“ไม่ต้องมากพิธี” หลันหลันเอ่ยขึ้น เก็บป้ายหยกเข้าในอกเสื้อแล้วกวาดตามองโดยรอบอีกครั้ง “พวกเจ้าก็ด้วย” เพียงสิ้นประโยคของนาง เงาวูบไหวตามแนวกำแพงปรากฏเป็นบุรุษและสตรีหลายสิบคน แต่ละคนแต่งกายด้วยชุดชาวบ้านเสื้อผ้าเนื้อหยาบ ทว่าดูเข้มแข็งและแววตาก็เปี่ยมไปด้วยความหวัง ความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ความหวังที่จะไม่ถูกกดขี่ทารุณราวกับไม่ใช่มนุษย์ผู้หนึ่ง หญิงสาวสบตากับทุกคน ประสานมือซ้ายทับมือขวาวางไว้บนหน้าอกแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อย เมื่อทุกคนเห็นจึงทำตอบเช่นกัน “ขออภัยที่ข้ามาช้า” “มิได้” ชายชราเอ่ยขึ้น ครั้งนี้เขาไม่ได้ดูอ่อนแออีกแล้ว จากที่หลังง้องุ้มก็ยืดแผ่นหลังตั้งตรง “แม่นางคือ...” “เรียกข้าว่าหลันหลัน” หญิงสาวแนะนำตัว นางละทิ้งท่าทางขี้เล่นของตนเอง เลียนแบบกิริยาของกงเสวี่ยหลิง ยืดแผ่นหลังตั้งตรง ใบหน้าเชิดเล็กน้อยด้วยท่าทางสง่างาม คนในวังหลวงคิดว่ากงเสวี่ยหลิงเป็นองค์