องไห้แล้วจะหงุดหงิดขึ้นไปอีก
"เรื่องของกู"
"เรื่องของมึงเหี้ยอะไรล่ะ น้องมันกลัวมึงหมดแล้ว โทษทีนะริน ไอ้เสือมันเมาอะ เรากลับไปก่อนเถอะ"
"ขอโทษนะคะที่ทำให้เสียเวลา พี่เสือ.. รินกลับก่อนนะ"
"อือ"เขาตอบกลับสั้นๆ
ฉันเลือกที่จะตบเท้าหันหลังให้เขา แต่ยังไม่ทันไรสายขิมมันก็มายืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าฉันพลางหอบหายใจเหนื่อยไปด้วย
ฉันมุ่นคิ้วขึ้นน้อยๆ เหมือนถามคนตรงหน้าว่ามาทำอะไรที่นี่กัน
"แกลืมกระเป๋าเงินน่ะริน ฉันวิ่งจากป้ายโน่นมาให้แกเนี่ย"ขิมเล่าไปหอบหายใจเหนื่อยไปด้วย
"ขะ ขอบใจนะ ที่จริงไม่ต้องก็ได้ วันนี้ป๊ามารับอะ"
"อืม แต่เมื่อกี้เหมือนฉันจะได้ยินประโยคเด็ดจากพี่เสือของแกนะ"ขิมว่าพลางใช้หางตามองพี่เสืออย่างไม่พอใจ ถ้าฉันกล้าแบบขิมบ้างก็คงจะดีสินะ นี่ฉันกลัวไปหมด ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยบอกเขาว่าให้ไปส่งเลยด้วยซ้ำ
"ช่างเถอะ กลับบ้านกัน"
"บอกแล้วว่าให้เลิกกับแม่งก็ไม่เลิก คนบ้าอะไรวะตอนอยากจะได้กับตอนนี้โคตรต่าง รับปากอย่างดีว่าจะดูแลแก สุดท้ายผู้ชายแม่งก็เหมือนกันหมด! "
"ขิม พอเถอะ" สองแขนฉันพยายามที่จะลากให้ขิมเดินออกมาด้วย แต่เชื่อเลยเถอะว่าตอนนี้ขิมเองก็คงจะหัวร้อนไม่น้อย มันน่าจะได้ยินตอนที่พี่เสือคุยกับฉันแล้วก็ท่าทางอาการเมินฉันขนาดนั้น บอกตามตรงฉันก็น้อยใจแต่ก็เรียกร้องอะไรไม่ได้อยู่ดี
"ขิมพี่ว่าเรากลับบ้านไปก่อน ไอ้เสือมันเมา พูดอะไรไปก็เท่านั้นแหละ"พี่ปาร์คบอก
"เมาแล้วจะปากหมายังไงก็ได้อ่อวะ แมนฉิบหาย เอาป่ะพี่ ขิมให้ยืมกระโปรงใส่! "
"ขิม พอเถอะ เราบอกให้พอไง ฮึ่ก.. กลับบ้านกันเถอะ"
"จะเอาไงวะ ถ้าไม่สนใจเพื่อนขิมก็เลิกไปเลยดิวะ เลิกมั๊ยเลิก! "
น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ฉันต้องเสียน้ำตาเพราะเขา กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องร้องไห้ต่อหน้าเขา ฉันรู้ว่าน้ำตาของฉันมันไม่ได้มีความหมายกับเขาเลย แต่ฉันห้ามความเจ็บปวดในใจของตัวเองไม่ได้เลย ที่ช็อคยิ่งกว่านั้นคือคำพูดจากปากของพี่เสือทำเอาฉันนิ่งชะงัก ทำอะไรไม่ถูกเลยสักนิด
"เออ อยากเลิกก็เลิกไป น่ารำคาญ"