เช้าวันต่อมา..ราเมศเตรียมตัวกำลังจะออกไปทำงาน อยู่ๆคุณหญิงรวิแม่ของเขาก็เปิดประตูเข้ามา..
“ตาเมศ!”
“โธ่แม่! ผมตกใจหมดเลย แม่เปิดประตูเข้ามาแบบนี้ไม่กลัวว่าผมกำลังโป๊อยู่เหรอครับ” โดยปกติเขาจะไม่ล็อกประตูห้องเพราะเคยชินกับการใช้ชีวิตในต่างประเทศสมัยที่อยู่กับพ่อแม่อุปถัมภ์ชาวอังกฤษ
“ลูกโป๊แม่ไม่กลัว แต่แม่กลัวว่าลูกจะซุกซ่อนผู้หญิงไว้น่ะสิ”
“ผมจะซ่อนผู้หญิงที่ไหนกันครับ แม่ก็รู้ว่าผมไม่เคยพาใครมาที่บ้าน แม่มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าครับ ผมจะต้องรีบไปทำงาน”
“เที่ยงนี้ไปทานข้าวกับแม่นะลูก”
“ทานข้าว!.. คุณแม่นัดใครไว้อีกล่ะครับ”
“เรานี่ก็รู้ทันแม่ตลอดเลยนะ แม่นัดเพื่อนกับลูกสาวของเธอไว้ ไปทานข้าวกับแม่นะลูก”
“คงจะไม่ได้ล่ะครับแม่ ผมจะต้องรีบไปเคลียร์งานด่วน เจ้าของโครงการจะแวะเข้ามาดูความคืบหน้าแล้วด้วย ไว้โอกาสหน้านะครับ ผมไปทำงานละ” ชายหนุ่มรีบเข้าไปหอมแก้มแม่แล้วรีบเดินออกมาจากห้องทันที
“ตาเมศ! แม่ยังคุยไม่จบเลยลูกคนนี้?” ราเมศได้ยินเสียงของแม่บ่นตามไล่หลังเขามาแว่วๆ
ตอนเที่ยง...ร้านอาหารแห่งหนึ่ง...
คุณหญิงรวิวรรณนั่งคุยกับมัทนาได้ไม่นานมาริสาก็เดินเข้ามาภายในร้านอาหาร
“สวัสดีค่ะ คุณหญิงป้า แม่..” มาริสาพนมมือก้มหน้าลงสวัสดีคุณหญิงรวิวรรณและแม่ของเธออย่างอ่อนน้อม
“เรียกคุณยงคุณหญิงอีกแล้ว ป้าบอกว่าให้เรียกป้าไงหนูริสา นั่งสิลูก”
“ขอบคุณค่ะ คุณหญิงป้า” มาริสายิ้มให้คุณหญิงแล้วนั่งลงข้างๆแม่ของเธอ
“เอ๊ะ! หรือว่าจะเปลี่ยนมาเรียกว่าแม่ดี” คุณหญิงรวิวรรณเอ่ยขึ้น
“เรียกยังไงก็เหมือนกันนั่นแหละ หญิงวิ” มัทนารู้ว่าลูกสาวของเธอคงจะลำบากใจ เธอจึงพูดออกมาแทน
“ป้าต้องขอโทษหนูริสาด้วยนะลูก พ่อตัวดีของป้าเบี้ยวไม่ยอมมาทานข้าวมาทำความรู้จักกับหนูเหมือนเดิม”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหญิงป้า ถ้าเขา..เอ่อ..ถ้าลูกชายของคุณป้าไม่สะดวกก็อย่ารบกวนเขาเลยค่ะ” เธอรู้สึกโล่งอกสบายใจขึ้นที่อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงไม่มาพบเจอ
“ช่วงนี้พี่เขางานยุ่งน่ะ ไปทำงานตั้งแต่เช้ากลับค่ำทุกวัน หนูริสาอย่าโกรธพี่เขานะลูก”
“ไม่มีเหตุผลอะไรให้โกรธเลยนิคะ” เธอต้องขอบคุณเขาเสียอีกที่ไม่มา มาริสาคิดในใจ
“เดี๋ยวป้าจะหาวิธีจัดการพ่อตัวดีเองจ้ะ” รวิวรรณพูดอย่างมุ่งมั่น
