ฝาแฝดจากยุคอดีต/6

2746 คำ
แม่น้ำเฟิ่ง แม่น้ำเฟิ่งอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างเมืองผิงหยางและเมืองหยง ขวางกั้นระหว่างสองเมืองใหญ่ของแคว้นฉิน บริเวณต้นแม่น้ำมีบ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กถูกสร้างขึ้นอยู่ริมลำธารฝั่งเขตเมืองหยง ภายในบริเวณกว้างขวางมีรั้วรอบขอบชิด จัดแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน มีเรือนนอนแยกเป็นกิจจะลักษณะ เรือนครัวและห้องโถงเล็กๆ จัดวางไว้อย่างสวยงาม ตัวบ้านทำจากไม้ไผ่เขียวยืนต้นสูง เนื้อแข็งแรงทานทน ทำให้บ้านออกมาสวยงามและน่าอยู่ ภายในห้องนอนบนเตียงไม้ไผ่ปูด้วยเสื่อกลางเก่ากลางใหม่ทาบทับด้วยฟูกนอน ปรากฏร่างระหงของหญิงสาวนางหนึ่งนอนหมดสตินานกว่าห้าวัน บริเวณหน้าอกและคอมีผ้าพันแผลราวกับว่าได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าสวยงดงามบัดนี้แลดูขาวซีดเซียว ริมฝีปากอิ่มไร้สิ้นสีเลือดเจือจางด้วยเพราะทั่วร่างถูกพิษและเพิ่งถูกขับออกไปจนหมด ร่างอวบของสตรีสูงวัยอายุประมาณห้าสิบเศษๆ นามว่าฉางอี๋นั่วกำลังเป่ายาซึ่งเคี่ยวมาอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นเวลานาน โดยมีชายสูงวัยแลดูมีอายุนั่งอยู่บนโต๊ะกลางห้องกำลังค่อยๆ จิบน้ำชาพลางมองคนเจ็บที่ถูกช่วยขึ้นมาจากก้นแม่น้ำเมื่อห้าวันก่อน “ท่านพี่! แม่นางผู้นี้หมดสติเข้าวันที่ห้าแล้ว ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ นางไม่ฟื้นขึ้นมาจะทำอย่างไรต่อไปดี” ฮูหยินฉางเอ่ยถามสามีของนาง ชายชราในวัยหกสิบปีเจ้าของแซ่หยงนามว่าอู่ คนทั่วไปเรียกว่าหยงอู่ ชายชรามีอาชีพเก็บสมุนไพรและหาของป่าไปขายในเมืองหลวง แต่หามีผู้ใดล่วงรู้ว่าชายชราวัยไม้ใกล้ฝั่งเช่นนี้แท้จริงแล้วคือหมอเทวดา จากแคว้นจงซานซึ่งภายหลังได้ล่มสลายด้วยถูกแคว้นจิ้นบุกยึดดินแดน ทำให้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในแคว้นฉินและมีครอบครัวอยู่ที่นี่ สองสามีภรรยาดำรงชีวิตอยู่กลางป่าเขาอย่างมีความสุขโดยไร้สิ้นบุตรสืบสกุลแต่อย่างใด จวบจนกระทั่งทั้งสองนำเรือออกมาหาปลากลางแม่น้ำในขณะที่กำลังไหลเชี่ยวกราก น้ำใหม่พัดพาฝูงปลามากมายมาติดกับดักของสองสามีภรรยาที่ทำขึ้น และทั้งสองบังเอิญมาพบเห็นการฆ่าอย่างเลือดเย็นต่อหน้าต่อตาด้วยความบังเอิญ ทันทีที่ร่างของหญิงสาวถูกโยนลงในแม่น้ำ หยงอู่และภรรยาจึงได้ดำน้ำลงไปช่วยสตรีที่ถูกถ่วงน้ำขึ้นมาก่อนจะจมดิ่งลงก้นแม่น้ำและพบว่านางถูกเข็มเงินอาบยาพิษ ครั้นนำร่างไร้วิญญาณขึ้นมาจากก้นแม่น้ำได้เป็นผลสำเร็จและพบว่านางได้สิ้นลมหายใจไปแล้ว แต่จู่ๆ นางก็สำลักน้ำออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุพร้อมกลับมาหายใจดั่งเดิม ทำให้หมอเทวดาหยงอู่จากแคว้นจงซานรีบเร่งลงมือรักษากำจัดพิษที่อยู่ในร่างของสตรีผู้เคราะห์ร้ายให้ออกไปจากกายอย่างเร่งด่วน และหมอเทวดาหยงอู่ก็สามารถช่วยชีวิตนางได้เป็นผลสำเร็จ ร่างสันทัดลุกจากตั่งที่นั่งอยู่ เดินตรงไปที่ร่างของหญิงสาวที่ยังนอนหมดสติมานานกว่าห้าวัน สองนิ้วจับจุดชีพจรเพื่อตรวจจังหวะหายใจว่าเป็นเช่นไรบ้าง พร้อมรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าบางๆ “พลังหยินหยางของนางกลับมาเป็นปกติแล้ว ยาพิษที่ทำลายทวารทั้งเจ็ดบัดนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกไม่นานนางก็จะฟื้นขึ้นมาเอง รอเวลาว่าเมื่อไรจะลืมตาตื่นขึ้นมาเท่านั้น” หยงอู่บอกกลับไปท่ามกลางความโล่งใจของภรรยา “ดีจริงๆ เลยท่านพี่ที่เด็กสาวผู้นี้รอดปลอดภัย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ แลดูบอบบางเช่นนี้ คนพวกนั้นจะสามารถฆ่าได้ลงคอ มิหนำซ้ำยังใช้วิธีการฆ่าอย่างเลือดเย็นยิ่งนัก ดูสิ! ท่าทางยังไม่ออกเรือนเสียด้วยกระมัง อายุไม่น่าจะเกินสิบหกสิบเจ็ดเสียด้วยซ้ำไป” ผู้เป็นภรรยากล่าวพร้อมนั่งเพ่งพิศเด็กสาวที่ตนและสามีเพิ่งช่วยชีวิต “ท่านพี่คิดเหมือนกับข้าหรือไม่ เด็กสาวผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ยิ่งมองยิ่งงาม ทั้งหน้าตาและผิวพรรณต้องมาจากตระกูลชั้นสูงแน่ๆ เลยหรือท่านคิดเห็นเช่นไร” หยงอู่นั่งเพ่งพิศมองใบหน้างามของเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน “แม่หนูคนนี้งดงามดั่งคำของเจ้าจริงนั่นแหละ ส่วนจะเป็นใครมาจากไหนเอาไว้รอนางฟื้นขึ้นมาค่อยถามไถ่ก็แล้วกันนะฮูหยิน” หยงอู่ตอบกลับไป ทันใดนั้นเอง “เจี๋ยเจี๋ย! เจี๋ยเจี๋ยไปไหนรอด้วย! พี่รอฉันด้วย!” หญิงสาวเพ้อเรียกหาพี่สาวฝาแฝดออกมา พลางยื่นมือพยายามที่จะไขว่คว้าคนที่เธอเรียกให้หวนกลับคืนมาให้ได้ พรึบ!!! เปลือกตาที่ปิดสนิทพลันเปิดขึ้นมาทันใด ดวงตากลมโตสีดำสนิทกลอกกลิ้งไปมา หญิงสาวเห็นเพดานด้านบนทำจากไม้ไผ่นำมาวางเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ตัวบ้านล้วนทำจากไม้ไผ่ทั้งสิ้นไม่เว้นแม้กระทั่งเครื่องเรือนล้วนทำจากไม้ไผ่ทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเตียงเล็กๆ ที่ยกสูงจากพื้นมาเพียงเล็กน้อยมีผ้าสีขาวบางๆ ถูกรัดมุมไว้ทั้งสองข้าง เผยให้เห็นร่างของสตรีและบุรุษสูงวัยกำลังส่งยิ้มให้ “ฟื้นแล้วท่านพี่!” เสียงฮูหยินของหยงอู่เอ่ยขึ้นมาทันที เมื่อเห็นแม่สาวน้อยรู้สึกตัวและหันมามองทั้งคู่ “ที่นี่ที่ไหน! เราตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้” จางเพ่ยอันรำพึงอยู่ภายในใจ ร่างระหงพยายามลุกขึ้นจากฟูกนอน โดยมีฮูหยินฉางตรงเข้าประคองร่างของแม่สาวน้อยคนงามให้ลุกขึ้นนั่ง ท่ามกลางสายตาของหญิงสาวซึ่งกำลังมองสองสามีภรรยาด้วยความแปลกใจ “เจ้าฟื้นแล้วเช่นนี้ค่อยหายห่วงขึ้นมาหน่อย... เอ้า! ดื่มยานี่เสียสิ นี่คือยาถอนพิษที่เจ้าได้รับมาจะได้กำจัดพิษที่มีอยู่ในกายของเจ้าให้หมด” กล่าวพร้อมยื่นถ้วยยาส่งให้หญิงสาว ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังนั่งงงกับคำกล่าวของฮูหยินฉาง แต่ก็ยื่นมือรับถ้วยยามาถือไว้แบบงงๆ พลางก้มลงดมกลิ่นยาที่ช่างฉุนเสียนี่กระไร “นี่คือยาถอนพิษอย่างนั้นเหรอ! เราถูกพิษมาตั้งแต่เมื่อไร... อันที่จริงฉันหัวใจวายตายไม่ใช่เหรอ แล้วก็ได้พบกับเจี๋ยเจี๋ย จริงสิเจี๋ยเจี๋ยไปไหน! ทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่แบบนี้” หญิงสาวรำพึงรำพันก่อนจะได้ยินเสียงของสายน้ำจากลำธารและเสียงคล้ายน้ำตกกระทบหินผาไม่ไกลจากที่นี่เท่าใดนัก “เออ… คุณตาคุณยายคะ ที่นี่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ ทำไมเหมือนว่าที่นี่จะอยู่กลางป่า ละ... แล้ว หนูเป็นอะไรไปเหรอคะ... จริงๆ แล้วต้องอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่อยู่ในที่แบบนี้… อีกอย่างพี่สาวของหนู! เห็นพี่สาวฝาแฝดของหนูไหม” จางเพ่ยอันถามกลับไปด้วยความอยากรู้ ในขณะที่สองสามีภรรยาหันกลับมามองหน้ากันด้วยความงุนงง เมื่อถูกเด็กสาวหน้าตาสวยงามถามกลับมาเช่นนั้นเล่นเอาไม่รู้จะเริ่มต้นตอบเช่นไรดี “แม่หนูเจ้าจดจำอะไรได้บ้าง” หยงอู่เอ่ยถามกลับไปพลางมองหน้าเด็กสาว ที่มีท่าทางงุนงงและแปลกประหลาดใจกับสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้น “จะ… จำอะไรได้บ้างอย่างนั้นเหรอคะ” จางเพ่ยอันทวนประโยคของชายชราก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปทันที “หนูจำได้ว่ากำลังยืนอยู่บนสะพานเพื่อรอรถคันใหม่ของศูนย์วิจัยมาเปลี่ยน แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดหัวใจวายล้มลง… แล้วหนูก็มากับพี่สาวฝาแฝด คุณตาคุณยายเห็นพี่สาวของหนูไหม เราสองคนเดินจูงมือมาด้วยกัน” หญิงสาวเล่าเรื่องราวของเธอแต่ไม่ถึงกับหมดเปลือก ด้วยการพบวิญญาณพี่สาวฝาแฝดใช่ว่าจะมีคนเชื่อหากเล่าให้ผู้ใดฟัง จึงเอ่ยแต่เรื่องของเธอเท่านั้น ในขณะที่สองสามีภรรยายิ่งฟังยิ่งงงเข้าไปกันใหญ่ ทั้งสองได้แต่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะได้ยินเสียงหยงอู่เอ่ยขึ้น “ท่าทางแม่หนูคงจะสูญเสียความทรงจำไปบางส่วนเสียแล้วกระมัง ข้าและฮูหยินไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าบอกแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ยืนยันกับเจ้าได้นั่นก็คือ ข้าสองคนช่วยเจ้าขึ้นมาจากการโดนถ่วงน้ำก่อนจะจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำเฟิ่ง” “หา! หนูนะเหรอถูกถ่วงน้ำ!” จางเพ่ยอันเอ่ยออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ใช่! เจ้าถูกถ่วงน้ำให้กลายเป็นผีเฝ้าก้นแม่น้ำเฟิ่ง ถามจริงเถอะเด็กสาวเช่นเจ้าซึ่งอยู่ในวัยยังมิทันออกเรือนด้วยซ้ำไป เหตุใดจึงมีเรื่องบาดหมางถึงกับต้องถูกสังหารเอาชีวิต เจ้าถูกเข็มเงินอาบยาพิษร้ายแรงจนทำลายทวารทั้งเจ็ดสูญสิ้นลมหายใจไปก่อนหน้าที่ข้าสองคนจะลงไปช่วยเสียอีก” คำกล่าวของหยงอู่ทำให้จางเพ่ยอันนึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีตของพี่สาวฝาแฝดซึ่งเธอได้เห็นขึ้นมาทันที “นั่นมันเหตุการณ์วันลอบสังหารที่เกิดขึ้นกับเจี๋ยเจี๋ย