Rose 6

1523 คำ
Rose 6 “ไอ้มายด์! มาทางนี้หน่อย” ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังมาจากด้านหนึ่ง จึงหันไปมองตามเสียงเรียก ก็เห็นว่าเพื่อนร่วมรุ่นอีกกลุ่มกำลังโบกมือให้ “เดี๋ยวมานะ” “เอาอีกแล้ว เหมือนเป็นผู้ใหญ่บ้านอะ แวะไปหาทุกโต๊ะ” อดัมแซวฉันขำ ๆ เพราะนี่เป็นเรื่องปกติของฉันเลยแหละที่ชอบเดินเล่นเดินไปคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ แม้จะไม่สนิทก็คุยเล่นด้วยได้ แต่คนที่ฉันสามารถคุยด้วยได้ทุกเรื่องมีเพียงพิมพ์ใจคนเดียวเท่านั้น “อย่าดื่มหนักนะ ฉันขี้เกียจลากแกขึ้นห้อง” ยัยพิมพ์ก็เหมือนจะเตือนแต่ยังหัวเราะอยู่เหมือนเดิม “เอาน่าขอหน่อย นาน ๆ ทีจะเจอเพื่อนอะ” บอกเพื่อนสนิทก่อนจะเดินไปยังโต๊ะของเพื่อนที่ตะโกนเรียกก่อนหน้านี้ ซึ่งพอได้นั่งพวกมันก็พากันเมาท์มอยเรื่องยัยโรสให้ฉันฟัง โดยที่ไม่ต้องเอ่ยถามอะไรเลยสักอย่าง “โอ๊ยยย ยัยนั่นน่ะไม่แปลกใจเหรอว่าทำไมแก๊งหล่อนถึงไม่มา” เพื่อนคนหนึ่งถามฉัน มือก็รินเครื่องดื่มใส่แก้วไปด้วย ฉันส่ายหน้าแล้วรับแก้วเครื่องดื่มมาจิบเบา ๆ ไปพลาง “กลุ่มแตกแล้วย่ะ ยัยนั่นน่ะไปจีบแฟนเพื่อน แล้วก็ไปมีอะไรกันน่ะสิ” “ว้าย อ่อยแฟนเพื่อนจนได้เลยอะนะ” เพื่อนอีกคนกระซิบถามด้วยน้ำเสียงตกใจ “ใช่ สองคนนั้นก็เลิกกันแล้วแหละ แต่เหมือนเพื่อนในกลุ่มจะไม่คบยัยงูพิษต่อแล้ว นี่ยังแปลกใจทำไมมากับอาทิตย์ได้” “นั่นสิ แล้วก็ทำตัวเป็นเจ้าของเลยนะ” “เออ เห็นแล้วหมั่นไส้ ไม่มีเพื่อนคบแล้วไง เลยไปเกาะกลุ่มแกแบบนั้นน่ะ” อีกฝ่ายหันมาเตือนฉัน “อย่าไปสนิทมากนักนะ แกน่าจะรู้ว่ายัยนั่นเป็นยังไง” “อื้อ เข้าใจแล้ว” ฉันรู้ เพราะเรื่องที่เธอคบกับแฟนของเพื่อน ฉันเองก็เคยเห็นกับตาน่ะสิ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าอาทิตย์คิดอะไรอยู่ถึงได้เข้าไปพัวพันกับเธอแบบนั้น แต่หากว่าชอบพอกันอยู่ฉันก็ไม่เข้าไปยุ่งหรอก ก็นะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายอะไรกันอยู่แล้ว “จริงสิ! วันนี้จู่ ๆ นางก็ส่งรูปเข้ามาในไลน์แล้วพิมพ์แบบนั้น งงเหมือนกันว่าใครถาม” “มั่นหน้าสุดอะ” “แล้วนี่อดีตเพื่อนนางก็เตือน ๆ กันอยู่นะว่า นางกำลังหาคนเกาะใหม่อยู่ เพราะคนเก่าเสพยาก็เลยโดนจับ ตอนนี้นางเลยเหมือนโดนลอยแพ” “เออ อันนี้น่าคิดนะ อาทิตย์มันรวยอะ ถึงแม้อดัมกับเคลวินจะรวยเหมือนกันก็เถอะ แต่อาทิตย์มันใจดีไงเลยคิดว่าคงจะจับง่ายกว่ามั้ง” โต๊ะนี้เมาท์กันอย่างออกรสออกชาติเลย ทั้งยังหันมาเตือนฉันอย่างหวังดีอีก “แกก็อย่าไปยุ่งล่ะมายด์ ยัยนั่นทำตัวเองทั้งนั้นอะ” “อื้อ ๆ เข้าใจแล้ว