(เช้าอีกวัน)
เสียงเพลงราวกับกำลังอยู่ในผับดังกระหึ่ม รบกวนหญิงสาวที่กำลังนอนหลับอยู่ เธอพลิกตัวไปมาหลายครั้งก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นแล้วตะโกนบอกเพื่อนของเธออย่างหัวเสียทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“เฮ้ยบิว ปิดเพลงดิ คนจะนอน” พูดจบหญิงสาวก็ทิ้งตัวลงนอนตามเดิมพร้อมทั้งดึงผ้าห่มมาคลุมโปง
เธอไม่รู้เลยว่าคนที่เธอตะโกนบอกนั้น ไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอแต่เป็นเพื่อนใหม่ที่เจอเมื่อคืนต่างหาก
ตี๋ และคณิตหันมองหน้ากันด้วยสีหน้างงงวยก่อนจะตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน “ผี!”
คำว่า ผี ทำให้ผักบุ้งกระเด้งตัวขึ้นอีกครั้ง เธอรีบขยับไปกอดเบาะรถด้านหน้าแล้วร้องโวยวายเสียงดัง
“ผีที่ไหน ฉันกลัวผี แง”
สองหนุ่ม นักมวยจากค่ายมวยบรรชิตถึงกับมองหน้ากันด้วยสีหน้างงงวย
พวกเขาหันมองเจ้าของใบหน้าน่ารักที่กำลังกอดเบาะ หลับตาปี๋อยู่ซึ่งพวกเขานั้นจำได้ดีว่าเธอคือใคร
“ผักบุ้ง”
“ผีรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอเนี่ย ฮือ อยากหลอกหนูเลยค่ะคุณพี่”
“ผักบุ้งนี่พวกฉันเอง”
ผักบุ้งค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังยิ้มกว้างมาให้เธอ เธอมองหน้าพวกเขาสลับกันด้วยสีหน้างงงวย ไม่ต่างอะไรจากทั้งสองคนเลย
“ตี๋ คณิตมาอยู่ที่นี่กันได้ไงเนี่ย”
“คำถามนั้นผมต้องถามพี่มากกว่าครับ” ตี๋พูดขึ้น
“ใช่ พี่นั่นแหละมาอยู่บนรถพวกผมได้ไง” คณิตถามต่อ
“รถเหรอ?” คิ้วสวยเลิกขึ้น ผักบุ้งหันมองไปรอบรถ พยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
เท่าที่เธอจำได้ เมื่อคืนเธอนั้นเมามาก และกวางชวนเธอกลับไปนอนบ้านของกวางซึ่งเธอตกลงไปนอนบ้านกวาง
พอตื่นเช้ามา เธอเลยโทรให้บิวมารับที่บ้านของกวาง เธอเห็นรถคันนี้จอดอยู่หน้าค่ายมวยด้วยความสะลึมสะลือจึงคิดว่ารถคันนี้เป็นรถของบิวแต่เธอไม่เห็นบิวอยู่ในรถเลยเปิดประตูขึ้นมานอนรอ
“นี่อย่าบอกนะว่า เมื่อเช้าฉันขึ้นรถผิดคัน”
“คงจะเป็นอย่างนั้นแหละพี่”
“ถ้าอย่างนั้นพวกนายช่วยไปส่งฉันที่คอนโดหน่อยได้มั้ย”
“คงไม่ได้อะพี่ นี่เราอยู่จุดพักรถมอเตอร์เวย์กันแล้ว”
“เดี๋ยวนะ พวกนายกำลังจะไปไหนกันเนี่ย”
“เกาะล้านครับ”
“หะ เกาะล้าน!”
