งานเลี้ยงต้อนรับบุตรสาวคนเดียวของท่านเจ้าสัวจักรชัย ที่พึ่งสำเร็จการศึกษากลับมาที่ประเทศไทยนั้น ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมกับฐานะ มีแขกมาร่วมงานหลายร้อยคนทีเดียวเพราะเจ้าสัวนั้นถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตจึงมีคนนับหน้าถือตาเยอะแยะมากมายไปหมด ตอนนี้ภีรดาที่เดินควงแขนบิดาไปรอบๆงานเพื่อแนะนำตัวและให้แขกได้แสดงความยินดีออกมานั้น แต่ภายในใจกำลังเบื่อหน่ายกับงานอะไรแบบนี้ เธอไม่ชอบมันเลยสักนิดเดียว แต่ก็ต้องทำเป็นฝืนยิ้มอย่างมีความสุข เพราะว่างานนี้ยังไงซะเจ้าสัวก็จัดขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ
“นี่คุณแม่คะ ทำไมเจ้าสัวถึงจัดงานยิ่งใหญ่อลังการอย่างนี้ละคะ ก็แค่ลูกสาวคนเดียวกลับมา ไม่เห็นต้องจัดขนาดนี้เลย เปลืองเงินเปล่าๆ ชิส์” มาริสาพูดออกมาด้วยความอิจฉาในวาสนาของภีรดา เพราะภีรดานั้นเกิดมารวยทรัพย์แถมยังมีรูปร่างหน้าตาที่สามารถเป็นดารานางแบบได้สบายๆ ต่างจากเธอกว่าจะมาถึงจุดนี้นั่น มารดาของเธอต้องเอาตัวเข้าแลกกับไอ้พวกเสี่ยวแก่ๆที่คอยจ้องจะลวนลามเธอจนต้องเลิกรากันไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนมาหยุดอยู่ที่เจ้าสัวจักรชัยนี่แหละ ที่ดีที่สุดในบรรดาสามีใหม่ของมารดาของเธอ
“แม่ก็คิดอย่างนั้น เสียดายเงินเปล่าๆ ทีแบ่งให้เราสองแม่ลูกใช้ละจำกัดจัง ทีไอ้จัดงานแบบนี้ละก็ไม่ยักกะเสียดายเงิน หึ คอยดูเถอะสักวันแม่จะเอาของทุกอย่างของพวกมันมาเป็นของเราให้ได้ แต่ตอนนี้ ปะ แม่พาเข้าไปในงาน เดี๋ยวจะน้อยหน้าพวกมัน ไปลูก” คุณฉายสุดาพูดออกมาก่อนที่จะจับแขนมาริสาให้เดินตามออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะไม่อยากไปยืนข้างภีรดาให้เป็นที่เปรียบเทียบกันเสียเปล่าๆ
“สวัสดีคะคุณป้า ไม่เจอคุณป้านานแล้ว ยังสบายดีอยู่รึเปล่าคะ” ภีรดาที่ปลีกตัวเดินออกมาจากบิดานั้นพูดขึ้นเมื่อเธอเดินมาเจอกับ แม่เลี้ยงคีตะ ซึ่งเป็นเจ้าของไร่พันวารี ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนในภูมิภาคนี้กันทั้งนั้น
แม่เลี้ยงคีตะ นั้นเป็นเพื่อนกับมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของหญิงสาวมาตั้งแต่ท่านทั้งสองเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันแล้ว หญิงสาวจึงค่อนข้างที่จะสนิทกับเพื่อนของมารดาคนนี้ที่สุดเพราะแม่เลี้ยงคีตะนั้น ชอบมาหามารดาของเธอบ่อยๆแถมยังชวนกันทำโน่นทำนี่ จนเธอที่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยได้ทำด้วยอยู่บ่อยๆ
“ป้าก็สบายดีจ๊ะ ว่าแต่หนูภีมเถอะ ป้ายินดีด้วยนะ เรียนจบเมืองนอกเมืองนาแถมยังจบตั้งปริญญาโทอีก พิมพาคงดีใจนะที่มีลูกสาวทั้งเก่งทั้งสวยขนาดนี้” แม่เลี้ยงคีตะบอกออกมาพร้อมกับน้ำตาซึมนึกไปถึงเพื่อนสาวผู้ล่วงลับไปแล้วอย่างสะเทือนใจออกมา
