สุวรรณภูมิ ประเทศไทย
“ภีม ทางนี้ลูก ภีม”
เสียงตะโกนแหบแห้งดังมาจากด้านหน้าทางออกของอาคารผู้โดยสาร
ซึ่งตอนนี้กำลังมีผู้โดยสารขาเข้าพากันทยอยเดินออกมาจากด้านใน โดยหนึ่งในนั้นมี ภีรดา หรือ ภีม หญิงสาวผู้มีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเนียน วันนี้เธอใส่ชุดเดรสสีแดงตามสไตล์ของเธอ จนดูโดดเด่นเห็นได้อย่างชัดเจน กำลังเดินตรงมายัง ชายสูงอายุ ที่มีรูปร่างภูมิฐานแม้อายุจะล่วงเลยเข้าวัยห้าสิบปลายๆแล้วก็ตามที
“โอ๊ย! นี่คุณ เดินให้มันดูบ้างสิ”
หญิงสาวที่กำลังเดินตรงไปหาผู้เป็นบิดานั้น อยู่ๆก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามาชนเธออย่างแรง จนเธอเกือบล้มหน้าคว่ำลงไป แต่ยังดีที่มือใหญ่ของเขานั้นคว้าเอาไว้ได้ก่อน
“...............”
เขาใช้สายตาเยือกเย็นมองกลับมาโดยไม่มีแม้แต่คำพูดใดๆทั้งสิ้นออกมาจากปากรูปกระจับสีแดงคล้ำน่าจูบนั้นเลยสักคำ ก่อนจะปล่อยแขนของหญิงสาวแล้วเดินจากไปทันที ไม่มีแม้แต่คำขอโทษใดๆออกมาจากชายหนุ่ม
ส่วนภีรดานั้นได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆที่ผู้ชายคนนั้นช่างตรงสเป็คของเธอเสียเหลือเกิน แต่เย็นชาเกินไป หญิงสาวคิดออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะเลิกสนใจชายหนุ่มคนนั้นแล้วเดินตรงเข้าไปหาบิดาที่ยืนโบกมือรออยู่
“สวัสดีคะคุณพ่อ ภีมคิดถึงคุณพ่อจังเลยคะ คุณพ่อสบายดีไหมคะ”
ภีรดารีบดินเข้าไปหาบิดาทันที พร้อมกับเดินเข้าไปสู่อ้อมกอดที่เปิดอ้ารอรับอยู่ก่อนแล้ว
“ยัยหนูของพ่อโตขนาดนี้แล้วเหรอลูก พ่อจะสบายได้ยังไง ลูกสาวคนเดียวไปเรียนต่อเมืองนอกไม่ยอมกลับมาสักที พ่อก็ทนคิดถึงลูกสาวจนอยากล้มป่วยลงวันละหลายๆครั้งนะสิ”
เจ้าสัวจักรชัยเอ่ยขึ้นพร้อมกับกอดร่างบุตรสาวเพียงคนเดียวอย่างแสนรักแสนคิดถึง
เจ้าสัวจักรชัย อัครเสนา หรือ เจ้าสัวจักร เป็นเจ้าของเหมืองเพชรในภาคเหนือ เป็นคนเฮฮาสนุกสนาน รักลูกสาวคนเดียวมาก ตั้งแต่เสียภรรยาคนแรกไป เจ้าสัวก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนรักครอบครัวซื่อสัตย์กับภรรยาเสียยิ่งกว่าอะไรนั้น เปลี่ยนเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เปลี่ยนเมียใหม่แทบทุกปี โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าความเจ้าชู้ของตนนั้นมันกระทบถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวขนาดไหน ภรรยาใหม่ของท่านแต่ละคนมีแต่เข้าหาเพราะต้องการสมบัติเงินทองทั้งนั้น พอเจ้าสัวรู้ก็จะเฉดหัวผู้หญิงพวกนั้นไปแล้วหาคนใหม่มาแทน มีทั้งดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกันไป และคนล่าสุด คุณฉายสุดา แม่หม้ายลูกติดซึ่งเป็นคนที่บิดาของภีรดาอยู่ด้วยนานที่สุดเพราะเกือบจะ 7 ปีแล้ว คุณฉายสุดานั้นเป็นคนปากหวานก้นเปรี้ยว ต่อหน้าบิดาของหญิงสาวเธอจะเป็นแม่เลี้ยงผู้แสนดี แต่พอหลับหลังแล้วละก็เธอจะคอยพูดกระทบกระแนะกระแหนภีรดาอยู่ร่ำไป
หลังจากที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่ต่างประเทศ ภีรดาก็พยายามปรับเปลี่ยนตนเอง เป็นผู้หญิงที่สวยเผ็ด มั่นใจในตัวเองสูง ไม่สนใจใครจะพูดยังไง เพราะเธอมีความสุขในสิ่งที่เธอทำก็พอแล้ว ในระหว่างเรียนนั้น เธอมีงานพิเศษที่ทำกับเพื่ออยู่คือ การเดินแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆจนพอเป็นที่รู้จักมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจัง เพราะเธอรู้ว่าอย่างไรเสียต้องกลับมาบริหารงานต่อจากบิดา เพราะเธอเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว หญิงสาวตั้งใจเรียนอย่างมากจนสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครอบครองได้ถึงสองใบ ก่อนที่จะบินกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อทุกอย่างที่นั่นจบลงแล้ว
“แล้วนี่คุณพ่อมาคนเดียวเหรอคะ ภรรยาคุณพ่อละคะไม่มาด้วยเหรอ”
ภีรดาอดถามถึงคุณฉายสุดาไม่ได้ ที่ปกติแล้วตามติดบิดาของเธอไปทุกที่ แต่วันนี้กลับไม่เห็นโผล่มา
“เขาบอกว่าไม่ค่อยสบาย พ่อเลยให้พักอยู่ที่เชียงใหม่ เอามาด้วยก็ลำบากเปล่าๆ”
เจ้าสัวบอกออกมาเพราะพอจะรู้มาบ้างว่าภรรยาคนนี้ไม่ค่อยถูกกับลูกสาวของท่านเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ท่านเคยคิดที่จะตัดขาดสองแม่ลูกที่เอาแต่ใช้เงินท่านไปวันๆ มาหลายครั้งแต่คุณฉายสุดา ก็ชอบขอร้องอ้อนวอนจนท่านใจอ่อนเสียทุกครั้งไป
“งั้นไปกันเถอะคะคุณพ่อ ภีมรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวยังไงไม่รู้คะ สงสัยที่นี่จะร้อนเกินไป เราจะพักที่กรุงเทพฯกันก่อนใช่ไหมคะ”
ภีรดาบอกออกมาเพราะตอนนี้เธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมดแล้ว
“ไปกันเถอะลูก พักที่นี่สักคืนค่อยกลับไปเชียงใหม่ พ่อให้คนเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยหมดแล้วเพื่อต้อนรับลูกสาวคนเดียวกลับบ้าน ไปกันเถอะ”
เจ้าสัวจักรชัยพูดออกมาก่อนจะเดินโอบกอดบุตรสาวตรงไปที่รถของท่านที่มีลูกน้องจอดรอรับอยู่ด้านนอกเรียบร้อยแล้ว
ประมาณหนึ่งชั่วโมงรถของเจ้าสัวจักรชัยก็มาจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เป็นบ้านพักเวลาที่เจ้าสัวหรือคนในครอบครัวเข้ามาติดต่องานหรือทำธุระในกรุงเทพฯได้มานอนพักผ่อน ซึ่งเจ้าสัวจ้างแม่บ้านและคนสวนไว้คอยดูแลบ้านหลังนี้อย่างดี
“อ่าว กลับมาแล้วเหรอคะเจ้าสัวหนูภีม ขอโทษนะคะที่น้าไม่ได้ไปรับ พอดีไม่ค่อยสบาย แต่พออาการดีขึ้นน้าก็รีบบินมารออยู่ที่นี่เลยนะคะ เข้าบ้านกันเถอะคะ น้าเตรียมอาหารเอาไว้ให้แล้ว มีแต่ของที่หนูภีมชอบทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ จันทร์มายกของคุณภีมเข้าบ้านหน่อยเร็ว”
ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าเข้าบ้านเสียงของคุณฉายสุดาก็ดังขึ้นมาซะก่อน สองพ่อลูกที่เดินเกาะแขนกันอยู่จึงพากันหันมามอง ก่อนที่คุณฉายสุดาจะเรียกคนรับใช้ให้มาเอาของไปเก็บที่ห้องนอนของภีรดา
จะมาไม้ไหนเนี่ย ยัยแม่เลี้ยงสองหน้า
ภีรดาคิดออกมาในใจก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วยกมือขึ้นสวัสดีอย่างมีมารยาท แต่มันกลับดูมีมารยาทจนเกินงาม จนคุณฉายแสงนั้นพอจะดูออกแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากยิ้มออกมาแล้วก็ยกมือขึ้นรับไหวเช่นกัน จนเจ้าสัวที่เห็นท่าไม่ดีเดินเข้าไปหาบุตรสาวแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้านไม่สนใจคุณฉายสุดาอีกเลย
ฝากไว้ก่อนเถอะแก เอาไว้พ่อแกยอมจดทะเบียนสมรสกับฉันเมื่อไหร่ละก็ แกคนแรกที่ฉันจะเฉดหัวออกจากบ้าน คอยดู!!
