“งาน งาน ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง นี่ชาติที่แล้วลูกของแม่เป็นหนี้อะไรโรงพยาบาลนี้หา” คนเป็นแม่บ่นอุบ
“หมอด้านผมไม่ได้จบง่ายๆ คุณแม่ก็รู้ ย่อมขาดแคลนเป็นธรรมดา”
“แต่ถ้าบ้างานแบบนี้ ตระกูลเราคงกุดที่เราแหละตาเมฆ” คนเป็นแม่ชักเริ่มฉุน
เรื่องที่หมอกระดูกขาดแคลนนั้นเป็นเรื่องจริง คุณวิชิตเลยปรามเมีย “เอาน่าคุณ ใจเย็นๆ”
“เย็นจนปล่อยให้ลูกชายอยู่บนคานมาถึงอายุสี่สิบปีนี่ยังไม่เย็นอีกเหรอคะ พอขายออกฉันดีใจมาก ยังมาบอกว่างานยุ่ง”
หมอเมฆาหน้าแดง ให้ตาย มารดาพูดเหมือนเขาเป็นสาวแก่ขึ้นคานที่มีชายหนุ่มขอไปเป็นภรรยา สำหรับผู้ชายวัยสี่สิบมันยังไม่ได้แก่เกินแกง เป็นวัยที่มีเสน่ห์น่าค้นหา ต่อให้เขาโสดต่อไปอีกสี่ถึงห้าปีก็เชื่อว่าเขายังขายออก
ยิ่งเห็นภรรยามองมาก็เกิดคำถาม “มองอะไร”
ลัยลาหลุบสายตา
คุณมาลินีรีบดุลูกชาย “หาเรื่องอะไรน้อง หมอ” แล้วมองลูกสะใภ้คนสวย “ถ้าพี่เขาข่มเหงรังแกหนูโทร.ไปฟ้องแม่เลยนะลัยลา อย่าทน”
เห็นแบบนี้บิดาคุณหมอมือทองจึงต้องปรามภรรยาตัวเอง “เอาน่า คุณมาลินี ที่โรงพยาบาลขาดหมอกระดูกจริงๆ เอาไว้ว่างหมอเมฆก็พาไปเอง หนูลัยลาก็บอกแล้วว่าจะไปฮันนีมูนกันทีหลัง”
“คุณคะ ทำไมเข้าข้างลูกชายตัวเองแบบนี้”
หมอเมฆาจึงต้องรีบห้ามทัพ เพราะเรื่องของเขาจะทำให้บิดามารดาทะเลาะกันเปล่าๆ “คุณแม่ครับ อย่าน้อยใจเลยนะครับ เอาแบบนี้ ผมสัญญาว่าภายในเดือนนี้ผมจะพาลัยลาเขาไปฮันนีมูน ดีไหมครับ” ลัยลาหันไปมองหน้าเขา เห็นสายตาขอร้องของสามีที่ส่งผ่านมาทำให้เธอรีบหันไปหาแม่สามี
“คุณแม่คะ พี่หมอสัญญาแล้ว คุณแม่สบายใจได้แล้วนะคะ แล้วนี่คุณแม่มาแต่เช้าทานอะไรมาหรือยังคะ หนูจะได้ทำอาหารเช้าให้คุณแม่ทาน”
นางมาลินีรีบยกมือห้าม “ไม่ต้องลำบากหรอกจ้ะ แม่แค่แวะมาหา กลัวว่าหนูจะถูกหมอรังแก”
ลัยลาหันไปมองสามีแวบหนึ่ง เธอถูกรังแกอย่างหนักทางร่างกาย ใจก็อยากฟ้องแต่อาย
‘อยากฟ้องว่าลูกคุณแม่หื่นมาก แต่ไม่กล้า’
ลัยลาคิดแล้วยิ่งละอายหน้าแดงซ่าน แล้วพูดตรงกันข้าม
“คุณหมอดีต่อหนูมากค่ะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะคะ”
“ถ้าหมอรังแกอะไร หนูต้องบอกแม่ทันทีเลยนะจ๊ะ ตอนนี้ก็ถือว่าหนูเป็นลูกสาวคนหนึ่งของแม่แล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณแม่ดีต่อหนูมากเลยค่ะ” ลัยลายกมือไหว้แม่สามีอีกครั้ง เธอเสียมารดาไปเมื่อก่อน จากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอด ทั้งเหงาและโดดเดี่ยว เมื่อได้แต่งงานก็รู้สึกว่าสิ่งเดียวที่ทำให้เธอยินดีได้ก็คือพ่อแม่สามีที่เอ็นดูเธอเหมือนลูกนี่แหละ
“วันนี้หมอไปทำงานก็ได้ แต่ว่าสัญญากับแม่แล้วก็ต้องทำตามสัญญานะ พาน้องไปฮันนีมูนแล้วก็ดูแลน้องให้ดี”
“ครับคุณแม่ ผมสัญญา” เมฆาบอกด้วยน้ำเสียงติดเบื่อหน่าย เพราะเขาไม่ได้รักใคร่ในตัวลัยลามากขนาดต้องดูแลอย่างดี แค่ทำตามหน้าที่สามีก็น่าจะพอแล้วมั้ง
“หนูลัยลา วันนี้หมอเขาไปทำงานแล้ววันนี้จะไปไหนลูก”
“หนูจะไปเก็บของที่บ้านเก่าค่ะ”
“แล้วไปยังไง หมอเขาไปทำงานแล้วใครจะไปเป็นเพื่อนหนู” นางมาลินีถามเสียงสูงด้วยความไม่พอใจ ทำไมลูกชายตัวดีปล่อยให้เมียกลับบ้านตามลำพัง เพราะเมื่อกี้ลูกชายประกาศปาวๆ ว่าจะไปทำงาน ดังนั้น นางเลยคะเนว่าลัยลาคงไปเก็บของคนเดียว
“คุณแม่คะ คุณหมอเขาบอกว่าจะแวะไปช่วยหนูก่อนเข้าโรงพยาบาลค่ะ คุณหมอเป็นห่วงหนูมาก ไม่ปล่อยให้หนูไปคนเดียวได้หรอกค่ะ”
นางมาลินียิ้มกว้าง “ได้ยินแบบนี้แม่ค่อยสบายใจ”
“สบายใจแล้วใช่ไหมคุณ ทีนี้เราจะกลับกันได้หรือยัง ผมต้องไปออกรอบกับเพื่อนๆ อีก ส่วนคุณจะไปร้านนวดหน้าไม่ใช่เหรอ นัดเขาไว้กี่โมงล่ะ”
“ฉันนัดไว้เที่ยงนู้นน่ะค่ะ มีเวลาถมเถ อ้อ หนูลัยลามีอะไรให้พี่เขาช่วยก็บอกพี่เขานะ เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว มีอะไรต้องคุยกันให้มากๆ นะรู้ไหม”
ลัยลาฉีกยิ้มกว้าง “ค่ะ หนูกับคุณหมอจะคุยกันทุกเรื่องอย่างที่คุณแม่สั่งทุกประการเลยค่ะ”
เมื่อพ่อแม่สามีกลับออกไปแล้วลัยลาก็ลุกขึ้นยืน “ฉันไปก่อนนะคะ”
เสียงดุเข้มเอ่ยขึ้น “เดี๋ยว แล้วเธอจะไปยังไง” เพราะลัยลาไม่มีรถยนต์ เขาเองก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำจะปล่อยให้เมียตะลอนออกไปเอง อีกอย่างเขากลัวแม่บ้านเห็นแล้วจะผิดสังเกตด้วย
“ฉันจะเรียกรถแท็กซี่มารับค่ะ” เธอหมายถึงแกร็บแท็กซี่
“ฉันไปส่งดีกว่า ไม่อยากให้ป้านอมผิดสังเกต” ป้านอมที่เมฆาพูดถึงคือประนอม แม่บ้านที่อยู่กับเขามานานแล้วตั้งแต่เขามาซื้อบ้านหลังนี้อยู่เมื่อสามปีก่อน
“ก็ได้ค่ะ ส่งฉันที่หน้าปากซอย เดี๋ยวฉันนั่งรถแท็กซี่ต่อไปเอง”
เมื่อตกลงกันได้แล้วเมฆาก็เดินนำไปขึ้นรถยนต์เลกซัสสีขาวคันหรูของเขา ลัยลาเดินไปเปิดประตูนั่งข้างเขา เมื่อรถยนต์ขับมาถึงหน้าปากซอย หญิงสาวก็ช้อนตามองเขา
“จอดตรงป้ายรถเมล์ก็ได้ค่ะ” เธอหันไปบอกเมื่อเห็นว่าเลยหน้าปากซอยที่พอจะหยุดจอดรถได้แล้วแต่เขากลับไม่จอด
“ผมไปส่งที่บ้านดีกว่า” เขาเคยไปมาแล้วพอจะจำได้ และแถวนั้นก็มีพวกผู้ชายที่ดูอันตราย เขาเคยเห็นวัยรุ่นจับกลุ่มดื่มเหล้ากัน บางคนก็ดูเหมือนติดยา
ลัยลาเลิกคิ้วมองเขา “ไหนว่าจะไปเข้าเวร”
“ไปสายสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็คงไม่เป็นไรมั้ง”
เมื่อถูกเขาเร่งรัดแบบฉุกละหุก เลยทำให้ลัยลาจำต้องบอกทางไปบ้านเธอให้กับเขา “ที่จริงคุณหมอมีงานก็ไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ค่ะ ไปเข้าเวรเถอะ”
“อย่าเรื่องเยอะได้ไหม ฉันบอกไปแล้วไงว่าจะไปส่งเธอก่อน หรือว่าที่บ้านเธอซ่อนใครไว้เลยไม่อยากให้ฉันไป”
“ซ่อนใครหมายถึงอะไรคะ”
“หมายถึงเธอมีความลับอะไรที่ไม่อยากให้ฉันไปส่งที่บ้านไงล่ะ”
“ฉันไม่มีความลับค่ะ อยากไปส่งก็ไปค่ะ ดีเสียอีก ฉันจะได้สบายไม่ต้องนั่งแท็กซี่ไปเองให้ลำบาก”