“เฮ้ย! กิ่ง ใช่กิ่งไหมเนี่ย”
เมื่อมองชัดแล้วว่าคนตรงหน้าคือกิ่งมณี ลิขิตก็ร้องเรียกชื่อเธอด้วยความดีใจ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอรักแรกรักเดียวที่อยู่ในใจตลอดมา
“เฮ้ย! ขิตใช่ไหมเนี่ย โห! ไม่เจอกันนานหล่อขึ้นเป็นกระบวนเลยนะ มีเมียรึยัง” เมื่อมองชัดว่าอีกฝ่ายคือลิขิตเพื่อนในคณะสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมือเล็กก็ตบไหล่อีกฝ่ายแรง ๆ ด้วยความดีใจไม่แพ้กัน
“ขิตหล่ออยู่แล้วไหมกิ่ง ว่าแต่กิ่งเถอะมีแฟนรึยัง ส่วนเรานะยังไม่มี โสดสนิทไม่มีใครเอา” ลิขิตเอ่ยติดตลกในช่วงท้ายประโยค
“แหม! หล่อ ๆ แบบขิตเนี่ยนะไม่มีใครเอา”
“ก็มีนะ ขิตไม่อยากรักใครเพราะขิตมีคนที่ขิตรักอยู่แล้ว”
ไหน ๆ ก็ได้มาเจอรักแรกแล้ว และเขาก็ยังรักกิ่งมณีไม่เคยเปลี่ยน ไม่อยากเชื่อว่าวันนี้จะได้มาเจอกันอีกความรู้สึกเดิม ๆ ก็ตีรวนขึ้นมาในความรู้สึก หัวใจชายหนุ่มเต้นเร่าหนักหน่วง
มันคงถึงเวลาที่เขาต้องบอกความในใจกับกิ่งมณีแล้วสินะ โอกาสก็มาแล้ว
เขาบอกตัวเองในใจ พลางมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกคน
“มีคนที่รักอีกแล้ว แล้วมาบอกว่าโสด แต่ช่างเถอะ ขิตมาทำอะไรแถวนี้เหรอ เนี่ยบริษัทพ่อกิ่งเอง” หล่อนเปลี่ยนเรื่องเพราะตอนนี้หล่อนเห็นเงาสะท้อนของขุนพิทักษ์ในกระจก และเหมือนเขากำลังจะเดินตรงมาทางเธอและเพื่อนเสียด้วยสิ
“พอดีมาทำธุระที่ตึกข้าง ๆ น่ะ แต่ที่จอดรถเต็มเลยแวะมาจอดที่บริษัทของกิ่ง”
“เสร็จยัง”
“อะไรเสร็จยัง?”
“ธุระน่ะ ไม่ทันแล้ว เราไปคุยกันที่อื่นเถอะ กิ่งนัดยัยแอลไว้แล้ว”
หล่อนเห็นว่าไม่นานขุนพิทักษ์จะเดินมาถึงเลยฉุดกระชากลิขิตไปยังรถของตนพร้อมเปิดประตูรถแล้วดันร่างสูงใหญ่เข้าไป แล้วตัวเองก็รีบวิ่งไปทางฝั่งคนขับแล้วติดเครื่องรถกระชากตัวออกด้วยความรุนแรง
บัดซบ!
ขุนพิทักษ์สบถออกมาด้วยความหัวเสีย เมื่อเห็นกิ่งมณีออกไปกับชายแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก และเหมือนว่าทั้งสองจะสนิทสนมกัน มือใหญ่กำแน่นเข้าหากัน แล้วล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาต่อสายหาแม่ของกิ่งมณีทันที เพราะคนที่หล่อนกลัวและเชื่อฟังก็คือแม่ ฉะนั้นเขาต้องให้ท่านช่วย
“สวัสดีครับคุณน้า”
“สวัสดีจ้ะพ่อขุน” กานดาโตอบน้ำเสียงสดใสส่งมาทางสาย
“วันนี้ผมขอไปทานข้าวเย็นด้วยได้ไหมครับ ผมคิดถึงฝีมือคุณน้าครับ” ชายหนุ่มเอ่ยส่งไปในสายพร้อมกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ได้สิจ๊ะ สำหรับพ่อขุนได้เสมอและทุกเวลาเลยจ้ะ ว่าแต่ขากลับชวนน้องกลับมาบ้านด้วยนะจ๊ะ”
“คือตอนนี้น้องกิ่งไม่อยู่ครับ เธอออกไปข้างนอกครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ งั้นป้าโทร.บอกน้องเอง เจอกันเย็นนี้นะจ๊ะพ่อขุน”
“ขอบคุณครับที่เอ็นดูคนไกลบ้านแบบผม”
“พ่อขุนก็เหมือนลูกชายน้าไม่ต้องมากพิธีหรอกจ้ะ แค่นี้นะจ๊ะ”
“ครับ” วางสายเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป้ากางเกงพลางคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตึกด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนปกติ ทั้ง ๆ ที่ในหัวนั้นมีเรื่องราวมากมายให้ขบคิด
“อือ! ฉันรักพวกแกจัง”
“พวกฉันก็รักแก ไปนะ ส่วนแกก็นอนพักเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเนาะ”
คนท้องอุ้ยอ้ายประคองตัวเองลุกขึ้นเดินไปสั่งงานเด็กรับใช้ ด้านกิ่งมณีเมื่อลับร่างเพื่อนแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า สองมือเล็กประสานกับทาบทับบนหน้าท้อง คิดถึงเรื่องราวของตนกับขุนพิทักษ์ตั้งแต่รู้จักกันวันแรกจนวันนี้และเรื่องราวในคืนข้ามปี และเธอก็เพิ่งจะนึกได้เมื่อกี้เองตอนเห็นท้องใหญ่ ๆ ของต้องตา จนต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างคิดไม่ตกพร้อมภาพหนูน้อยวิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อก็ยิ่งตอกย้ำ มือเล็กกุมหน้าท้องแบนราบของตนด้วยความกลัว
สามสาวเดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานของเลขาฯ ขุนพิทักษ์แล้วให้เขาแจ้งว่าพวกเธอมาขอเข้าพบ
และไม่ลืมบอกชื่อตนให้เลขาฯ แจ้งไปด้วย และไม่นานคนข้างในก็อนุญาต พวกเธอจึงเดินเข้าไปในห้องทำงานของชายหนุ่ม พอเข้าไปก็เห็นหนูน้อยนอนหนุนตักของผู้หญิงสวยคนหนึ่งอยู่บนโซฟา ทั้งสามหันมาสบตากันอย่างรู้ความหมายก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานกลางห้อง ด้านเจ้าของถิ่นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้แขก
“พวกเรามีเรื่องอยากเคลียร์ค่ะ” พีรดาพูดพร้อมกับเอากระเป๋าถือของตนตบโต๊ะทำงานของคนตัวโตและเบนสายตาไปทางหนูน้อยกับผู้หญิงอีกคนในห้องทำงานด้วย ด้านมินตราก็จ้องมองสามสาวอย่างสังเกต เพราะหล่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทั้งสามเป็นใคร และหน้าตาเอาเรื่องนั้นก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องดี
“ครับ มินพาหนูดีกลับไปรอพี่ที่บ้านก่อนนะ พี่มีงานต้องเคลียร์ เดี๋ยวทุกอย่างเสร็จพี่จะรีบกลับไปหาลูก” ขุนพิทักษ์เห็นท่าจะไม่ใช่เรื่องดีเลยบอกสั่งอดีตภรรยาให้พาลูกน้อยกลับไปรอตนที่บ้านก่อน
“ค่ะพี่ขุน อย่าให้หนูดีกับมินรอนานนะคะ” หล่อนเอ่ยตอบสียงหวานอย่างมารยา ก่อนจะปลุกลูกน้อยให้ตื่น “กลับไปรอแด๊ดที่บ้านนะคะหนูดี แด๊ดมีงานจ้ะ”
“อือ! ได้ค่ะ แด๊ดขารีบตามหนูดีกลับนะคะ”
หนูน้อยบอกผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินตามผู้เป็นแม่ออกจากห้องทำงานไป บทสนทนาของพ่อแม่ลูกยิ่งทำให้ทั้งสามสาวขบฟันแน่น