คุณฉายสุดาคิดออกมาในใจ เป็นเวลา 7 ปีแล้วที่เธอทนอยู่กับเจ้าสัวจักรชัย ผู้ไม่เคยรู้จักพอในเรื่องของผู้หญิง ขนาดมีเธออยู่แล้วเจ้าสัวยังแอบไปมีเล็กมีน้อยเต็มไปหมดจนเธอแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากคอยกำจัดผู้หญิงพวกนั้น เพราะหวังเพียงว่าสักวันเจ้าสัวจะเห็นความจริงใจและยอมจดทะเบียนสมรสกับเธอสักที เพราะสิ่งที่หวังสูงสุดตอนนี้คือทรัพย์สมบัติมหาศาลของเจ้าสัวจักรชัย
เมื่อทานอาหารเสร็จหญิงสาวก็ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนทันที เพราะรู้สึกเพลียจากการเดินทางไกลถึง 12 ชั่วโมง หญิงสาวหลับลงจนกระทั่งพลบค่ำเธอจึงตื่นขึ้นมาอีกรอบ พบว่าบิดานั้นออกไปข้างนอก ที่อยู่บ้านตอนนี้มีแต่คุณฉายสุดาแม่เลี้ยงของเธอ
“พึ่งตื่นเหรอ นึกว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วซะอีก”
เมื่อเจอหน้าสิ่งแรกที่ได้ยินจากปากแม่เลี้ยงผู้แสนดีคนเมื่อเช้าคือคำทักทายที่แสนจะน่ารำคาญสำหรับหญิงสาว เพราะมันเหมือนเป็นการแช่งเธอดีๆนี่เอง
“คะ ก็ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาจะมาเจอแบบนี้ รู้อย่างนี้นอนต่อซะยังดีกว่า”
ภีรดาบอกออกมาพร้อมกับเชิดหน้าเดินออกไปอย่างไม่สนใจแม่เลี้ยงของเธอเลยสักนิด
“หึ ปากเก่งขึ้นมากเลยนะ ไปอยู่นั่นคงจะทำให้เธอเปลี่ยนไปมากเลยละสิ ถึงได้กลับมาดูร่านขนาดนี้”
คุณฉายสุดาพูดออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์ความรู้สึกอีกต่อไป เพราะเย็นนี้เจ้าสัวจักรชัยไม่อยู่และก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาหรือเปล่า
“หึ คงจะร่าน จะแรด ได้ไม่ถึงครึ่งของลูกสาวคุณน้าหรอกคะ เรียนก็ไม่จบ แถมมีผัวอีกเป็นร้อย หึ ก็ไม่รู้นะคะว่าใครมันแรด มันร่าน กว่ากัน!”
ภีรดานั้นตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ถึงเธอจะไปอยู่ในดินแตนตะวันตกเป็นเวลาหลายปี แต่เธอกลับทำตัวดีมาตลอดถึงภายนอกจะดูร้อนแรงขนาดไหนก็ตาม นั่นก็เป็นแค่เพียงเปลือกนอกที่เธอสร้างมาเพื่อปกป้องตัวเองต่างหาก เพราะถ้าคนที่รู้จักเธอจริงๆแล้วจะรู้ว่าหญิงสาวนั้นทั้งน่ารัก อ่อนโยน เป็นแม่บ้านแม่เรือนเลยทีเดียว แต่แทบไม่เคยมีใครได้เห็นมุมนั้นของเธอเลยสักคนนอกจากเพื่อนสนิทคนไทยที่เรียนอยู่ด้วยกันที่อเมริกา
“นี่แก หยุดว่าลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้นะ แกมันก็แค่เด็กที่ไม่มีใครอบรมสั่งสอน ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าลูกสาวของฉันสักเท่าไหร่หรอก คอยดูนะ สักวันฉันจะทำให้แกคลานมากราบขอโทษฉันให้ได้เลย คอยดู!!”
คุณฉายสุดาแผดเสียงออกมาอย่างทนไม่ไหวเมื่อหญิงสาวพูดถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวของตนที่ไม่เอาไหน ส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนาก็ไม่จบ แถมผลาญเงินของเธอจนแทบหมดกระเป๋าจนต้องยื่นคำขาดให้กลับมาอยู่ที่เมืองไทย แต่ก็ไม่วายทำเรื่องให้เธอปวดหัวตามล้างตามเช็ดแทบทุกวัน โดยหลักๆก็มีแต่เรื่องผู้ชาย
“หึ คงจะไม่มีวันมีวันนั้นหรอก”
ภีรดาพูดออกมาแค่นั้นก่อนที่จะเดินออกไป เรียกหากุญแจรถจากคนขับรถของบิดาเธอ แล้วขับรถออกไปจากบ้านทันที โดยจุดมุ่งหมายคือห้างสรรพสินค้า เวลาเธอเบื่อๆสิ่งที่หญิงสาวมักจะทำคือเดินดูของบ้าง ซื้อบ้าง เมื่อพอใจแล้วเธอก็จะกลับที่พัก มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่อยู่ต่างประเทศแล้ว
กว่าที่ภีรดาจะเดินดูของเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่พึ่งซื้อมากดโทรออกมาบิดาทันที ซึ่งพอคุยเสร็จแล้วเธอถึงกับทำหน้าเบื่อหน่ายออกมาเพราะบิดาบอกว่าไม่กลับบ้านในคืนนี้ ดังนั้นเธอก็ต้องอยู่กับคุณฉายสุดาสองคน และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเบื่อหน่ายมากในตอนนี้