ทั้งสามนั่งทานไปก็คุยกันไปจนกระทั่งเกือบบ่าย มาริสาจึงขอตัวกลับไปทำงานของเธอ
“หนูขอตัวไปทำงานที่คลินิกก่อนนะคะ คุณหญิงป้า แม่” มาริสากล่าวลาพร้อมกับพนมมือไหว้ทั้งสองก่อนจะออกมาจากร้านอาหาร
ฝ่ายราเมศปฏิเสธนัดของแม่ที่พยายามจะจับคู่ให้เขากับใครที่ไหนก็ไม่รู้ จนเขาครุ่นคิดว่าจะต้องหาผู้หญิงที่เขารู้สึกชอบและรักเธอด้วยตัวของเขาเองเพื่อพาหญิงสาวคนนั้นไปแสดงตัวกับผู้เป็นแม่ คงจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องจริงจังกับเรื่องนี้ และในความรู้สึกของเขาตอนนี้ก็คิดถึง..คุณหมอคนสวยขึ้นมาเป็นคนแรกและคนเดียว! เมื่อหัวใจเรียกร้อง เที่ยงนี้ชายหนุ่มจึงตามใจตัวเองเขาแวะไปหาคุณหมอฟันคนสวย แต่เขาก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะเธอยังไม่เข้ามาที่คลินิก พนักงานที่เคาน์เตอร์บอกกับราเมศว่าวันนี้เธอจะเข้ามาที่คลินิกช้ากว่าปกติ เขาจึงต้องกลับมาทำงานต่ออย่างผิดหวังและเสียดายที่ไม่ได้เจอเธอ
("ไม่เป็นไร ตอนค่ำผมจะมาใหม่ก็แล้วกัน") ราเมศคิดปลอบใจตัวเองก่อนจะเริ่มทำงาน
เมื่อมาริสาแยกกับคุณหญิงป้าและแม่ของเธอแล้ว เธอกลับไปเอาผลเอ็กซเรย์ของคนไข้ที่โรงพยาบาลก่อนจะรีบกลับมาทำงานต่อที่คลินิก ส่วนราเมศเขาก็คุมงานที่ไซต์งานก่อสร้างจนกระทั่งเกือบ 2ทุ่ม เขาก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงมายังคลินิกทันตกรรมในทันที
ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าเขาจะมาทันก่อนที่คลินิกจะปิด ที่เคาน์เตอร์ไม่มีใคร แต่เขาเห็นแสงไฟในห้องหมายเลข 3 ยังเปิดอยู่ เขาจึงลองเคาะประตู
“ก๊อก ก๊อก”
“เชิญค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ กึ่งเย็นชานั้นตอบกลับมาก็ทำให้ราเมศยิ้มออกมาอย่างดีใจ เขาเปิดประตูก้าวเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของคุณหมอคนสวย
“วันนี้คุณมาทำอะไรคะ” หมอสาวเอ่ยถามขึ้นโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเหมือนเช่นเคย
“ผมมาให้คุณหมอคนสวยฟัน เอ๊ย! ตรวจฟันเหมือนเดิมน่ะครับ”
“คุณ!” มาริสาเงยหน้าขึ้นมามองราเมศในทันที
“ครับ ผมเอง”?ชายหนุ่มยิ้มด้วยความดีใจ เขาแอบเข้าข้างตัวเองว่าเธอจำเสียงของเขาได้ ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ
“ฉันบอกคุณไปแล้วนะคะว่าสุขภาพปากและฟันของคุณดีอยู่แล้ว”
“แต่ผม..”
“เชิญค่ะ” มาริสาลุกจากโต๊ะทำงานก้าวไปเปิดประตูแล้วผายมือบังคับให้เขาออกไป
“นี่ผมไปทำอะไรให้คุณหมอโกรธคุณหมอเกลียดตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ เจอหน้าปุ๊บก็จะไล่ผมปั๊บ”
“เอ่อ..เปล่าค่ะ” เมื่อเขาพูดออกมาตรงๆแบบนั้น..เธอก็ชะงักนิ่งไปชั่วขณะ
“คุณหมอดูสิครับ ข้างนอกไม่มีคนไข้มารอทำฟันเลยสักคน มีแค่ผมคนเดียว”
เมื่อราเมศบอกอย่างนั้น มาริสาก็โผล่หน้าออกไปดูภายในคลินิก และก็เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆนั่นแหละ เธอจึงหันกลับมาพูดกับเขา
“ฉันก็บอกคุณไปแล้วว่าฟันของคุณไม่มีปัญหาอะไรเลย แล้วคุณจะมาที่คลินิกอีกทำไมคะ”
“ผมรู้สึกเหมือนฟันจะผุ”
“เมื่อวานฉันก็ตรวจแล้ว ฉันไม่เห็นฟันคุณผุเลยนะคะ”
“จริงๆนะครับ คุณหมอมาดูดีๆอีกครั้งสิครับ ฟันกรามซี่ในสุดน่ะครับ แปรงฟันแล้วผมก็ยังรู้สึกระคายๆ”
“เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นคุณอ้าปากให้ฉันดูอีกครั้งสิคะ” มาริสายอมตรวจให้ราเมศตามหน้าที่ของหมอ เธอก้าวเข้ามายืนใกล้ๆเขาก่อนจะเอื้อมมือไปจับคางของชายหนุ่มพร้อมกับเพ่งสายตากลมโตนั้นมองเข้าไปในช่องปากเพื่อตรวจฟันของเขาอย่างละเอียด คิ้วของเธอก็เริ่มขมวดขึ้นทีละนิดและมากขึ้นเรื่อยๆ? จนเขาทนไม่ไหวต้องหุบปากลงแล้วยิ้มกรุ้มกริ้มให้เธอ
“ตาของคุณหมอสวยจังเลยครับ ทั้งตาจมูกและก็..” ราเมศจ้องมองริมฝีปากอิ่มสีชมพูของมาริสานิ่งราวกับเขาถูกมนต์สะกด ปากของเธอจะหอมหวานขนาดไหนกันนะ ชายหนุ่มคิด
“นี่คุณเจ้าเล่ห์ จงใจจะหลอกฉันใช่ไหม” หมอสาวผลักหน้าชายหนุ่มออกห่างแล้วถอยออกไปยืนห่างจากเขาอย่างระแวงพอสมควร เขาจึงนั่งลงบนเก้าอี้
“ผมเคยได้ยินมาว่า..มีการวิจัยที่ว่าการจูบช่วยให้ฟันไม่ผุ นี่จริงมั้ยครับคุณหมอ” ราเมศเอ่ยถามหมอสาวอย่างจริงจัง เธอก็มองเขาอย่างชั่งใจ แต่เมื่อเขาทำหน้าเรียบเฉยแบบว่าอยากจะรู้ข้อมูลจริงๆ เธอจึงอธิบายออกมาให้เขาฟัง
“จริงค่ะ การจูบจะช่วยป้องกันฟันผุได้ จากผลการวิจัยของ Applied and Environmental Microbiology ระบุว่าการจูบจะช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ซึ่งแร่ธาตุในน้ำลายจะช่วยลดคราบอาหารและปกป้องเคลือบผิวฟันได้ ทำให้ฟันแข็งแรง ไม่ผุง่ายค่ะ” เธอยืนพิงผนังห้องอธิบายให้เขาเข้าใจ
“ถ้าผลการวิจัยยืนยันมาแบบนั้น..ผมอยากขอให้คุณหมอช่วยรักษาให้ผมด้วยวิธีนั้นจะได้ไหมครับ” ราเมศลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วค่อยๆก้าวเข้าไปหาคุณหมอสาวพร้อมกับมองที่ริมฝีปากอิ่มสีชมพูของเธอ เธอก็เม้มปากทันทีโดยอัตโนมัติ ใบหน้างามนั้นแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเพราะเธอโกรธหรือว่าเขินอายเขากันแน่ เธอหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังมองหาที่พึ่งก่อนที่เธอจะมองไปยังประตูทางออก.. ชายหนุ่มก็รู้ทันความคิดของเธอ เขาขยับก้าวไปยืนขวางประตูเอาไว้ เขานึกอยากจะแกล้งคุณหมอคนสวยอยากจะรู้ว่าเธอจะทำยังไง ราเมศก้าวเข้าไปใกล้ๆมาริสาแล้วเอ่ยถาม
“นี่คุณหมอไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมใบหน้าถึงแดงขึ้น” ส่วนคุณหมอคนสวยนั้นเธอตัวเกร็งถอยหลังไปจนชนกับผนังห้อง
“เปล่า!” หมอสาวตอบชายหนุ่มแล้วสูดลมหายใจเข้าก่อนจะเอ่ยออกมา..
“นี่ก็ใกล้จะได้เวลาคลินิกปิดบริการแล้ว วันนี้รบกวนคุณกลับไปก่อนได้ไหมคะ”
“ผมมาหาคุณหมออีกได้ใช่ไหมครับ” ราเมศก้มลงกระซิบใกล้ๆใบหน้าเธอ
“เอ่อ..ได้ค่ะ แต่วันนี้คลินิกปิดแล้วค่ะ” เธอรีบรับปากเขาออกมา เพื่อจะเร่งให้เขารีบกลับออกไป แต่ราเมศยังไม่รู้สึกอยากจะกลับเลยสักนิด เขาก้าวมายืนกันเธอเอาไว้ แต่แล้ว..ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา..
“อ้าว! น้องริสายังมีคนไข้อีกเหรอคะ”
“พี่จิน! เฮ้อ!..ใช่ค่ะพี่จิน”? มาริสาถอนหายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบก้าวไปยืนใกล้ๆผู้ช่วย เธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ผู้ช่วยของเธอเปิดประตูเข้ามา..
“อ๋อ..คุณราเมศนี่เอง แล้วได้ทำฟันหรือยังคะ” จินตนาหันไปถามชายหนุ่ม
“คุณหมอทำให้ผมเรียบร้อยแล้วครับ ผมกำลังจะกลับพอดี”
“ค่ะ”
“แล้วผมจะแวะมาตามสัญญานะครับ คุณหมอ..คนสวย” ราเมศหันไปบอกและกระซิบตอนท้ายให้คุณหมอสาวได้ยิน ก่อนที่เขาจะก้าวออกไปจากห้อง
“พี่ไม่อยู่แค่แป๊บเดียว สัญญาอะไรกันแล้วคะเนี่ย” จินตนาเอ่ยแซวมาริสา
(“สัญญาอะไรกันล่ะ ฉันต้องรับปากไปเพราะนี่ก็ 2ทุ่มกว่าแล้ว คลินิกกำลังจะปิด พี่ดาก็กลับบ้านไปก่อนแล้ว พี่จินก็ไม่รู้หายไปไหนมา”) มาริสาบ่นพึมพำออกมาเบาๆ
“น้องริสาว่าอะไรนะคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่จิน เรารีบปิดคลินิกแล้วกลับบ้านกันเถอะค่ะ”
“ค่ะ น้องริสา”
ระหว่างที่มาริสานั่งรถไฟฟ้าMRTเดินทางกลับบ้าน เธอก็ครุ่นคิดกังวลเรื่องของราเมศ ท่าทางเขาจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น ถ้าเขามากวนเธออีก เธอจะหาทางหลีกเลี่ยงเขาได้ยังไง..