Friend With Benefit : 8

1450 คำ
Mafia Part . “ห้องนายไม่มีพวกมะนาวหรือน้ำขิงเลยเหรอ” นับดาวหันกลับมาถามผม หลังจากที่พยายามหาของที่ต้องการมาหลายนาที วันแรกของเราหลังจากยุติความสัมพันธ์แบบ Friend With Benefit ลงอย่างเป็นทางการเริ่มต้นขึ้นแบบงง ๆ และค่อนข้างวุ่นวาย เพราะหลังจากที่คุยกันได้ไม่กี่ประโยคผมก็ปวดหัวจากอาการเมาค้างอย่างรุนแรง เดือดร้อนให้นับดาวต้องคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ช่างเป็นการเริ่มต้นที่น่าประทับเหลือเกิน “ไม่มีหรอก ฉันไม่ได้กลับห้องมาเป็นเดือนแล้ว” “อ้าว ทำไมล่ะ” “ไม่มีคนให้นอนกอด” ผมหยอดอีกครั้งเมื่อมีโอกาส พร้อมส่งสายตาที่คิดว่าหวานที่สุดให้อีกฝ่ายอย่างไม่เจียมสังขาร แต่มันคงแปลก ๆ น่าดูเพราะนับดาวทำหน้าปุเลี่ยนใส่เสียอย่างนั้น “นายนี่ เหมือนโดนผีสิงเลยอะ” “ฉันกำลังจีบเธอไง” “จีบแบบนี้ไม่ชินเลย” เธอว่าพร้อมหันกลับไปทำอะไรกุกกักที่ครัวอีกครั้ง ด้วยความสงสัยผมจึงเดินเข้าไปเมี่ยง ๆ มอง ๆ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัว เพราะเสียงหวานยังคงเอ่ยต่อไม่หยุด “แล้วสายตาแบบนั้นเลิกทำเลยนะ มันแปลก ๆ โอ๊ะ!” นับดาวร้องเสียงดังเมื่อหันกลับมาแล้วหน้าผากชนเข้ากับปลายคางของผม แม้จะไม่แรงนักแต่ก็ทำให้เธอเสียหลักไม่น้อย ซีนโรแมนติกที่หวังไว้จึงกลายเป็นซีนอุบัติเหตุทำให้นางเอกเจ็บตัวแทน บอกเลยว่าเป็นการเริ่มต้นที่พังมาก “เจ็บมากไหม” ผมถามพร้อมสำรวจส่วนที่คิดว่าอาจจะได้รับแรงกระแทกมากที่สุด แต่เมื่อเห็นผิวตรงนั้นไม่ได้เกิดร่องรอยอะไรก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่งอก “ไม่เจ็บ แต่ตกใจ อย่าทำแบบนี้อีกนะ” “ไม่ชอบเหรอ” “ไม่ชอบ ถ้าฉันถือของอยู่มันจะอันตราย ทั้งกับตัวนายแล้วก็ฉัน” “ฉันขอโทษ แค่อยากจะดูว่าเธอกำลังทำอะไร” ผมเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดจริง ๆ เพิ่งตระหนักได้ว่าชีวิตจริงไม่ใช่ละคร การที่พระเอกนางเอกจะหันกลับมาแล้วจ้องตากันมันเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ เพราะชีวิตจริงอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ถ้าอีกฝ่ายถือของอยู่ “ไม่เป็นไร ไปนั่งสิ ไหนว่าปวดหัว” “อือ” ผมรับคำและเดินกลับไปนั่งที่อย่างว่าง่าย นับดาวหันกลับไปทำสิ่งที่ทำค้างอยู่อีกครั้ง ไม่ถึงนาทีกลิ่นกาแฟเข้ม ๆ ก็ลอยมาเตะจมูก กึก “ห้องนายเหลือแค่กาแฟ ฉันเคยอ่านในอินเตอร์เน็ตมาว่ามันช่วยแก้อาการแฮงค์ได้” “ขอบใจนะ” “อืม” เธอตอบรับพร้อมยืนจ้องไม่ยอมไปไหน ผมจึงค่อย ๆ ยกกาแฟขึ้นดื่ม รสชาติขม ๆ ของมันทำให้ร่างกายรู้สึกตื่น ใช้เวลาเพียงไม่นานน้ำสีดำสนิทก็หมดเกลี้ยง “วันนี้เข้ามหาลัยหรือเปล่า” “เข้าบ่าย ๆ” “ฉันไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอก” นับดาวปฏิเสธทันที “ปวดหัวอยู่ก็พักเถอะ ฉันไปเองได้” “เอางั้นเหรอ” “เอางี้แหละ” “ตามใจเธอ” ผมยอมจำนน ดูเหมือนว่านับดาวจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบการเอาอกเอาใจเท่าไหร่ ยิ่งเซ้าซี้เธอจะยิ่งรำคาญ “แต่อยู่จนฉันหลับก่อนค่อยไปได้ไหม ฉันนอนคนเดียวแล้วฝันร้าย” “นาย...” นับดาวมองผมเหมือนเห็นผี ก่อนจะเดินเข้ามาหาแล้วใช้หลังมือทาบลงบนหน้าผากและซอกคอของผม “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา” “แล้วทำไมฉันต้องตัวร้อนด้วย” ผมถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ ผมแค่ปวดหัวเพราะแฮงค์ ไม่ได้มีอาการป่วยอย่างอื่นร่วมด้วย อะไรที่ทำให้นับดาวคิดว่าผมกำลังป่วย “ก็นายแปลกเกินไป มาเฟียที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้” “แล้วมาเฟียที่นับดาวรู้จักเป็นคนยังไง ไหนบอกกันหน่อย” ผมตั้งคำถามพร้อมดึงร่างบางมานั่งบนตัก นับดาวขัดขืนเพียงนิดเดียวก็ยอมนั่งนิ่ง ๆ เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าขยับต่อ จะเกิดอะไรขึ้น "นายหน้านิ่ง เย็นชา พูดน้อยเหมือนกลัวดอกพิกุลร่วงออกมา ยกเว้นเวลานั้นนะ” “เวลานั้นมันคือเวลาไหน” “นี่! ไม่ต้องมาทำตัวใสซื่อเลย” “ก็ฉันไม่รู้จริง ๆ” ผมว่าพลางรั้งเอวบางเข้าหาตัวเองมากขึ้น นับดาวหันกลับมาส่งสายตาดุ ๆ ใส่เมื่อสัมผัสได้ว่าผมกำลังทำอะไร แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวจะเข้าตัวเองอีกครั้ง “ไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้ ปล่อย” “แต่รู้ไหมที่เธอพูดถึงฉันเมื่อกี้ เหมือนเธอกำลังพูดถึงตัวเองด้วย” ผมกระซิบข้างใบหูเล็กที่เริ่มขึ้นสีแดง “เพราะเราเหมือนกัน เราถึงเข้ากันได้ดี...ทุกเรื่อง” ผมใช้ปลายจมูกสัมผัสกับซอกคอขาวผ่องแผ่วเบา เพียงเท่านั้นร่างกายของนับดาวก็มีปฏิกิริยาทันที เธอบีบแขนของผมที่วางบนเอวตัวเองแน่นพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัด นับดาวเป็นผู้หญิงที่จุดติดง่ายถ้ารู้จุด และจากการที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของร่างกายนี้มาหลายต่อหลายครั้ง มันทำให้ผมรู้จักร่างกายของเธอดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก พึ่บ ผมตัดใจยกร่างของเธอลงจากตัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินเข้าห้องนอนท่ามกลางสายตาอาฆาตแค้นจากอีกฝ่าย “ไปนอนก่อนนะ” “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” . . สามทุ่มเศษ ผมบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นดังกร๊อบ งานที่ทำคืบหน้าได้ค่อนข้างเยอะ แต่ก็ต้องวัดดวงกันไปว่าส่งตรวจแล้วจะโดนแก้แค่ไหน อาการปวดหัวหายดีแล้ว แต่อาการปวดตัวกลับมาแทนที่ เพราะช่วงนี้ต้องเคลียร์งานให้เรียบร้อยเลยไม่มีเวลาได้ออกกำลังกาย โชคดีที่ซิกแพคที่ปั้นมานานยังไม่หายไป แต่สุขภาพแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นแต่ก่อนต่อให้นั่งนานกว่านี้ก็ไม่ได้มีอาการปวดเมื่อยมากขนาดนี้ นี่นั่งแค่ไม่กี่ชั่วโมงกล้ามเนื้อก็แข็งไปหมด ติ้ง ผมมองมือถือที่ปิดแจ้งเตือนจากทั้งหมดไว้เหลือเพียงแค่เพื่อนและนับดาว ก่อนจะรีบเปิดอ่านทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ‘เสร็จงานแล้ว’ “เพิ่งเสร็จเหรอ สามทุ่มกว่าแล้วนะ” 'นี่เร็วแล้วนะ’ “หมายความว่าปกติดึกกว่านี้” ’ช่ายแล้วค่า’ คำตอบจากอีกฝ่ายทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ คิดถูกจริง ๆ ที่กล้า(เพราะเมา)พูดออกไปว่าอยากเริ่มต้นใหม่กับนับดาว จากที่เคยคุยกันแค่ถามไถ่ว่าวันนี้ว่างมาเจอกันไหม ถ้าว่างก็แค่นัดเจอ มีเซ็กส์ แล้วก็แยกย้ายกัน กลับกลายเป็นได้รู้ชีวิตประจำวันของเธอด้วย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นเธอทำอะไร กลับบ้านเวลาไหนกลับกลายเป็นความแปลกใหม่ที่ผมรู้สึกชอบที่จะได้รับรู้ และที่สำคัญคือผมได้เรียนรู้ตัวตนของเธอมากขึ้น นับดาวที่เคยรู้จักคือผู้หญิงสวย หยิ่ง เข้าถึงยาก แต่นับดาวในวันนี้กลับเป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีความน่ารักน่าแกล้ง แถมยังแอบกวนเล็ก ๆ ด้วยซ้ำ แปลกดี มันทำให้ผมอยากรู้ว่าคน ๆ หนึ่งจะมีกี่ด้านที่ซ่อนไว้ “แล้วกลับยังไง” ’เอารถมา’ ’ขับรถก่อนนะ’ “ถึงคอนโดแล้วบอกด้วยนะ” ’อือ’ นับดาวตอบมาสั้น ๆ พร้อมสติ๊กเกอร์การ์ตูนผู้หญิงทำท่าโอเคมาให้หนึ่งตัว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจบบทสนทนาด้วยคำว่า อือ คำเดียว แต่เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ทั้งผมและเธอจึงพยายามลดกำแพงลงเพื่อเข้าหากันได้มากขึ้น และสิ่งน่ารักเล็ก ๆ อย่างเช่นการส่งสติ๊กเกอร์ของเธอก็ทำให้ผมยิ้มได้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ในวันนี้ เป็นอีกครั้งที่ผมบอกตัวเองว่าตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ แต่แล้วรอยยิ้มของผมก็เลือนหายไปทันทีเมื่อเห็นว่าหน้าจอขึ้นชื่อของใครบางคนที่โทรเข้ามาแทนหน้าแชทของนับดาว ใครบางคนที่ผมพยายามเลี่ยงที่จะติดต่อมาตลอด ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่ายังไงก็คงไม่มีทางหนีพ้น ชั่งใจอยู่เพียงครู่เดียว ผมก็ตัดสินใจกดรับสายนั้น “ครับ คุณย่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม