“ไอ้เฟียหายหัวไปไหนวะ” ชายหนุ่มร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวประจำ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนที่นั่งหน้าสลอนอยู่มีไม่ครบคนอย่างที่เคย
“โดนเรียกตัว” หนุ่มผมสีควันบุหรี่เป็นคนตอบคำถามนั้น แต่ดวงตาคมยังไม่ยอมละจากมือถือเครื่องโปรด
“อีกแล้วเหรอ มันยอมไปหรือไงรอบนี้”
“ไม่ยอมก็ต้องยอมแหละวะ คู่อริมันยอมไปง่าย ๆ ถ้าไอ้เฟียไม่ยอมไปก็หมาดิ”
“ไอ้พวกแพ้ผู้หญิงไม่เป็น”
“น้อยหน่อยไอ้คริส ใครจะยอมผู้หญิงเก่งเหมือนมึง โดยเฉพาะเวลาผู้หญิงขึ้น...”
“นี่สถานศึกษา ไม่ควรพูดเรื่องอย่างว่านะครับคุณเควิล”
“ผมหมายถึงอารมณ์ขึ้น แบบโกรธน่ะครับคุณเนตั้น มันเรื่องอย่างว่าตรงไหน หรือสมองคุณมึงมีแต่เรื่องพวกนี้”
“ไอ้...”
“ตีกันเป็นเด็ก ๆ อีกแล้วนะพวกมึง” เสียงที่สี่ดังขึ้น ทำให้สองหนุ่มที่กำลังจะเถียงกันต่อต้องเงียบเสียงลงและหันไปสนใจเจ้าของเสียงแทน
“มาแล้วเหรอเฟีย”
“ไม่มามั้งยืนหัวโด่อยู่เนี้ย”
“หัวอะไรโด่วะ” คริสเอ่ยถามติดตลก ทำให้คนถูกถามอดไม่ได้ที่จะผลักไหล่แข็งนั่นแรง ๆ
“กวนตีน”
คำด่าไม่จริงจังนั้นทำให้ทั้งกลุ่มปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี สาว ๆ ที่เดินผ่านไปมาอดหยุดมองไม่ได้กับเสน่ห์อันเหลือล้นนั้น แม้ทุกคนจะรู้ดีว่ากลุ่มนี้อันตรายมากพอ ๆ กับหน้าตาที่พระเอกบางคนยังอาย แต่อะไรก็ตามที่ท้าทายมักจะน่าลิ้มลองเสมอ
“แล้วเขาเรียกมึงไปทำไมวะเฟีย”
“กิจกรรมเก็บตัวดาวเดือนแหละ”
“อะไรวะ นี่มึงปีสี่แล้วนะเว้ย ทำไมถึงยังต้องให้มึงลงไปเกี่ยวข้องกับเรื่องประกวดเดือนดาวอีก” เนตั้นถามออกมาพร้อมขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ มีประกวดเดือนดาวทีไรทางกองประกวดจะมาตามให้มาเฟียไปช่วยโปรโมทงานให้ตลอด ตั้งแต่ปีสอง ปีสาม ยันปีสี่ ทั้ง ๆ ที่ปีนี้มันควรจะเป็นปีที่ได้เรียนน้อย กิจกรรมไม่มี เพื่อเตรียมตัวที่จะจบการศึกษา
ถึงแม้ว่าส่วนมากจะต้องการแค่ให้มาเฟียไปเดินโชว์หน้าหล่อ ๆ พูดสองสามประโยคให้หนุ่มสาวหน้าตาดีสนใจกิจกรรมนี้มากขึ้น แต่มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเดือนเมื่อสามปีที่แล้วแบบมาเฟียหรือเปล่า
“เขาให้ทำอะไรอีก”
“รอบนี้ให้ไปต่างจังหวัด”
“อะไรนะ!” คำตอบของเพื่อนทำให้ทั้งสามหนุ่มร้องออกมาพร้อมกัน นี่มันจะมากไปแล้วนะ
“มึงไม่ต้องไปเลย ตามใจจนเคยตัว เริ่มไม่มีความเกรงใจกันแล้วนะ” เควิลรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทน เพื่อนเขาไม่ใช่ไก่กา ลองถ้ามันปฏิเสธจริงจังยังไงก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งวุ่นวายอีก
“กูรับปากไปแล้ว”
“อะไรของมึง มึงอยากไปหรือไง”
“กูไม่ได้อยากไปหรอก งานเด็กน้อยแบบนั้น”
“แล้วมึงรับปากเขาทำไม” คริสเอ่ยถามขึ้นบ้าง แม้จะพอเดาคำตอบได้อยู่แล้วแต่ก็อยากได้ยินจากปากเพื่อนเพื่อความมั่นใจ
“เหตุผลเดิม ๆ”
“กูว่าแล้ว” สามเสียงพูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง เมื่อคำตอบที่ได้รับไม่ผิดจากที่คิดไว้แม้แต่นิดเดียว
เหตุผลเดิม ๆ ที่มาเฟียพูดถึงคือเรื่องของดาวคู่ขวัญ(คู่กัด)อย่างนับดาว สาวสวยพราวเสน่ห์หุ่นนางแบบจากคณะบริหาร ตั้งแต่เล็กจนโตเพื่อนทั้งสามคนรู้ดีว่ามาเฟียเป็นผู้ชายเย็นชาจนเหมือนไร้ความรู้สึก ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นว่าเพื่อนมีความรู้สึกเหมือนคนอื่นบ้างก็ตอนที่ทะเลาะกับนับดาวสมัยประกวดดาวเดือนด้วยกันนั่นแหละ และหลังจากนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรที่มีผู้หญิงชื่อนับดาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ชายที่ไม่เคยสนใจใครอย่างมาเฟียต้องเป็นเดือดเป็นร้อนได้ทุกครั้งไป
คนเกือบทั้งมหาวิทยาลัยรู้ดีว่าเบื้องหลังของดาวเดือนคู่ขวัญที่เพจดาวเดือนพยายามชง พยายามจิ้นนั้นเป็นคู่อริกัน มาเฟียกับนับดาวไม่ค่อยลงรอยกันมาตั้งแต่สมัยประกวดดาวเดือนเมื่อตอนปีหนึ่ง และรอยร้าวนั้นเจ้าตัวก็ไม่คิดจะปิดบัง ทั้งคู่มักจะแข่งขันและข่มกันเสมอเมื่อมีโอกาส ไม่มีใครรู้สาเหตุแน่ชัดถึงความขัดแย้งของทั้งคู่ เพราะถ้ามีใครถามว่าทำไมดาวเดือนปีนี้ไม่ถูกกัน คำตอบก็จะมีแค่ ‘ไม่ชอบหน้า’ เท่านั้น ซึ่งหลาย ๆ คนต่างลงชื่อสนับสนุนว่าช่างเป็นเหตุผลที่ไร้สาระสิ้นดี
.
