ปี๊ดด!!!
“เห้ย!”
ปัง!
“แงงง!!!”
“ฝะ...ฝาก ลูก...”
“แงงงง!!!”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มที่กำลังหลับใหลพร้อมกับความฝันสะดุ้งตื่นขึ้น หน้าคมหล่อเหลาเต็มไปด้วยเหงื่อทั้งที่ภายในห้องมีอุณหภูมิต่ำจากเครื่องปรับอากาศ
“ฝันไปหรอวะ” กรฉัตร หรือ ฉัตร ชายหนุ่มรูปหล่อวัย 35 ปี เอ่ยขึ้นกับตัวเองอย่างหัวเสียกับฝันที่ทำให้เขาตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้งและนั่นทำให้กรฉัตรเลือกจะลงจากเตียงไปยังประตูห้อง
“มีอะไร” ร่างสูงเอ่ยถามแม่บ้านขึ้นเมื่อถูกรบกวนไม่หยุด
“คนที่คุณฉัตรนัดไว้มาแล้วค่ะ” แม่บ้านตอบกลับเจ้านายตัวเองออกไป
“บอกให้เขารอก่อน” กรฉัตรตอบกลับก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อชำระร่างกายและลงไปชั้นล่างของบ้าน
พอลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายร่างสูงก็หยุดนิ่งเมื่อเจอกับร่างบางที่พึ่งเดินเข้าบ้านมาด้วยชุดเดรสรัดรูปตัวสั้นที่แทบปิดอะไรไม่มิด แต่สุดท้ายเขาก็เลือกจะมองข้ามก่อนจะตรงไปยังโถงรับแขกที่มีคนนั่งรอเขาอยู่
หญิงสาวที่เดินเข้ามาใหม่ทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังแกร่งไปอย่างทำอะไรไม่ได้กับความไม่สนใจของชายหนุ่ม สุดท้ายเธอก็เลือกเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อหาเครื่องดื่มอุ่นๆให้ตัวเอง เพราะเมื่อคืนเธอนั้นดื่มไปค่อนข้างเยอะเลยยังรู้สึกมึนหัวอยู่เล็กน้อย
“สวัสดีค่ะคุณฉัตร” พนักงานชายใจหญิงลุกขึ้นทักทายกรฉัตรขึ้นอย่างมีมารยาท
“ตามสบายครับ”
“นี่คือตัวอย่างงานที่ทางเราออกแบบไว้ตามที่คุณฉัตรได้แจ้งไว้ค่ะ เชิญคุณฉัตรเช็คความเรียบร้อยได้เลยค่ะ” พนักงานส่งกระดาษภาพแบบสามมิติให้กับกรฉัตรดู
“ตัวงานที่คุณฉัตรให้เน้นสีขาวพร้อมกับดอกไม้สีขาวมันจะดูกลืนกันเกินไปค่ะ ทางเราเลยอยากตัดด้วยสีครีมและชมพูพาสเทลเล็กน้อยเพื่อให้มีมิติและมีความเด่นชัดของดอกไม้มากขึ้น...”
“ยิ่งชุดเจ้าสาวเป็นสีขาวด้วยแล้ว มันก็จะทำให้ชุดเจ้าสาวถูกฉากกลืนได้ค่ะ”
เคร้ง! เสียงขวดน้ำร่วงลงพื้นเรียกสายตาของทั้งสามคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงทันที และแน่นอนว่าเสียงนั้นดังมาจากร่างบางของอีกคนที่พึ่งเดินออกจากครัวนั่นเอง
“เจ้าสาวอะไรคะ” หทัยยา หรือ ตัวเล็ก หญิงสาวร่างบางวัย 20 เดินเข้ามาเอ่ยถามชายหนุ่มขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมกับรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าคำว่างานแต่ง และเจ้าสาวที่ได้ยินนี้กำลังหมายถึงอะไร และหมายถึงใคร เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยรับรู้มาก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นมันยังไม่มีกำหนดที่ชัดเจนนี่ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ทำเหมือนกับว่าจะมีงานแต่งเกิดขึ้นเร็วๆนี้ล่ะ และที่สำคัญ กรฉัตรยังจะแต่งงานอีกอย่างนั้นหรอ
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” แต่กรฉัตรกลับตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้เยื่อใยก่อนจะหันกลับไปสนใจกระดาษภาพสามมิติตรงหน้าอีกครั้ง
พรึ่บ! กระดาษในมือกรฉัตรถูกกระชากออกจากมือด้วยฝีมือของหทัยยาทันทีพร้อมกับร่างบางที่จ้องมองภาพตรงหน้า และแน่นอนว่าเธอไม่ได้โง่พอที่จะมองไม่ออกว่าในภาพนี้มันคือภาพงานบวช งานขึ้นบ้าน หรือว่างานแต่ง
แต่สิ่งที่สะดุดตาของหทัยยามากที่สุดก็คงจะเป็นแผ่นภาพการตกแต่งบริเวณเวทีที่มันมีชื่อของคู่บ่าวสาวประดับอยู่กลางฉากหลังของเวที...กรฉัตร&ริชา
“มะ...หมายความว่ายังไงคะ” ร่างบางเอ่ยถามออกไปเสียงสั่นหลังจากแน่ใจแล้วว่างานแต่งที่จะเกิดขึ้นนี้ เป็นงานแต่งของกรฉัตรและผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เขารัก ไม่ใช่...เธอ
“ก็หมายความว่า ฉันกำลังจะแต่งงานกับริชายังไงล่ะ” คำตอบที่ไร้เยื่อใยของชายหนุ่มสร้างความเสียใจและความโกรธให้กับหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย
และแน่นอนว่าสิ่งที่แสดงออกมาชัดเจนที่สุดของหญิงสาวไม่ใช่ความเสียใจ แต่กลับเป็นความโกรธและไม่พอใจของเธอ และแน่นอนอีกว่า เธอไม่มีทางยอมให้งานแต่งนี้มันเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
“คุณจะแต่งงานกับใครไม่ได้ ตัวเล็กไม่ยอม!” หญิงสาวผู้เอาแต่ใจตัวเองเอ่ยออกมาก่อนจะฉีกกระดาษในมือและโยนทิ้งทันที
“เอ่อ ให้พวกเรากลับก่อนไหมค่ะ” พนักงานจากบริษัทออแกไนซ์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี และกรฉัตรเองก็พยักหน้าให้เหมือนกัน นั่นทำให้พนักงานรีบเก็บของที่เหลือและออกจากบ้านไปทันที
“คุณไม่มีสิทธิ์แต่งงานกับใครทั้งนั้น!” ร่างบางเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างไม่จำยอมกับการแต่งงานของชายหนุ่มตรงหน้า
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน!” เสียงรอดไรฟันเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่พอใจกับการกระทำของเด็กสาวตรงหน้าที่นับวันยิ่งเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น
“เรื่องของคุณก็คือเรื่องของตัวเล็กเหมือนกัน...”
“เพราะตัวเล็กก็เป็นเมียของคุณ”