ตอนที่ 4

1412 คำ
เป็นเวลาเกือบอาทิตย์แล้ว ที่ภีรดาเอาแต่นอนอยู่ที่บ้าน เพราะหญิงสาวไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยจึงทำให้เพื่อนที่เธอเคยมีต่างแยกย้ายกันไปทำงานที่กรุงเทพฯกันหมด หญิงสาวเลยไม่มีเพื่อนพาไปเที่ยวที่ไหน ครั้นจะให้ไปคนเดียวก็กลัวไม่สนุก เลยเอาแต่นอนอยู่บ้าน เมื่อวานเธอลองเข้าไปที่บริษัทกับเจ้าสัวจักรชัยบิดาของเธอเมื่อไปถึงก็มีคนคอยต้อนรับเอาอกเอาใจจนน่ารำคาญวันนี้เธอจึงไม่ออกไปไหนเลยทั้งวัน “ไปหาอะไรกินดีกว่า ท้องร้องแล้ว รอก่อนนะลูกแม่อย่าพึ่งร้องกัน เดี๋ยวแม่พาไปทานข้าว” ภีรดาพูดกับพวกพยาธิในท้องออกมาเมื่อพวกมันพากันร้องประท้วงโครกครากออกมาเสียงดัง หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินลงไปหาอะไรทานรองท้องสักหน่อย “อ่าว นี่กลับมาไม่คิดจะทำการทำงานเลยเหรอคะคุณหนูภีม วันๆจะเอาแต่นอนกับกินอยู่แบบนี้เหรอคะ” เสียงของคุณฉายสุดาดังขึ้นมาทันทีที่ภีรดาเดินเข้าไปในห้องอาหารเพราะเธอก็กำลังทานอยู่เหมือนกัน “เอ แล้วคุณแม่เลี้ยงนอกสมรสของคุณพ่อละคะ ทำไมไม่หาการหางานทำบ้างละคะ เอาแต่กินนอนอยู่บ้านยังกับเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ซะเองละคะ หึหึ” ภีรดาตอกกลับจนคุณฉายสุดาหน้าหงายเพราะเธอลืมคิดไปว่าเธอก็ไม่ทำงานเหมือนกัน “แต่บ้านหลังนี้ฉันก็มีสิทธิครึ่งหนึ่งนี่เพราะยังไงมันก็เป็นบ้านของสามีฉัน ถึงแม้จะยังไม่จดทะเบียนแต่อีกไม่นานหรอกมันก็จะเป็นของฉัน” คุณฉายสุดายังพูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้หญิงสาวอย่างเด็ดขาด “หึหึ ใครบอกคุณแม่เลี้ยงละคะว่าบ้านหลังนี้เป็นของคุณพ่อไปดูโฉนดดีๆนะคะว่ามันชื่อใคร เอ... ชื่อภีรดารึเปล่าน้า อ้อ แล้วก็อย่าหวังเรื่องสมบัติลมๆแล้งๆของคุณพ่อเลยนะคะ เพราะหุ้นในบริษัททั้งหมดนั้นก็ลงชื่อว่าภีรดา คนสวยคนนี้นี่แหละ หึหึหึ สงสัยจะไม่รู้อะไรจริง ทีหลังก็อย่าพึ่งพูดออกมาแล้วกัน เพราะมันจะทำให้ดูโง่ไปทันที หึ ว่าจะลงมาหาข้าวอร่อยๆกิน เสียอารมณ์ ไปหากินข้างนอกก็ได้ ชิส์!!” ภีรดาบอกออกมายืดยาวด้วยความหมั่นไส้ และที่เธอพูดออกมาทั้งหมดนั้นคือความจริงทุกอย่าง ก่อนที่มารดาจะเสียท่านขอเจ้าสัวจักรชัยเอาไว้ว่าให้ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดเป็นชื่อบุตรสาวเพียงคนเดียงของท่านจากนั้นท่านก็จากเธอไปอย่างสงบ เงินปันผลของหุ้นในทุกๆปีถูกโอนเข้าใส่ไว้ในบัญชีของหญิงสาวทั้งหมดโดยบิดาของเธอไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลยแม้แต่น้อย เพราะแค่เงินทองที่เจ้าสัวจักรชัยมีอยู่นั้นใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ท่านจึงไม่เคยคิดที่จะมาเอาส่วนของบุตรสาวไปใช้ แถมยังซื้อโน่นซื้อนี่แต่ใส่เป็นชื่อของเธออีกมากมาย เจ้าสัวจักรชัยถึงจะเป็นคนเจ้าชู้หลายเมียตั้งแต่ภรรยาจากไปแต่ท่านก็รักบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านมากเสียยิ่งกว่าชีวิต อะไรที่ทำแล้วหญิงสาวมีความสุขท่านไม่เคยขัดใจ แต่แค่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ดูแลเท่านั้นซึ่งภีรดาเองก็เข้าใจและไม่เคยว่าอะไรกับความสุขของบิดา “กรี๊ด! แก ฉันจะเอาทุกอย่างมาเป็นของฉันให้ได้ คอยดู!!” พอหญิงสาวเดินลับหายไปเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นทันทีอย่างคับแค้นใจ เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าสมบัติทุกอย่างนั้นเป็นชื่อภีรดา นี่แสดงว่าที่ผ่านมาเธอลงทุนไปเสียเปล่าหรอกเหรอ จากนั้นแผนการร้ายต่างๆก็ผุดขึ้นมาในหัว ถ้าภีรดาไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว สมบัติทุกอย่างก็จะตกเป็นของเจ้าสัวจักรชัยเหมือนเดิม แต่งานนี้เป็นงานใหญ่เธอต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนถึงจะลงมือได้ ทางด้านภีรดาที่ขับรถออกมาจากบ้านเธอไม่รู้จะไปไหนจึงขับตรงมายังห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองเชียงใหม่แทน เพื่อหาอะไรทานรองท้อง เมื่อมาถึงเธอรีบเดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังทันที “อ่าว หนูภีม มาคนเดียวเหรอจ๊ะ บังเอิญจังเลยที่เจอหนูภีมที่นี่ พอดีป้ามาทานข้าวกับพี่สิงน่ะลูก นั่งกับป้าก่อนสิ ป้าก็พึ่งมาเหมือนกัน” แม่เลี้ยงคีตะเอ่ยทักทายขึ้นทันทีที่เห็นว่าคนที่พึ่งเดินเข้ามาในร้านคือภีรดาที่เธอหมายมั่นปั้นมืออยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ “อะ เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าคะคุณป้า วันนี้ภีมแต่งตัวไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เชิญคุณป้าตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวภีมไปนั่งโต๊ะอื่นดีกว่าคะ” ภีรดาบอกออกมา เพราะที่จริงเธอนั้นก็ไม่คิดว่าจะออกจากบ้าน แต่พอมาเจอแม่เลี้ยงสุดแสบของเธอ หญิงสาวจึงตัดสินใจขับรถออกมาจากบ้าน โดยสวมใส่แค่กางเกงขาสั้นจู๋กับเสื้อสายเดียวตัวเล็ก ถ้าใครไม่รู้จักคงคิดว่าหญิงสาวมาเดินขายนาผืนน้อยเป็นแน่ “ไม่เป็นไรหรอจ๊ะป้าไม่ถือ หุ่นภีมออกจะดีอย่างนี้ โชว์บ้างก็ไม่เห็นเป็นไร มานั่งก่อนลูก เดี๋ยวจะได้แนะนำให้รู้จักพี่สิงด้วย ไม่เจอกันนานไม่รู้หนูภีมยังจะจำพี่เขาได้รึเปล่า” แม่เลี้ยงคีตะบอกออกมาก่อนที่จะดึงแขนหญิงสาวให้นั่งลงข้างเธอ ไม่นานพ่อเลี้ยงสิงหาก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เขาเห็นตั้งแต่มารดายื้อยุดฉุดกระชากกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เลยยืนรอดูสถานการณ์อยู่ด้านนอก พอเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงเดินเข้ามา “อ่าวพ่อเลี้ยง มานี่ๆนั่งเลยลูก แม่จะแนะนำให้รู้จักน้องภีมลูกป้าพิมพา ยังจำได้ไหมพ่อเลี้ยง นี่ไงหนูภีมที่พ่อเลี้ยงเคยเล่นด้วยตอนกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยใหม่ๆไง พอจะจำได้รึเปล่า” แม่เลี้ยงคีตะแนะนำทั้งสองคนออกมา ซึ่งเมื่อพ่อเลี้ยงสิงหากับภีรดามองหน้ากันชัดๆทั้งสองก็เกิดอาการเหวอตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะต่างคนก็ต่างเคยเจอกันมาแล้วตั้งสองรอบโดยบังเอิญ และพอมาครั้งนี้ก็ยังบังเอิญอีกเหรอ “อะไรนะครับแม่เลี้ยง พูดใหม่อีกทีซิครับ ผู้หญิงคนนี้คือใครนะครับ” พ่อเลี้ยงสิงหารีบถามมารดาออกไปอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเองท่าไหร่ “น้องภีมไงลูก ลูกน้าพิมพาที่แม่เคยพาไปเล่นที่บ้านด้วยบ่อยๆเด็กผู้หญิงตัวสูงๆขาวๆ...” แม่เลี้ยงคีตะบอกออกมาอีกครั้งแต่ยังพูดไม่จบชายหนุ่มที่ว่าหน้าตาเย็นชาอยู่แล้วพอเปล่งเสียงออกมายิ่งเย็นชากว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัวกลับพูดแทรกขึ้นซะก่อน “ผมไม่อยากรู้จักผู้หญิงคนนี้ กลับบ้านกันเถอะแม่เลี้ยง ผมคงกินข้าวไม่ลงแล้ว” พ่อเลี้ยงสิงหาบอกออกมาก่อนที่จะทำท่าเดินออกไปแต่มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นซะก่อน “ภีมก็ไม่อยากรู้จักลูกชายคุณป้าหรอกคะ ผู้ชายไร้มารยาทแบบนี้ ใครจะไปอยากรู้จัก ขอโทษนะคะคุณป้าที่ภีมต้องพูดออกมาแบบนี้ หึ นึกว่าตัวเองดีตายละ ชิส์ ภีมลานะคะคุณป้า” ภีรดาที่ทีแรกอุตส่าดีใจที่ได้พบเขาอีกครั้งแต่พอได้ยินว่าจาร้ายกาจของชายหนุ่ม หญิงสาวกลับปี๊ดแตกขึ้นมาทันที เลยตอกกลับชายหนุ่มอย่างลืมไว้หน้ามารดาของเขาเลยทีเดียว ก่อนที่จะลุกเดินออกไปจากร้านทันที “เดี๋ยวแม่เลี้ยงรออยู่ที่นี่ก่อนนะ แปปเดียวเดี๋ยวผมกลับมา” พ่อเลี้ยงสิงหาบอกออกมาแค่นั้นก่อนที่จะเดินตามภีรดาออกไป ทิ้งให้แม่เลี้ยงคีตะยืนงงอยู่คนเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้กันแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม