“เดี๋ยว! ใจเย็นก่อน...” เสียงร้องประท้วงของหญิงหุ่นเพรียวงามห้ามปรามหนุ่มใหญ่ร่างท้วมสมบูรณ์ เมื่ออ้อยหวานวางอยู่ตรงหน้าช้าง มีหรือที่ช้างจะยินยอมพร้อมปล่อย ยิ่งห้ามยิ่งตื่นเต้นมืออวบหนาล้วงเข้าที่ชายเสื้อ พร้อมกับที่ใบหน้าก้มซุกไซ้ที่ลำคอขาวอย่างกระหาย แม้ปากจะห้ามแต่เธอการกระทำช่างย้อนแย้งเธอแหงนหน้าปล่อยให้ชายรุ่นใหญ่ทำได้ตามอำเภอใจ
เสียงเงียบก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงร้องเป็นระยะทำให้ถงอวี้ที่นั่งอยู่หน้าห้องรั้งตำแหน่งเลขาหน้าสวยถึงกลับมีสีหน้าเซ็ง แรกๆ เธอก็ถึงกับขวยเขิน ปวดมวนท้องน้อยจนหน้าแดงเพราะรู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นแต่นานเข้าเธอเริ่มชินชาจนไม่แน่ใจว่าตนเองเกิดกามตายด้านไหม
แต่คิดไปคิดมาคงไม่ใช่เพราะเมื่อไหร่ที่เจ้านายพาหญิงคนใหม่มาในหัวเธอจะจินตนาการถึงความเผ็ดร้อนที่ทั้งคู่ระเริงรักกันจะที่โซฟาหรือบนโต๊ะทำงานเหมือนในหนังภาพยนตร์ที่เห็นได้เกลื่อนกลาด แต่ก็อดขำไม่ได้เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงที่ยอมคบเจ้านายนั้นจุดประสงค์หลักล้วนเป็นเพราะเงินทั้งนั้น ส่วนเธอนอกจากเลขาทำงานเอกสาร จัดการตารางงานแล้ว งานเสริมคือกองทัพหน้าดักคนที่เข้ามาไม่ได้จังหวะนั่นเอง สาเหตุนี้กระมังที่ทำให้ถงอวี้เป็นหญิงหน้าด้าน กล้าเอ่ยแทะเล็มผู้ชายรูปหล่อกับเพื่อนฝูงยามไปเที่ยวอย่างไม่อายปาก แต่มิใช่ที่ทำงานแน่เพราะที่นี่เธอต้องเป็นหญิงที่เนี๊ยบไปทุกอย่างแม้จะอยู่กับเจ้านายตัณหากลับ
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าหน้าผมดูดีแล้ว ประตูจากด้านในจึงค่อยแง้มออกมาด้วยมือยาวเรียว ถงอวี้ก้าวเท้าเข้ามาพื้นที่ด้านในด้วยสีหน้าสงบทั้งไม่ลืมใช้สายตากวาดมองสภาพด้านใน เธอชี้แจงเอกสารพร้อมกำหนดการต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว ถงอวี้มาเป็นเลขาแทนผู้หญิงตรงหน้า ส่วนหล่อนนั้นก็รู้ๆ กันอยู่ ดูแววตาสองคู่นั้นสิ! หื่นกระหายเสียจริง ทั้งที่เพิ่งจะสมสู่จนแตกซ่านยังกล้าสบตากันเป็นระยะอีก กลั่นแกล้งคนไร้คู่เหลือเกิน เธอเห็นแล้วนึกสงสารแทนภรรยาที่บ้านเสียเหลือเกิน เอ๊ะ! หรือว่าจะไม่สงสารดี รายนั้นก็ดูไม่ค่อยได้สนใจสามีสักเท่าไหร่ ได้ยินว่าสนใจแต่เครื่องเพชรและเงินในบัญชีเสียมากกว่าที่ไม่ยอมหย่าเพราะรักหน้าตาของตนเอง
ถงอวี้ยืนใจลอยคล้ายได้ยินเสียงเรียก แต่เมื่อหันไปกลับไม่พบใคร ความรู้สึกวูบโหวงมาเป็นระยะจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอทอดหายใจยืนดูงาน จู่ๆ มือหน้าก็วางทาบที่แผ่นหลัง สงสัยเขานี่แหละที่เรียกเธอ
“ไม่รับข้อเสนอของผมจริงๆ หรือ” ถงอวี้ไม่ได้มองเพราะรู้ว่าเป็นใคร เธอเพียงยกมุมปากยิ้มน้อยๆ ไม่แน่ว่าถ้าหุ่นชายที่ขนาบหลังเธอจะมีกล้ามเนื้อแขนและหน้าท้องอย่างชายในสเปค ไม่แน่ว่าอาจจะลองร้องครวญครางบนเตียงก็ได้ แต่นี่... แค่เห็นอารมณ์ทางเพศก็เก็บใส่หีบแล้ว
“ดิฉันขี้งกทั้งยังใจแคบค่ะ คงทนไม่ได้ที่จะให้ของแข็งเฉพาะจุดต้องใช้ร่วมเหมือนสินค้าสาธารณะ” ประธานเจ้านายอดหลุดขำในคำพูดเธอไม่ได้ เธอพูดเพียงเท่านี้เขาก็ไม่ได้ต่อคำใดเป็นการจบประโยคหัวข้อสนทนา หญิงคู่ควงเดินตามมาเขาจึงส่งกุญแจรถมาให้ “วันนี้ผมไม่กลับ ช่วยขับรถไปจอดที่บริษัทด้วยนะ” ถงอวี้จำต้องรับคำอย่างว่าง่ายและเขาก็รู้สึกพึงใจกับคำตอบ
บัดนี้ถงอวี้หน้าซีด ตัวเย็น ร่างกายเกร็งไปทุกส่วน ร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตระหนกตกใจกลัว เบื้องหน้ามิใช่ท้องถนนที่รถสัญจรกันไปมาตามปกติ ทว่ามันเป็นหุบเขาที่เบื้องล่างคือทะเลสาบในยามที่ฝนกระหน่ำห่าใหญ่ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันสร้างความตื่นกลัวจนเลือดเกาะกันเป็นก้อน
ถงอวี้ยังไม่มีเวลาแม้แต่ตั้งสติเพราะบัดนี้รถยนต์ได้เสียหลักแหกโค้งชนกับราวเหล็กกันถนนอย่างแรง ส่งผลให้รถร่วงหล่นสู่เบื้องล่างทันที
โครม!
ครืดดด....
ตูม!
สายน้ำแตกตัวเป็นวงกว้างพร้อมกับรถยนต์ค่อยดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเล มันค่อยๆ กลืนกินเหล็กสี่ประตูให้จมลึกพร้อมกับความกดอากาศสูงกว่าบนบกยิ่งทำให้การหายใจเป็นไปอย่างยากลำบาก ถงอี้พยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอด เธอควานหาของที่สามารถทุบกระจกให้แตกเพื่อดึงตัวเองออกจากตัวรถให้ได้
“ช่วยด้วย!” เสียงร้องพร้อมความพยายามของตนมาพร้อมกับน้ำที่ไหลเข้าตัวเครื่อง จนถงอวี้แหงนหน้าโกยอากาศหายใจ
‘ถงอวี้...’ เสียงนี้อีกแล้ว เสียงที่ถงอวี้ได้ยินตอนที่ตนเองเดินชมงานแกลลอรี่กับท่านประธาน และรถคันนี้คือรถของเจ้านายตนเองที่ส่งกุญแจยื่นให้เธอต่อหน้าคู่ควงที่เพิ่งคบหาดูใจกันไม่กี่เดือน
เงามือพร้อมเสียงเรียกดึงสติที่กำลังหลุดลอยให้ไขว่คว้าหาหนทางรอด ถงอวี้ยื่นมือไปคว้ามือนั้นด้วยดวงตาที่พยายามลืมอย่างยากลำบากเพราะคิดว่าคนที่ช่วยตนต้องเป็นเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งเป็นแน่