ขอบใจมากเลยนะที่เตือน แต่หมดแก้วนี้จะกลับโต๊ะแล้วนะ” ฉันบอกยิ้ม ๆ แล้วนั่งจอยนั่งดื่มด้วยกันสักพักก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ พร้อมกับเสียงที่เริ่มหายไป “เอาละ เสียงเริ่มหายละ” เคลวินเอ่ยแซว แต่มือกลับชงเหล้ารัว ๆ สวนทางกับคำพูด บูมที่หลับไปงีบหนึ่งก็ตื่นขึ้นมาดื่มต่อด้วย ส่วนใบหม่อนท่าจะดื่มไม่ไหวแล้วเลยนั่งนิ่ง ๆ แทน “สุดเหวี่ยงไปเลยไหมล่ะ” ฉันกลายเป็นยัยขี้เมาแล้วรับแก้วจากเคลวินมาดื่มอึกใหญ่ “พอได้แล้วมั้ง?” ติดอยู่ที่เสียงทุ้มของใครบางคนที่รองเตือน ทั้งยังยื่นมือมาหมายจะดึงแก้วออกจากมือฉันอีก แต่เป็นฉันที่ชิงผลักมือข้างนั้นให้ออกห่าง “อื้อ อย่ามาจับ” ร้องท้วงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “มายด์อย่าดื้อ มันดึกแล้ว รู้ตัวไหมว่าเสียงหายแล้ว” อ่า นี่เป็นประโยคยาว ๆ ครั้งแรกจากเขาในคืนนี้เลยมั้งนะ “อย่ามายุ่ง” ฉันเตือนอีกฝ่าย ทั้งยังตีมือใหญ่จนเกิดเสียงดัง แต่เพื่อนคนอื่นไม่ได้ตกใจอะไรนัก อาจจะเป็นเพราะคุ้นชินไปเสียแล้วที่ฉันชอบตีมือคู่นี้เวลาอีกฝ่ายพยายามเตือนให้หยุดดื่ม แต่ใครบางคนที่ยังนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งยังคลุมเสื้อของอาทิตย์ไว้กลับรีบเอ่ยสั่งสอนฉันขึ้นมา “ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะมายด์ อาทิตย์เป็นห่วงนี่ จะมาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ไม่ได้นะ” “นี่...รำคาญอะ หยุดสั่งสอนได้ปะ? ขอร้อง” ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังพูดจาไม่ดี แต่บางทีการที่ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ต่อว่าฉันทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เธอแบบนี้น่ะ มันทำให้ความอดทนของฉันต่ำลงเรื่อย ๆ อยู่เหมือนกันนะ “เราหวังดี ทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ อาทิตย์มานั่งข้างเราดีกว่าไหม?” เจ้าของเสียงหวานหันไปเอ่ยชวนอาทิตย์และยังไม่วายสั่งสอนฉัน “ไม่เป็นไร อยากนั่งตรงนี้” แต่คำตอบทื่อ ๆ จากอาทิตย์กลับทำให้สาวเจ้าหน้าถอดสีไปเลย “อาทิตย์...” เธอพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ “ตีสองยังหรือยัง? ตีสองเลยได้ไหม ง่วงแล้วว่ะ” เป็นใบหม่อนที่บ่นพึมพำขัดขึ้นมาเสียก่อน คล้ายกับต้องการตัดประโยคเพราะกำลังรำคาญเสียงของโรสอยู่เหมือนกัน “ยัง หลับไปเลย ไม่ให้กลับก่อน” อดัมหันไปบอกห้ามแกน ๆ “ไม่หลับ ตาสว่างละ ได้ยินเสียงแมลงหวี่แมลงวัน” คนถูกห้ามไม่ให้กลับก่อนพูดแบบนั้น แล้วยื่นมือไปตักอาหารบนโต๊ะกินต่อ ฉันเองก็จ้องตัวปัญหาของโต๊ะอย่างไม่พอใจเช่นเดียวกัน ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็พยายามชวนคุย แต่แน่นอนว่าฉันหงุดหงิดจนไม่อยากคุยกับเขาแล้ว จนกลายเป็นเมินทั้งเขาและยัยคนนั้นที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมกลุ่มไปโดยปริยาย จวบจนถึงช่วงเวลาเกือบจะตีสองครึ่ง เราดื่มสังสรรค์จนเหล้าเบียร์หมด ถึงได้ชวนกันกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากมารวมตัวกันเกือบจะค่อนคืนแล้ว “เราจะไปส่ง...” คนตัวสูงเอ่ยบอกเรียบ ๆ ไม่วายยื่นมือมาจับแขนฉันไว้ในจังหวะที่เรากำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านในช่วงเวลาตีสองครึ่ง ตอนนี้ฉันน่ะเมาจนสติพร่าเบลอ และพร้อมจะหลับอยู่ตลอดเวลาแล้วน่ะสิ “ไม่เป็นอะไร” ถึงอย่างนั้นก็มีสติรีบบอกปฏิเสธ ทั้งยังดึงมือออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย ฉันไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้เขามาทำเหมือนเป็นห่วงเป็นใยกันเลย “มายด์ เมาขนาดนี้จะกลับยังไง เดี๋ยวเราไปส่ง” แต่คนตรงหน้ากลับพยายามหาเหตุผลมาโน้มน้าวกัน “อื้อ เดี๋ยวกลับกับพิมพ์ ไม่รบกวนหรอก พอแล้ว เราพอแล้ว แยกย้ายกันสักทีเถอะ” นั่นคือสิ่งที่ฉันบอกอีกฝ่าย ...เราควรแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเองได้แล้ว แม้มันจะยากสำหรับฉัน แต่เชื่อเถอะว่าสักวันความรู้สึกที่มีต่อเขามันจะลดลง อาจจะลดลงไปทีละน้อย แต่ฉันจะพยายามทำให้มันลดลงเรื่อย ๆ จนไม่รู้สึกเกินเลยกับเขา “ไปกับเรา” แต่อาทิตย์กลับไม่ยอมฟัง เขาดึงมือฉันให้เดินตามไปขึ้นรถ และไม่ยอมฟังคำปฏิเสธจากฉันเลยสักนิดเดียว พอฉันยื้อจะลงรถ เขาก็ดึงกระเป๋าสะพายของฉันไปคล้องคอตนเอง ป้องกันไม่ให้ฉันแอบหนีลงจากรถได้ “อาทิตย์เราขอนั่งหน้าได้ไหม” “ไปนั่งหลัง ถ้าจะกลับด้วย” เอ่ยแทรกห้วน ๆ ก่อนที่เจ้าของเสียงหวานที่ตามมาด้วยจะทันได้พูดจบ แล้วเดินกลับไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ คราวนี้ฉันได้นั่งฝั่งข้างคนขับแล้ว แต่ด้วยสติไม่เต็มร้อยจึงทำได้เพียงนั่งกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรกับใครทั้งนั้น จวบจนอาทิตย์ไปส่งโรสที่คอนโดฯ เสร็จแล้วยูเทิร์นมาส่งฉัน “เป็นอะไร...” “...” “...มายด์” อีกฝ่ายเอ่ยเรียกเสียงเข้ม แต่ฉันยังคงนิ่งเงียบกระทั่งเขามาส่งถึงหน้าคอนโดฯ ตัวเอง จึงยื่นมือไปดึงกระเป๋าสะพายใบจิ๋วนั้นออกจากคอคนที่ขับรถมาส่ง แล้วรีบเดินลงจากรถทันที ก็เป็นเสียแบบนี้ แล้วฉันจะตัดใจได้ยังไง? ฉันไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม