“ต้วนเจี้ยนหลินคารวะท่านอ๋องแปด”ฉุดมือหลินฮวาให้คุกเข่า หลินก็วามีท่าทีฮึดฮัด แม่ทัพต้วนส่งสายตาดุดุ จินเทาอ๋อง เหลือบตามอง หลินฮวาที่ไม่หลบตาเขามองเขาตาแป๋ว
“ท่านแม่ทัพไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อมาที่นี่แล้วก็เหมือนเป็นแขกคนหนึ่ง”
“ท่านอ่องเกรงใจไปแล้ว ข้าเป็นเชลยหาก ฝ่าบาทแคว้นฉีรู้ว่าอยู่ดีกินดีเช่นแขกเมืองเช่นนี้ กลับไปแคว้นฉี คง.. ไม่พ้นหัวหลุดจากบ่าอีกทั้งอาจถูกกล่าวหาว่าเป็นไส้ศึก” เจิ้งจินเทายิ้ม
“ข้าไม่ได้ปฏิบัติต่อท่าน เพียงผู้เดียวเหล่าทหารที่เหลือของแคว้นฉีก็ถูกปล่อย ออกจากการคุมขัง ใครมีลูกเมียพ่อแม่จะกลับแคว้นฉีก็ไม่ขัดแต่หากใครจะอยู่ที่แคว้นเว่ยตั้งรกรากหรือเริ่มต้นชีวิตใหม่ ฝ่าบาทก็ทรงมอบเงินทุนให้ไม่น้อย
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างที่สุด”ต้วนเจี้ยหลิน คิดไม่ถึงว่า ฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยจะทรงคุณธรรมถึงเพียงนี้
“ท่านแม่ทัพ...และบุตรีก็พักผ่อนเสียให้สบายใจ หากจะกลับข้าก็คงไม่อาจรั้ง แต่กลับไปท่านแม่ทัพเองก็รู้ถึงโทษทัณฑ์ที่จะได้รับ ยาและถ้าจะรั้งอยู่ที่นี่ ข้าจะกราบทูลฝ่าบาท ให้รับท่านเข้าช่วยงานในราชสำนัก และกองทัพของแคว้นเว่ย”
“ข้า ต้วน เจี้ยหลินถือกำเนิดที่แคว้นเว่ย ตายก็ขอตายที่แคว้นเว่ยนำทัพแพ้พ่ายย่อมได้รับโทษทัณฑ์เป็นเรื่องที่สมควรยิ่งแล้ว”ยืดอกด้วยความทะนงตน จินเทาอ๋องส่ายหน้าไปมา รู้สึกเสียดายคนแบบนี้อย่างที่สุด
เจิ้งจินเทาถอนหายใจยาวเหยียด
“ท่านพ่อเขาทำดีกับเราเพื่อสิ่งใดกัน” แม้จะอ่อนเยาว์แต่ก็พอจะรู้ชั่วดี
“เรากับเขามิได้มีเรื่องแค้นเคืองใดกันเป็นการส่วนตัวคนบางคนเขาดีกับเราเพราะเขาเป็นคนดีอยู่แล้วคนบางคนเขาทำชั่วกับเราเพียงเพราะเขา เป็นคนชั่วเช่นกัน”
“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาจริงใจกับเราหรือไม่”หลินฮวาอ๋องแปดผู้นี้จากที่พ่อได้ยินมาเขามีน้ำใจไม่น้อยไม่เช่นนั้นพ่อคง ไม่ขอให้เขาปลิดชีพเพื่อแลกกับราษฎรและชีวิตของเหล่าทหารทั้งหมด แต่เขากเลือกที่จะพาเรากลับมาที่นี่เพื่อต่อชีวิตเราหากพ่อกลับแคว้นฉีก็เท่ากับ วางคอบนแท่นประหารไปแล้ว”
“ลูก ยังไม่เชื่อใจเขาอยู่ดี”
“หลินฮวา เรามองใครแค่เพียงผิวเผินจึงไม่อาจเข้าใจถึงเบื้องลึกของเขาได้ หากลูกจะตัดสินใครสักคนต้องรู้จักเขาอย่างถ่องแท้”
“ลูกจะจำคำท่านพ่อไว้”
ตำหนักใหญ่