“ขอบคุณมากนะคะคุณป้า ว่าแต่คุณป้ามาคนเดียวเหรอคะ” ภีรดาอดถามออกมาไม่ได้เพราะเธอจำได้ว่าแม่เลี้ยงคีตะมีบุตรชายลูกครึ่งผมทองคนหนึ่ง ที่เธอเคยแกล้งเขาจนเขาไม่มาบ้านเธออีกในตอนที่ทั้งสองยังเด็กอยู่
“อ้อ ใช่จ๊ะ ป้ามาคนเดียว พอดีลูกชายป้าเขาไม่ชอบงานอะไรแบบนี้น่ะจ๊ะ และช่วงนี้งานที่ไร่ยุ่งๆด้วย ขาดเลขา ผู้หญิงที่ทำอยู่กี่คนกี่คนลูกชายป้าก็ไล่ตะเพิดไปจนหมด บอกว่าทำงานไม่ได้เรื่องบ้าง ไม่อดทนบ้าง จนต้องมานั่งทำเอง เพราะเลขาที่เป็นผู้ชายอีกคนก็งานล้นมือเหมือนกันน่ะลูก” แม่เลี้ยงคีตะบอกออกมาพลางนึกไปถึงบุตรชายเพียงคนเดียวของเธอที่ทำงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อยเมื่อบิดาของเธอจากไป จึงทำให้จากเด็กที่ร่าเริงกลับกลายเป็นคนสุขุมเย็นชา พอใครทำงานผิดพลาดชายหนุ่มก็ไล่ตะเพิดไม่ไว้หน้า จนตอนนี้ได้ฉายาว่าเป็นพ่อเลี้ยงที่ โหด ดิบ เถื่อนที่สุดในภูมิภาคแห่งนี้แล้ว
“อ้อคะ พี่เขาคงสบายดีนะคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” ภีรดาพูดออกมาพลางหวนนึกถึงเด็กชายลูกครึ่ง ที่พูดไทยแปร่งๆจนถูกเธอแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่กล้ามาที่บ้านของเธออีกนั้นอย่างนึกขำ
“จ๊ะ สบายดี ถ้าว่างๆก็แวะไปเล่นกับป้าบ้างนะ อยู่ไร่ป้าเหงา อยู่คนเดียว ลูกชายก็เอาแต่ทำงาน ป้าจะได้มีเพื่อนคุยบ้าง” แม่เลี้ยงคีตะบอกออกมาพร้อมกับจ้องไปที่หน้าสวยตรงหน้าอย่างมีแผนการ
“แล้วนี่จบกลับมาแล้วนี่จบกลับมาแล้วหนูภีมจะทำงานอะไรจ๊ะ หรือเข้าไปช่วยงานเจ้าสัวที่บริษัทเลยละ” แม่เลี้ยงคีตะถามออกมาก่อนจะรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ภีมคิดว่าจะขอพักผ่อนสมองสักสามสี่เดือนก่อนะคะคุณป้า แล้วค่อยเข้าไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัท” ภีรดาบอกออกมาเพราะตลอดห้าหกปีมานี้เธอเอาแต่เรียนอย่างหนักพร้อมกับทำงานเดินแบบด้วยเลยไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน เธอจึงถือโอกาสที่พึ่งกลับมานี้พักผ่อนสมองก่อนที่จะเริ่มเข้าไปเรียนรู้งานในบริษัทกับบิดา
“อืม ถ้าอย่างนั้นหนูถีมลองไปทำงานกับพี่สิงเขาดูไหมละลูก ไปเรียนรู้งานและถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วยไง ที่ไร่ของป้ามีทั้งไร่องุ่น ไร่ชา ไร่ส้ม ไร่สตอร์เบอรี่ และอีกสารพัดผลไม้เมืองหนาวทั้งนั้นเลยนะลูก รับรองว่าหนูภีมต้องติดใจไร่พันวารีของป้าแน่นอน เอาไหม จะได้เรียนรู้งานบริหารของพี่สิงเอามาปรับใช้กับบริษัทของหนูด้วยไงลูก พี่เขาบริหารงานเก่งมากๆเลยนะ” แม่เลี้ยงคีตะบอกออกมายืดยาวเพื่อจูงใจภีรดาให้ไปทำงานกับลูกชายของตน เผื่อชายหนุ่มนั้นจะตกหลุมรักหญิงสาวตรงหน้าเหมือนที่เธอกำลังตกหลุมรักลูกสาวของเพื่อนอยู่ตอนนี้
“เอ่อ ถ้าคุณป้าจะอวดสรรพคุณไร่ของคุณป้าออกมาขนาดนี้แล้ว ภีมชักสนใจแล้วสิคะ งั้นถ้ายังไงเดี๋ยวภีมติดต่อกลับไปนะคะ ไปเรียนรู้งานจากคนเก่งๆก็ดีเหมือนกัน ภีมจะได้มาทำงานกับคุณพ่อได้อย่างไม่มีใครว่าอะไรได้ ขอบคุณนะคะคุณป้า งั้นเชิญคุณป้าคุยกับเพื่อนๆต่อเถอะนะคะ เดี๋ยวภีมขอตัวก่อน พ่อดีอยากเข้าห้องน้ำน่ะคะ” ภีรดาบอกออกมาก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปเข้าห้องน้ำตามที่บอกกับแม่เลี้ยงคีตะไป
ไร่พันวารี
“ตับๆๆๆๆๆๆ พับๆๆๆๆๆๆ” เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นในห้องทำงานที่ตอนนี้กลายเป็นสนามรักของเจ้าของห้องกับแขกที่ถูกเชิญมาเพื่อบำบัดราคะของเจ้าของห้องทำงานนี้โดยเฉพาะนั้นดังขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน สองชั่วโมงกว่าแล้วที่บทรักครั้งนี้เริ่มขึ้น และไม่รู้จะไปจบลงเอาตอนไหน ในเมื่อแต่ละคนที่ถูกชายหนุ่มเชิญมานั้นแทบคลานออกจากห้องกันทุกคนเมื่อเสร็จกามกิจทุกครั้ง
พ่อเลี้ยงสิงหา เจ้าของไร่พันวารี กำลังขยับท่อนเอ็นร้อนของตนกระแทกเข้าใส่โพลงสวาทสาวของคนที่ถูกเชิญมาอย่างไม่คิดจะออมแรงเลยสักนิด เพราะความต้องการของชายหนุ่มเจ้าของไร่นี้นั้น ขึ้นชื่อว่าร้อนแรง เร่าร้อน และถึงใจที่สุด ถ้ารองรับเขาได้นั้นพวกเธอจะได้ไปเยือนสรรค์และได้รับประสบการที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับจากผู้ชายคนไหนอย่างถึงพริกถึงขิงขนาดนี้มาก่อนเลยก็ว่าได้
ผู้หญิงส่วนมากที่โดนดุ้นใหญ่ยาวนี้กระแทกใส่มักจะอดทนได้แค่รอบสองรอบก็พากันร้องขอให้เขาหยุด ซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดอะไรขอแค่เขาปลดปล่อยออกมาแล้ว เขาก็จะปล่อยพวกเธอไปไม่มีต่ออีกรอบแน่นอน แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนรับความหฤโหดในเกมกามของชายหนุ่มได้นั้น เขาก็จะตบรางวัลให้อย่างงาม พร้อมทั้งเรียกใช้งานอีกเป็นรอบที่สอง แต่ไม่มีรอบที่สามเด็ดขาด เพราะเขาไม่ชอบที่พวกเธอมาทำเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาเมื่อเห็นว่าเขาเรียกใช้งานบ่อยๆ
“อ๊ะๆๆๆๆๆพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงหญิงไม่ไหวแล้วจะออกแล้วจะออกแล้ว อ๊าย อู้ว อ๊ะๆๆๆๆ” เสียงของหญิงสาวที่ถูกเชิญมาในวันนี้ดังขึ้นจนสุดเสียงเมื่อเสร็จสมไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบจนเธอคิดว่าน้ำคงหมดตัวเธอไปแล้วเป็นแน่ แต่ในขณะที่พ่อเลี้ยงหนุ่มนั้น ยังปลดปล่อยออกมาแค่สองรอบ ตั้งแต่เธอมีอะไรกับใครมา พ่อเลี้ยงหนุ่มคนนี้ถือว่าทั้งอึดทั้งทน แถมยังเป็นคนที่เย็นชา จนน้ำแข็งเรียกพี่ เพราะมาถึงเขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลย บอกให้เธอถอดเสื้อผ้าออกแล้วเอาดุ้นใหญ่ที่โผล่พ้นออกมาจากซิปกางเกงนั้นมาจ่อเข้าที่ปากเธออย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกระแทกสวนเข้ามาอย่างไม่คิดจะสนใจเธอสักนิกว่าเธอจะเป็นยังไง ปากที่พูดออกมาไม่ได้ของเธอนั้นอ้าอมดุ้นใหญ่เข้าไปคับปากจนรู้สึกเหมือนปากจะฉีกไปหมด เพราะดุ้นของเขานั้นมีขนาดใหญ่เหลือเกิน แถมความยาวนี่อย่าให้พูดถึง ตั้งแต่เธอมีอะไรกับใครมาของพ่อเลี้ยงหนุ่มคนนี้แหละที่ทั้งใหญ่ทั้งยาวจริงๆ และนี่ถือเป็นรอบที่สองที่เขาเชิญเธอมา ด้วยค่าตอบแทนที่สูงเธอจึงยอมรับปากทั้งๆที่เซ็กส์ของเขาครั้งก่อนทำเอาร่องสาวเธองดรับแขกอยู่เกือบอาทิตย์ เพราะต้องรอให้ร่องสาวกลับคืนสภาพเดิมก่อน ซึ่งสภาพในตอนนั้นเธอนึกว่าตัวเองไปมีอะไรกับผู้ชายนับสิบมา ครั้งนั้นเธอแทบคลานออกจากห้องไม่ไหว ยังดีที่เขาคงสงสารบอกให้นอนพักก่อนสักชั่วโมงค่อยกลับไป เธอถึงกับสลบเหมือดทันที และตื่นมาอีกทีนั้นพบว่าตนเองนอนอยู่ห้องพักของตนเรียบร้อยแล้ว
“ฮึ่ม!!! อื้ม!!!” พ่อเลี้ยงหนุ่มครางออกมาในลำคอก่อนจะกระแทกกายเข้าหนักๆสามสี่ครั้งแล้วปลดปล่อยออกมาจนแทบล้นถุงยางเขารีบดึงแก่นกายอวบใหญ่ออกมาทันที
“บล็อก!!”
เมื่อร่างกายที่สอดประสายหลุดออกจนเกิดเสียงดังออกมาแล้ว พ่อเลี้ยงหนุ่มดึงรูดถุงยางทิ้งลงที่ถังขยะทันที พร้อมกับเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดแล้วปล่อยให้ดุ้นใหญ่ลดขนาดลงไปเองเขาจึงจะเก็บมันเข้าที่เข้าทาง แต่ตอนนี้เปิดโอกาสให้มันหายใจก่อน หลังจากทำงานหนักมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว
“ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปซะ ส่วนค่าตอบแทบเดี๋ยวเลขาฉันเอาให้”
เสียงที่กลับมาเย็นชาอีกครั้งบอกขึ้นก่อนที่หญิงสาวที่มีสภาพไม่ต่างกับโดนรุมโทรมจะค่อยๆลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่มด้วยร่างกายสั่นเท่าเพราะยังไม่หายเหนื่อยก็โดนเขาไล่เสียแล้ว สองครั้งแล้วที่เธอมาเยือนห้องนี้ และทุกครั้งเขาจะพูดกับเธอแค่สองประโยคนี้เท่านั้น ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากที่แสนน่าจูบนั้น
แต่เสียดายที่เซ็กส์ของชายหนุ่มก็คือเซ็กส์จริงๆ ไม่มีอารมณ์พิศวาสหรือรักใคร่ใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาจึงไม่จำเป็นต้องเล้าโลมผู้หญิงเหล่านั้น หรือป้อนคำหวาน เพราะจุดประสงค์ที่เขาเรียกมานั้นคือบำบัดความใคร่ สวมถุงสอดใส่กระแทกๆปลดปล่อยแล้วก็ปล่อยไป