.
Mafia Part
.
ผมนั่งมองเพื่อนทั้งสามคนที่เลิกสนใจเรื่องของผมและหันไปพูดเรื่องของตัวเองกันอย่างออกรสแทน มันเป็นภาพแสนเคยชินที่เห็นทุกวันก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียน เราทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังไม่หย่านมแม่ เรียนด้วยกันมาตลอด แม้ช่วงมหาวิทยาลัยจะเลือกเรียนคนละคณะแต่ก็นัดเจอกันทุกวัน
พูดถึงเรื่องเก็บตัวดาวเดือนแล้วผมก็ปวดหัว ไม่รู้ทำไมตอนนั้นถึงได้เอ่ยปากออกไปว่าจะยอมไปเก็บตัวกับน้อง ๆ ด้วยแบบนั้น หาเหาใส่หัวชัด ๆ
ผมรู้ดีว่าที่ทางกองประกวดอยากเอาผมไปโปรโมทเพราะจะได้มีน้อง ๆ สนใจกิจกรรมนี้มากขึ้น พูดตรง ๆ ว่ากิจกรรมดาวเดือนสมัยนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมน้อย หนุ่มสาวหน้าตาดีต่างไม่อยากลงประกวดเพราะหวงแหนความเป็นส่วนตัว บ้างก็แฟนหวง หลากหลายเหตุผลปนกันไป ทางกองประกวดจึงใช้ผมและนับดาว ดาวเดือนที่ได้รับความนิยมที่สุดเป็นตัวกระตุ้นให้กิจกรรมนี้ยังไม่ถูกทางมหาวิทยาลัยเท
แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องชวนผมและนับดาวไปต่างจังหวัดกับน้อง ๆ ด้วย ในเมื่อการเก็บตัวรอบนี้คือรอบสุดท้ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องโปรโมทอะไรอีกแล้ว
ครืด
เสียงสั่นของอุปกรณ์สื่อสารในมือทำให้ผมละสายตาจากสามเพื่อนซี้ลงไปมอง ชื่อของคนที่ส่งข้อความมาทำให้ผมรีบปลดล็อกหน้าจอด้วยความรวดเร็ว
‘วันนี้ไม่ว่าง’
อ่านจบผมก็รีบพิมพ์ตอบจนนิ้วแทบพันกัน
’เมื่อวานก็ไม่ว่าง’
’ก็คนมันไม่ว่าง อย่าเซ้าซี้’
ข้อความที่เหมือนรำคาญกันทำให้หัวผมเดือดปุ ๆ กล้าดียังไงถึงใช้คำว่าอย่าเซ้าซี้กับผมวะ
ผู้คนส่วนมากจำภาพของมาเฟีย เดือนมหาวิทยาลัยตัวแทนจากคณะวิศวะว่าเป็นคนเย็นชา พูดน้อย ไม่สนใจใคร ซึ่งที่ทุกคนรู้มันไม่ได้ผิดไปมากนักหรอก ผมเป็นคนแบบนั้นแหละ นอกจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ผมไม่เคยให้ความสนใจใคร ก็แค่เพื่อนร่วมโลก ไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมอยู่แล้ว
แต่ทุกอย่างมักมีข้อเย็นเว้นเสมอ...นั่นคือความจริงของโลกใบนี้ เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ใช่แม้แต่เพื่อน หนำซ้ำยังเป็นคู่อริกัน แต่กลับทำให้น้ำแข็งแบบผมร้อนเป็นไฟได้จากคำแค่ไม่กี่คำ
'งั้นถ้าฉันเอาคนอื่นมานอนด้วย เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ปะ’
กดส่งไปแล้วผมก็จ้องมือถือแทบจะมุดเข้าไป แต่จนแล้วจนรอดข้อความก็ยังไม่ขึ้นว่าถูกอ่าน รออยู่หลายนาทีทุกอย่างก็ยังคงเงียบ และนั่นยิ่งทำให้ผมหัวร้อนขึ้นไปอีก
ได้ ในเมื่อไม่สนใจกัน ฉันก็จะไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว!