Mafia Part
.
‘ตามใจนายสิ’
นั่นคือประโยคสั้น ๆ ที่ผมได้รับหลังจากนั้นเกือบห้าชั่วโมง
และเพราะประโยคนั้นตอนนี้ผมถึงได้มาอยู่ที่ผับของพี่ชายเนตั้น ข้างกายที่ไม่ได้มีใครจับจองมาหลายเดือนมีใครบางคนนั่งอยู่ หล่อนพยายามเอาอกเอาใจผมสารพัด ซึ่งผมก็หันไปคุยด้วยบางครั้งที่โดนตื้อมาก ๆ แต่เพราะกลิ่นน้ำหอมของเธอฉุนจนขึ้นสมองเหมือนแช่ด้วยน้ำหอมมาหลายปี ทำให้ผมไม่ค่อยถูกใจในตัวเธอมากนัก แม้รูปร่างหน้าตาจะตรงตามที่ชอบแค่ไหนก็ตาม
“มาเฟียศีลแตกแล้วหรอวะ”
ผมหันไปมองคนที่เพิ่งมาถึงด้วยสายตาเย็นชา ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเมื่อโดนแซว แหงล่ะ ผมไม่ได้ควงสาวมาหลายเดือนจนเพื่อน ๆ พากันเข้าใจว่าผมกำลังหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม พวกมันเลยรวมหัวกันวางแผนชวนผมออกมาเที่ยวไม่เว้นอาทิตย์ โดยเฉพาะไอ้คริสที่พยายามหาสาวมาบริการผมตลอด ๆ ทั้ง ๆ ที่ผมบอกว่าไม่ต้องการ
นี่ถ้าผมจะหันหน้าเข้าสู่ทางธรรมจริง ๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าใครจะบาปหนาที่สุด
พอมาวันนี้พวกมันเห็นผมนั่งอยู่ข้างผู้หญิงก็พากันล้อเลียน เล่นเอาสาวเจ้าเขินม้วนเพราะคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์จนทำให้ผมหันกลับมาสนใจผู้หญิงได้ ซึ่งผมก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งปฏิเสธอะไรแบบนี้อยู่แล้วจึงปล่อยเลยตามเลย อยากคิดอะไรก็ช่าง เพราะความจริงมีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่รู้
“แล้วนี่เนตั้นไปไหนวะ”
“เห็นบอกจะเข้าไปคุยงานกับพี่ชายมัน ไปนานแล้วนะ ยังไม่ออกมาเลย” เควิลตอบพลางส่งสายตาไปที่ห้องทำงานชั้นบน เป็นการบอกว่าคนที่คริสถามหาอยู่บนนั้น ห้องทำงานของพี่ชายเนตั้นเป็นส่วนที่สามารถมองเห็นบรรยากาศทั้งร้านได้ แต่คนภายนอกมองขึ้นไปก็จะเห็นแค่กระจกดำ ๆ เท่านั้น
“เออ เมื่อกี้กูเข้าผับมาพร้อมคู่อริมึงว่ะเฟีย”
“ใคร”
“คนไม่สนโลกแบบมึงมีอริกี่คนเชียว” คริสพูดพร้อมมองหน้าผมไปด้วยราวกับอยากจับผิด แต่คนแบบผมไม่มีทางหลุดอะไรออกไปง่าย ๆ สุดท้ายมันก็เลิกสนใจผมและหันไปมองหาเหยื่อสำหรับคืนนี้แทน
ผมนั่งดื่มเงียบ ๆ น้อยครั้งที่จะหันไปคุยกับเพื่อนบ้าง คุยกับสาวที่อยู่ข้างกายบ้าง แต่เมื่อไหร่ที่คนอื่นเผลอผมมักจะมองไปรอบ ๆ ผับตลอด ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น แต่ผมไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้
แต่มองเท่าไหร่ก็ไม่เจอคนที่ผมอยากเห็นแม้แต่ปลายผม
‘ไปอยู่ตรงไหน อย่าให้ฉันหาเธอเจอนะนับดาว’
ผมคาดโทษอีกฝ่ายไว้ในใจ ถ้าได้เจอเมื่อไหร่คงมีเรื่องต้องคุยกันยาว
“เนตั้นมาละ” เสียงของเควิลทำให้ผมหันกลับมาสนใจเพื่อนอีกคนที่หายไปข้างบนเกือบชั่วโมง หน้าตาที่บอกบุญไม่รับนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไปเพราะรู้ว่ายังไงเนตั้นก็ต้องเล่าอยู่ดี
“หน้ามุ่ยเชียวมึง” คริสเอ่ยทักคนแรก เนตั้นทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แรง ๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่สาว ๆ ชงให้เข้าปาก ไม่กี่อึดใจน้ำสีอำพันเต็มแก้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“แม่ง!”
“เป็นไรวะ”
“พี่กูจะแต่งเมีย”
“อ้าว ก็เรื่องดีนี่หว่า ทำหน้ามุ่ยทำไม”
“แต่งไม่ว่า แต่ดันต้องตามเมียไปอยู่ต่างจังหวัด และจะยกที่นี่ให้กูดูแทน” ว่าจบก็ยกเหล้าแก้วใหม่กรอกปากอีกครั้ง “กูไม่ได้อยากดูแลที่นี่ กูแค่ชอบมาเที่ยวมากินฟรี แต่ถ้าให้มานั่งบริหารแม่งไม่ใช่ทางกูป่าววะ พวกมึงก็รู้ดีว่ากูอารมณ์ร้อนแค่ไหน ขืนให้มาทำงานในที่แบบนี้ที่มีแต่คนเมาไม่พูดไม่รู้เรื่อง กูคงได้เอาขวดฟาดหัวแขกแตกรายวัน”
เพื่อน ๆ ทุกคนได้แต่เออออและรับฟัง เพราะถึงแม้จะสนิทกันแค่ไหนแต่เรื่องของครอบครัวอีกฝ่ายยังไงก็ไม่ควรก้าวก่าย ผมนั่งมองคนที่นั่งกระดกเหล้าเข้าปากอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่ามันเริ่มอารมณ์ดี และหันไปสนใจสาวข้างกายแล้วจึงเบนสายตาไปทั่วร้านอีกครั้งเพื่อหาคน ๆ เดิม
และครั้งนี้ผมหาเธอเจอ
ภาพคนคุ้นเคยที่ยักย้ายสะโพกไปมาเบา ๆ เรียกสายตาจากคนทั้งร้านได้เป็นอย่างดี หญิงสาวหน้าตาสวยเฉี่ยวราวกับดารา ทรวดทรงองค์เอวสวยงามราวกับพระเจ้าตั้งใจปั้น ถูกรัดจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งด้วยชุดสีน้ำเงินน่าค้นหา แถมสีน้ำเงินนั่นยังขับผิวขาวราวกับน้ำนมให้ผ่องขึ้นจนสะดุดตา มือขวาเธอถือแก้วค็อกเทลรสชาติเบา ๆ สำหรับผู้หญิง ส่วนมือซ้ายเธอยกขึ้นเสยผมที่ดัดลอนจนสยายเต็มแผ่นหลัง
มันฮอตจนผู้ชายหลายคนพาซี๊ดปากอยากได้ผู้หญิงคนนี้กลับไปนอนกกจนตัวสั่น
หึ!
ผมหันกลับมาสนใจเหล้าบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์
นี่หรอที่บอกว่าไม่ว่างของเธอ นับดาว
“เฮ้ย นั่นนับดาวป่าววะ” เนตั้นเป็นอีกคนที่สังเกตเห็นผู้หญิงคนนั้น เสียงของมันทำให้ทั้งเพื่อนผมและสาว ๆ ในโต๊ะหันไปมอง
“โอ้โห สุดยอด! ไม่เคยรู้เลยว่ายัยนั่นจะฮอตขนาดนี้” คริสผิวปากอย่างถูกใจ ทำให้ผมอดคิ้วกระตุกไม่ได้ “นับดาว เฮ้ ทางนี้”
ผมรีบเงยหน้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงไอ้คริสเรียกนับดาว เธอมองหาต้นเสียงสักพักก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ให้ ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเดินเข้ามาหาเสือผู้หญิงอย่างเพื่อนผมตามคำชวน แต่พอดวงตาของเธอสบเข้ากับดวงตาของผม ขาเรียวก็ยอมก้าวเดินช้า ๆ จนมาหยุดตรงหน้าโต๊ะของพวกเรา
“มาเที่ยวหรอคริส” นับดาวทักทายไอ้ชั่วคริส(สรรพนามเริ่มเปลี่ยน)อย่างคุ้นเคย ทั้งสองไม่ได้สนิทกันหรอก แต่เพราะได้เจอกันบ้าง พูดคุยกันบ้างเวลาที่ผมไปทำกิจกรรมเดือนดาวและพวกเพื่อนชั่วตามไปส่องสาวสวย ๆ จึงทำให้คุ้นเคยกันพอสมควร
ในพวกเราสี่คน นอกจากผม นับดาวน่าจะคุ้นเคยกับเนตั้นพอสมควร เพราะทั้งคู่เรียนคณะเดียวกัน แค่คนละเอก แต่ก็คงมีเดินสวนกันบ้างให้พอคุ้นหน้าคุ้นตา
“เรามาทุกอาทิตย์อยู่แล้ว เพิ่งเคยเจอดาวนี่แหละ”
“เรามาที่นี่ครั้งแรก เพื่อนอวยว่าดีเลยอยากมาลอง”
“แล้วดีจริงไหมล่ะ” เนตันถามด้วยดวงตาระยิบระยับ ความหงุดหงิดที่มีหายไปทันทีเมื่อมีสาวสวยเดินเข้ามาหาถึงที่ เล่นเอาผู้ชายที่จ้องแมวสาวคนนี้เสียดายไปตาม ๆ กัน
เพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าผู้ชายโต๊ะนี้สนใจผู้หญิงคนไหน...ไม่รอดซักราย
“เราชอบนะ”
“ผับเราเอง”
“ไม่ค่อยเลยนะเนตั้น” เควิลเอ่ยแซวเพื่อนที่เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่อยากดูแลที่นี่ แต่พอมีลูกค้าสวย ๆ ชมก็เปลี่ยนสีเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่า
“เจ๋งอะ อายุแค่นี้เอง มีกิจการใหญ่โตแล้ว”
“จริง ๆ พี่เราดูแลหลัก ๆ แหละ แล้วนี่มากับใคร มานั่งกับพวกเราไหม รับรองว่าปลอดภัย”
“มากับสายรหัสเราที่จบไปแล้วน่ะ”
ปัง!
ผมวางแก้วเหล้าลงแรง ๆ เมื่อได้ยินคำตอบนั้น นับดาวมากับสายรหัสที่จบไปแล้วก็เท่ากับว่าเธอมากับไอ้เมฆ พี่รหัสที่จ้องจะเอาน้องรหัสตัวเองทำเมีย!
“เป็นอะไรของมึงวะ นับดาวตกใจหมด”
“หึ” ผมหัวเราะในลำคอกับท่าทีเอาอกเอาใจนับดาวของไอ้คริส ก่อนจะหันไปสนใจสาวที่อยู่ข้างกาย กลั้นใจดึงเธอมาซุกไซร้ที่คอโดยไม่อายคนที่มองอยู่
“เฟียเขาคงไม่พอใจที่เรามาอยู่ตรงนี้ งั้นเราขอตัวก่อนนะ”
“อย่าถือสามันเลย มันก็หมาบ้าแบบนี้แหละ”
“เราชินแล้วล่ะ ไปนะ”
ผมผละตัวออกจากดงน้ำหอมทันทีที่นับดาวเดินจากไป กลิ่นน้ำหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกทำให้อยากจะอาเจียนให้ได้ ผมมองหน้าไอ้คริสอย่างคาดโทษที่เมื่อกี้หลอกด่าผมกับนับดาว ก่อนจะหยิบมือถือเครื่องหรูออกจากกระเป๋าและพิมพ์ข้อความส่งให้ใครบางคน คำว่า Read ที่แสดงให้เห็นว่าปลายทางได้อ่านแล้วทำให้ผมกระตุกยิ้ม
‘มาหาฉันที่หน้าห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นทุกคนได้รู้แน่ว่าเราเป็นอะไรกัน’