บทที่ 7
กระสุนปริศนา
SAIPAN’S PART ;
เวร!
เวรแล้วไงไอ้ป่าน!
คำคำนี้เป็นคำเดียวที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัวสมองของฉันตอนนี้
เวร เวร แล้วก็เวร!
ฉันกดใบหน้าให้หันตรงไปยังกล้องนับสิบที่กำลังจับภาพ แต่สติและจิตวิญญาณกลับว้าวุ่นจนแทบไม่รับอะไรเข้าสู่สมองได้อีกแล้ว
การปรากฏตัวของเขาคุณไตรทำให้ฉันตกใจจนแทบสลบ ทั้งการยืนประชิดจนต้นแขนชิดกับแผ่นหลังของฉัน ทั้งสายตาที่จดจ้องราวกับจะฆ่าแกงกันให้ตาย ไหนจะคำพูดทิ้งท้ายของเขาก่อนจะหันไปส่งยิ้มกรีดกรายให้กับกล้องนั้นอีก
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่ทำให้ฉันช็อกสติแตกจนไม่สามารถเรียกคืนได้อีกแล้ว
“ยิ้มสิ ไม่เห็นเหรอว่ากล้องจับอยู่” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งพลันทำให้ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจพร้อมกับจังหวะการหันใบหน้าไปมอง
ไม่รู้เลยว่าเขามาที่นี่ในสถานะอะไร แต่ถ้าจะให้เดินหนีหรือผลักไสก็คงต้องบอกตามตรงว่าใจไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น
แม้จะไม่รับรู้ตัวตน แต่ฉันก็รู้ว่าเขาโหดเหี้ยมและน่ากลัวเพียงใด
จากเหตุการณ์ที่พบเจอ รวมถึงถูกลูกน้องของเขาจับตัวฉันเข้าไปเค้นถาม มันก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าเขาคงมีอิทธิพลไม่น้อยเลยทีเดียว
“ขอบคุณมากเลยครับคุณไตร แหมเจ้าของงานเดินเข้ามาถ่ายรูปเองเลย เป็นเกียรติมาก ๆ เลยนะครับ”
“ใช่ครับ เมื่อกี้ตอนที่คุณไตรกล่าวเปิดงานผมเองก็ถ่ายไปได้นิดเดียว แต่ตอนนี้ได้ทั้งภาพคู่รถพร้อมกับน้องคนสวยด้วย โชคดีมาก ๆ เลยครับ”
จังหวะตัวกล้องลดระดับลงก็ทำให้ฉันตัดสินใจที่จะก้าวขาเดินนำหน้าขึ้นมาสองก้าว เพื่อให้พ้นจากรัศมีของเขา
ฉันเดินเข้ามาหาเหล่าพี่ ๆ นักข่าว พยายามหาหนทางเพื่อหลบหลีก แต่เป็นต้องตกใจกับคำเอ่ยเรียกและสรรพนามที่ได้ยิน
“เจ้าของงาน...” ราวกับล่วงรู้ความสงสัยที่อยู่ในใจ เพราะมันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่ฉันกำลังตั้งคำถาม สถานะของคุณไตรถูกเปิดเผยจากการบอกกล่าวของคนอื่นโดยที่ฉันไม่ต้องไถ่ถามเลยสักนิด
เจ้าของงานอย่างนั้นเหรอ!
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่มาร่วมงานเปิดตัวในวันนี้ ตามสบายนะครับ”
ฉันรีบตั้งสติและพยายามมองหาหนทางหนี เห็นไกล ๆ ว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ กำลังยืนที่จุดพักรับรอง รวมไปถึงเจ๊สวยเองก็ยังยืนถ่ายรูปเก็บภาพโปรโมตภายในงานบริเวณนั้นเช่นกัน
ฉันกรีดยิ้มให้กับเหล่าผู้สื่อข่าวเล็กน้อย ก่อนจะค้อมศีรษะลงและค่อย ๆ ถอยตัวเดินออกมา
แต่ทว่า...
“เชิญทางนี้ครับ” ชายชุดดำแปลกหน้าสองคนเดินเข้ามาประจันหน้าทำให้ฉันจำต้องรีบชะงักฝีเท้าโดยเร็ว
อารามตกใจทำให้เบิกตากว้างก่อนจะหันขวับไปมองเจ้าของงานที่ตอนนี้กำลังให้สัมภาษณ์กับเหล่านักข่าว หากแต่ฉันกลับมั่นใจว่าพวกคนเหล่านี้จะต้องเป็นคนของคุณไตรเป็นแน่
“ปะ...ไปไหน” ฉันถามเสียงสั่น แต่ขาสองข้างยังคงก้าวถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว
“เดินตามผมมา แล้วก็อย่าส่งเสียงด้วย” อีกหนึ่งเสียงที่แทรกขึ้นทำให้ความสั่นผวาเกิดมากกว่าเก่า เขาคือลูกน้องคนสนิทของคุณไตร แถมยังเป็นคนที่เค้นถามฉันในวันนั้นอีกด้วย
ฉันกวาดสายตามองเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง แต่ด้วยร่างกายสูงใหญ่ของชายชุดดำกำยำที่มันบังร่างกายของฉันจนแทบเลือนหาย แถมสายตาและความโหดเหี้ยมที่ส่งผ่านมาทำให้ฉันจำต้องเดินตามคำสั่งของคนเหล่านั้นไปยังพื้นที่นอกการจัดงาน
ระหว่างทางตกอยู่ในความเงียบและความอึดอัด ฉันเดินมาตามทางที่เขาบอกก่อนจะหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อมาถึงพื้นที่ด้านนอกซึ่งเป็นที่ลับตาไร้ผู้คน
ความหวาดหวั่นตีตื้นจนหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ฉันกลับวางใจไม่ได้เลยว่าการเจอกับคนพวกนี้จะทำให้ชีวิตของตัวเองเสี่ยงอันตรายอีกครั้ง
“เดี๋ยวเจ้านายผมก็มาแล้ว ช่วยรอตรงนี้สักครู่นะครับ” คนตัวโตเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไปในนั้น
“คุณรุต คุณชื่อรุตใช่ไหมคะ นี่คุณฉันขอยืนยันนะคะว่าฉันไม่ใช่สายสืบ และการที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะมาทำงาน ฉันเป็นพริตตี้สังกัดเจ๊สวย ฉันได้รับการจ้างงานมาอย่างถูกต้อง คุณจะค้นดูหลักฐานหรือสลิปการโอนเงินก็ได้ว่าฉันถูกจ้างมาเป็นพริตตี้จริง ๆ”
คำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมาแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะความลนลานตียุ่งจนลิ้นแทบพันกัน แต่เพื่อความอยู่รอดก็ควรแสดงความบริสุทธิ์ใจออกไป อีกทั้งฉันเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคุณไตรเป็นเจ้าของงานนี้
ถ้ารู้สักนิดฉันมั่นใจเลยว่าจะไม่ย่างกรายเข้ามาเฉียดในพื้นที่แห่งนี้แม้แต่ปลายเล็บ!
“...”
“หรือไม่คุณก็ให้คนมาจับตาดูฉันตอนทำงานก็ได้ แต่ฉันขอกลับเข้างานก่อนได้ไหม นี่ก็หายออกมาโดยไม่ได้บอกใครเลย ป่านนี้เจ๊สวยคงตามหาฉันจนวุ่นแน่” ในใจกลัวจนแทบเตลิด แต่ความรับผิดชอบที่ค้ำคอล้วนทำให้ไม่สามารถหลบหนีไปจากที่นี่ได้
อาจเป็นเพราะจำนวนเงินที่ว่าจ้างรวมถึงความไว้เนื้อเชื่อใจของต้นสังกัดงาน มันเลยทำให้ฉันละทิ้งความรับผิดชอบที่พึงมีไปไม่ได้ แล้วอีกอย่างมันก็เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถพิสูจน์กับคนพวกนี้ได้ว่าฉันมาทำงานจริง ๆ
“...”
“คุณอย่าเงียบสิ ฉันต้องเข้าไปในงานจริง ๆ คุณก็น่าจะเห็นว่าฉันเป็นคนโฟน เอ่อ...เป็นคนพูดรายละเอียดตัวรถ ถ้าฉันหายไปทั้งคนมีหวังงานที่เจ้านายคุณสร้างมาคงพังแน่”
“ห่วงงานหรือตั้งใจจะหนีกันแน่!”
ทว่าเสียงทรงพลังเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินเข้ามาประชิดจนถึงร่างกาย
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดสั่งให้ฉันถอยหลังหนี หากแต่พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้กว้างขวางมากพอจึงทำให้แผ่นหลังของฉันชิดติดกับกำแพง ตามมาด้วยร่างกายของเขาที่เดินตรงปรี่เข้ามาจนมีระยะห่างระหว่างกันและกันไม่กี่ก้าวเท่านั้น
“เธอบอกว่าเธออยู่ในสังกัดเจ๊สวยครับนาย”
ลูกน้องข้างกายกล่าวรายงานตามสิ่งที่ฉันบอก นั่นจึงทำให้ฉันรีบพยักหน้าเสริมว่าฉันมาที่นี่เพื่อทำงานจริง ๆ
“ฉันไม่ใช่สายสืบจริง ๆ นะคะ ฉันเป็นพริตตี้ ฉันมาทำงานจริง ๆ แล้วตอนนี้ฉันก็ต้องเข้าไปในงานแล้วด้วย เดี๋ยวจะต้อง…”
“ยัยป่านหายไปไหนของมันเนี่ย! โอ๊ย...ใกล้จะโฟนรอบสองแล้วด้วย โทรไปก็ไม่รับสาย!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นแทรกในระยะไกล หากแต่ประโยคเหล่านั้นกลับทำให้ทั้งฉันและคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ยินกันอย่างชัดเจน
“เจ๊! ป่านอยู่นี่ ช่วยป่านด้วย!”
“นายระวังครับ!”
เหมือนเห็นความหวังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ฉันรีบขยับตัวหวังจะวิ่งหนีพร้อมกับการร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากเจ๊สวย แต่แล้วคำพูดก็ถูกกลืนกลับไปชั่วขณะ เมื่อเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
ปัง!
“กรี๊ด!!!”
เสียงดังกระหน่ำตามมาด้วยเสียงกรีดร้องจากภายนอกเข้าสู่โสตประสาทมาเป็นอันดับแรก แต่ทว่าหลังจากนั้นความเจ็บปวดกลับแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายของฉันทรุดลงสู่พื้นเป็นลำดับถัดมา
“เธอ!”
วงแขนแกร่งโอบประคองตัวของฉันเอาไว้เมื่อไร้เรี่ยวแรงจะหยัดยืนได้อีกต่อไป
หยาดเลือดสีแดงสดไหลหลั่งบริเวณต้นแขน บ่งบอกว่าเสียงดังสนั่นเมื่อครู่นี้เป็นเสียงปืน ซึ่งกระสุนนัดนั้นเฉียดผ่านแขนฉันไปได้อย่างหวุดหวิด แต่มันกลับสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดกับเนื้อกายได้เช่นกัน
“พวกมึงไปตามจับมันมา เร็ว!”
คำสั่งตวาดกร้าวก่อนที่เสียงฝีเท้าหนักจะวิ่งทิ้งห่างออกไปจากระยะที่ได้ยิน
“มันตั้งใจยิงกู แต่โดนยัยนี่แทน” คุณไตรพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะกดสายตามองมาที่ฉันที่ตอนนี้กำลังสั่นกลัวไปกับทุกสิ่ง
“ฉันไม่ได้ทำนะคะคุณไตร อึก...ไม่ใช่ฉันนะ ไม่ใช่...” แม้ว่าตอนนี้จะเจ็บแต่ก็ยังอยากยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าฉันไม่ได้อยู่เบื้องหลังของกระสุนนัดนี้อย่างแน่นอน
“แม่ง! ไอ้รุตมึงเข้าไปดูในงานก่อน ป่านนี้แตกตื่นกันหมดแล้ว!”
“แล้วนายล่ะครับ!”
เสียงสบถหนัก ๆ ของคนตรงหน้าทำให้หยาดน้ำตาไหลหลั่งออกมา ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ชีวิตของฉันจะเป็นยังไง อยู่ ๆ ก็มีกระสุนปืนปริศนายิงมา แถมมันยังเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกเขากำลังเค้นถามความจริงจากฉันอีก
“กูจะให้หมอรินมาดูแล!”
“แต่...”
“ทำตามที่กูสั่ง!