“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง”เจิ้งจินเทา ประสานมือคุกเข่าตรงหน้า
“ไตร่ตรอง ข้าไตร่ตรองดีแล้ว จินเทาปีนี้อายุเจ้าก็ยี่สิบขวบปีแล้ว จะแต่งชายาหรือก็ไม่ให้หาเองก็ ไม่ ข้าหาให้เจ้าก็อิดออดส่งคุณหนูบ้านไหนไปเจ้าก็ไล่พวกนางกลับตระกูลจนสิ้น มาวันนี้รบทัพจับศึกมานาน เหนื่อยหนักแรมปี ข้ามอบรางวัล เป็นชายาเอกกับชายารอง ยังขอให้ข้าไตร่ตรอง น้องเล็กเยี่ยงเจ้าเอาใจยากเสียจริง”
“เสด็จพ่อท่านอา คงยังไม่เคยมีหญิงใดใกล้ชิด จึงเขินอายเป็นธรรมดา”
“ไท่จือเจ้าก็อย่ากระเซ้าอาเล็กของเจ้าเสียจนเกินไปใครกันจะเหมือนไท่จือที่วันๆ เที่ยวเล่นสนุกสนานหากไท่จือหมั่นฝึกฝนร่ำเรียนกับ ท่านอาเล็กป่านนี้ พ่อคงไม่ต้องหนักใจเช่นวันนี้เป็นแน่”เจิ้งลี่กังยิ้ม
“เสด็จพ่อท่านอาไม่รับข้ารับเอง เสียงร่ำลือว่า บุตรีแม่ทัพ ทางเหนืองดงามเกินใคร ข้ากำลังจะหาโอกาส ทำความรู้จักนาง”
“ไท่จือออ.นั่นอาหญิงของเจ้าเชียว อย่าได้ ทำกิริยา ไม่ดีกับนางต่อไปนางจะเข้ามาเป้นครอบครัวเดียวกับเรา”ฮองเฮาเตือนไท่จือที่เอาแต่สนุกไปวันๆ ”
“ข้าพูดเล่น ท่านอาเล็กท่านยอมเสด็จพ่อเสียเถิด เรื่องแบบนี้ให้ท่านจัดการเองชาตินี้ก็คงไม่สำเร็จแต่หากให้เสด็จพ่อจัดการให้ อีกไม่นานคงได้อุ้มอ๋องน้อยกันถ้วนหน้าด้วยนิสัย สนุกสนานของ เจิ้งลี่กังจึงมักสร้างรอยยิ้มเสมอ อายุอานามของเขาก็ไม่ได้ห่างกับ อาเล็กกี่มากน้อยจึงเปรียบดังสหสยกันมากกว่าผิดกันแต่อีกคนพูดมากอีกคนกลับ พูดเมื่อจำเป็นเท่านั้น
“เอาเป็นว่าข้าไตร่ตรองแล้ว ชายา เอกก็ต้องแต่งชายารองยิ่งต้องแต่ง เป็นเจ้า ต้องไตร่ตรองให้ดีเช่นกันเจิ้งจินเทา” เจิ้งจินเทาถอนหายใจ
“ชายาเอก หรือชายารอง เขาจะจัดการกับพวกนางอย่างไรกันคุณหนูตระกูลปิง เคยเห็นนางเพียงครั้งเดียว เป็นหญิงงามหนึ่งในใต้หล้าที่คนร่ำลือ แม้แต่องค์รัชทายาทลี่กังยังแวะเวียนไปที่ตระกูลปิงบ่อยครั้ง ส่วนชายารองที่อายุห่างกันหลายปีนั้นเล่าเขานึกถึงสายตา ขึ้งโกรธของนางแล้วยังจะอายุที่ห่างกันมากมายนางจะเป็นชายาที่ดีได้หรืออีกทั้ง เขาจะมีความอดทนต่อกิริยาของนางได้นานแค่ไหน แล้วยังคำครหาเรื่องพ่อของนางอีก แล้วด้วย ท่าทียโสของนาง นางจะยินยอมเป็นชายารองเขาอย่างนั้นหรือ
“รัชศก เฉิงลี่ที่12เดือน สือเยว่ (ตุลาคม) หาวันมงคลเตรียมชายาเอกและชายารองของจินเทาต้าหวัง” ขันทีข้างกายจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร คนทั้งหมดในที่นั้นรวมทั้งเหล่าขุนนางต่างประสานมือคารวะพร้อมเพรียงกัน