ก๊อก ก๊อก
ทั้งสามคนหันมองตามเสียงเคาะกระจกด้านนอกรถ เมื่อเห็นว่าคนที่มาเคาะกระจกเป็นใคร ตี๋จึงรีบเปิดประตูลงไปทันที
กายยืนกอดอกมองหญิงสาวด้านในรถ ขณะฟังตี๋เล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ให้ฟัง
“ทำไมลูกพี่นายมองฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแบบนั้นล่ะ”
ผักบุ้งหันไปถามคณิตซึ่งกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ด้านหน้ารถ คณิตหันมายิ้มพร้อมทั้งยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก และแปรงสีฟัน ยาสีฟันให้ผักบุ้ง
“ไม่มีไรหรอก พี่ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยดีกว่า”
“ดีเหมือนกัน ปวดหัวมาก ขอบใจนะ”
ผักบุ้งรับของมาแล้วเปิดประตูลงจากรถ เธอตั้งใจก้มหลบสายตาของกายแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป หญิงสาวใช้เวลาจัดการตัวเองอยู่นานกว่าจะออกมา แต่เมื่อออกมาเธอกลับต้องตกใจอีกครั้งเมื่อไม่เห็นรถของตี๋ และคณิตจอดอยู่ที่เดิม
เธอหันซ้าย หันขวาอย่างร้อนรน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะหาวิธีโทรตามสองคนนั้นแต่หน้าจอโทรศัพท์กลับมืดสนิท
“แบตมาหมดอะไรตอนนี้เนี่ย”
ในยุคนี้ การไม่มีโทรศัพท์เปรียบเสมือนไม่มีมือ มีแขนที่จะทำอะไรได้เลย หากถามถึงเงินสดนั้นยิ่งลืมไปได้เลยตั้งแต่มีการสแกนจ่าย ผักบุ้งก็แทบไม่พกเงินสดติดตัวอีกเลย
“ยืนเอ๋ออยู่ได้”
ขวับ
ผักบุ้งรีบหันไปมองตามเสียงด้านหลัง เธอเรียกชื่อคนด้านหลังดังก่อนจะกระโดดกอดชายหนุ่มด้วยความดีใจ
“พี่กาย”
กายชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เคยมีใครกล้ากระโดดกอดเขาแบบนี้มาก่อน และน่าแปลกที่เขาเองก็ไม่คิดจะผลักผักบุ้งออก หรืออาจเป็นเพราะหน้าตาเอ๋อ ๆ ของเธอ เลยทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรรุนแรงแบบนั้น
“บุ้งนึกว่าบุ้งจะโดนทิ้งแล้ว ฮือ”
“นี่เธอร้องเหรอ ยัยปลาทองเอ๋อ”
“ก็คนมันตกใจนี่นา ที่นี่คือที่ไหนก็ไม่รู้ แบตโทรศัพท์ก็หมด ทำอะไรไม่ได้เลย”
ผักบุ้งพูดรัวเร็วด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ภายนอกเธออาจดูเป็นคนเก่ง ร่าเริง สนุกสนานแต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าเธอกลัวการต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ฉะนั้นเหตุการณ์เมื่อครู่จึงทำให้เธอทั้งตกใจ และกลัว
“ใจเย็น ฉันก็อยู่นี่แล้วไง”
กายลดความดุของเสียงลง เมื่อเห็นผักบุ้งยังไม่หยุดร้อง เขาเลยใช้วิธีการหลอกล่อเด็กแบบที่เขาชอบทำกับหลานตัวเอง
“ตรงนู้นมีไอติมอร่อยนะ ไปกินมั้ย”
“เลี้ยงเปล่า” ผักบุ้งเงยหน้าขึ้นถาม ดวงตากลมยังคงคลอไปด้วยน้ำตาอยู่
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย บุ้งเลิฟติมติม”
อารมณ์ของผักบุ้งเปลี่ยนเร็วราวกับถูกกดสวิตช์ เธอปาดน้ำตาออกจากใบหน้า แล้วหันไปดึงมือกายลากให้เดินไปยังร้านไอศกรีมฝั่งตรงข้าม
ร้านไอศกรีมถูกตกแต่งด้วยสีขาวแดง สไตล์คล้ายกับร้านในต่างประเทศ มีที่นั่งไม่มากนักแต่โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด คนในร้านจึงไม่ค่อยเยอะอีกทั้งคนส่วนใหญ่ยังเน้นซื้อกลับมากกว่านั่งที่ร้าน
ผักบุ้งตักไอศกรีมเข้าปาก สายตาจับจ้องออกไปยังถนนด้านนอกผ่านกระจกใสบานใหญ่ เมื่อโทรศัพท์ไม่มีแบตเตอรี่ เธอจึงไม่มีอะไรให้ทำนอกจากมองสิ่งรอบข้างซึ่งเธอพึ่งรู้ตอนนี้เองว่ารอบข้างเธอนั้นมีอะไรให้สนใจมากมายไม่ต่างจากในโทรศัพท์เลย
“นั่งเหม่ออะไร”
กายยื่นขวดน้ำให้ผักบุ้ง เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอก่อนจะยกขวดน้ำโค้กขึ้นดื่ม ท่าทางการดื่มน้ำอัดลมของกายนั้นทำเอาผักบุ้งถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ผักบุ้งเจอกายเฉพาะในสถานการณ์แปลก ๆ เธอเลยไม่เคยมีเวลาได้ตั้งใจมองเลยว่า กายนั้นหล่อขนาดไหน แม้ใบหน้าจะหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขานั้นมีเสน่ห์มากทีเดียว
“มองอะไร?”
ผักบุ้งรีบก้มหน้าลงกินไอศกรีมในมือตัวเองพร้อมทั้งส่ายหน้าแทนคำตอบ ใบหน้าน่ารักเห่อแดง ร้อนผ่าวไปหมดทั้งที่กำลังกินไอศกรีมอยู่
กายมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ เขายื่นมือไปเชยคางเล็กขึ้นก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ด ไอศกรีมที่เลอะปลายจมูกมนออกให้
“กินเป็นเด็กไปได้”
ตึก ตึก ตึก
ผักบุ้งมองการกระทำของคนตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบ ๆ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่เธอไม่เคยใจเต้นกับใครเลยนอกจากต้องเต แต่อาการใจสั่นตอนนี้นั้นไม่เหมือนกับเวลาเกิดกับตอนเห็นรอยยิ้มต้องเต ไม่เลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งเธอเองตอบไม่ได้เหมือนกันว่าแตกต่างกันอย่างไร