มิใช่เหรอ” หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจพร้อมเสียงของฮูหยินฉางเอ่ยแทรกขึ้น “แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะลิขิตยังมิให้เจ้าถึงที่ตายกระมังแม่หนู จู่ๆ เจ้าก็กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง ทั้งๆ ที่หยุดหายใจไปสักพักแล้ว พวกข้าจึงนำเจ้ากลับมารักษาที่กระท่อมริมลำธารจนเจ้าฟื้นขึ้นมานี่แหละ” ถ้อยคำของฮูหยินฉางทำให้จางเพ่ยอันนั่งนิ่งเหมือนถูกสตัฟฟ์เอาไว้ไม่มีผิด ครั้นได้ยินเช่นนั้นดวงตากลมโตเพ่งมองใบหน้าสองสามีภรรยาได้อย่างชัดเจน ไม่มีอาการพร่าเลือนแม้แต่น้อย ด้วยหญิงสาวสายตาสั้นถึงแปดร้อยต้องใส่คอนแทกต์เลนส์จึงจะเห็นทุกอย่างชัดเจน มือเรียวยกขึ้นจับใบหน้าของเธอไปมาก่อนจะจับดวงตาทั้งสองข้าง เมื่อเห็นทุกอย่างเป็นปกติ “หน้ากลมๆ หายไป ตาของฉันที่มองอะไรไม่ชัดตอนนี้เห็นอะไรชัดแจ๋วเลย” หญิงสาวพึมพำออกมาเบาๆ มือค่อยๆ สำรวจร่างกายของเธอในขณะนี้ไปทั่ว ก่อนจะเลื่อนลงไปจับหน้าอกอวบอิ่ม ซึ่งมีขนาดใหญ่ล้นมือเลยทีเดียว หากเทียบขนาดในปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่าคัปดีหรือประมาณสามสิบเจ็ดนิ้วปาเข้าไปนั่น ในขณะที่หน้าอกของจางเพ่ยอันระดับไม้กระดานเรียกพี่ก็ว่าได้ “โอ้โฮ! นม! นมใหญ่จริงๆ เลยวุ้ย” จางเพ่ยอันกล่าวออกมาพร้อมดวงตาลุกวาว ก่อนจะเห็นใบหน้าสะท้อนอยู่ในน้ำซึ่งเป็นยาแก้พิษอยู่ในชามยาที่กำลังถืออยู่ในขณะนี้ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาทันที ตึก!!! ชามยาที่ถืออยู่ในมือวางลงบนขอบเตียงทันใด หญิงสาวสะบัดผ้าห่มออกจากกายพร้อมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงร้องห้ามปราม “แม่หนูอย่ารีบด่วนลุกขึ้น! เจ้าเพิ่งจะฟื้น” ฮูหยินฉางรีบร้องเตือนในขณะที่อีกฝ่ายอยู่ในภาวะสับสนว่าจะตกใจก็มิใช่หรือจะดีใจก็มิอาจรู้ได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่จะบอกได้นั่นก็คือ “กระจก! กระจก! หนูอยากได้กระจก! เอามาให้หนูทีตา! ยาย!” หญิงสาวร้องเรียกหากระจกส่องเงากับสองสามีภรรยาจ้าละหวั่นไปหมด “อยากได้กระจกส่องเงาอย่างนั้นเหรอ... รอเดี๋ยว! ข้าจะไปเอามาให้” ฮูหยินฉางบอกเด็กสาว พร้อมรีบก้าวออกไปจากห้องนอนดังกล่าว เพียงครู่ฮูหยินฉางกลับเข้ามาพร้อมกับกระจกสัมฤทธิ์ที่ขัดจนขึ้นเป็นมันวาว สามารถส่องเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจนพร้อมรีบยื่นส่งให้แม่สาวน้อย “เอ้านี่กระจกของเจ้า แม่หนู” จางเพ่ยอันมองกระจกสัมฤทธิ์ที่ขัดจนขึ้นเป็นมันสะท้อนเงาวาววับ “หา! นี่น่ะเหรอกระจกของคุณยาย” หญิงสาวถามกลับไปทันทีเมื่อเห็นกระจกหน้าตาโบราณยื่นส่งให้เธอ ก่อนจะรีบหยิบจากมือฮูหยินฉางพร้อมรีบนำมาส่องใบหน้าของตัวเองทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน ครั้นเห็นเงาสะท้อนอยู่ในกระจก “เฮ้ย! นี่มัน... เจี๋ยเจี๋ย!” จางเพ่ยอันรำพึงเรียกชื่อพี่สาวฝาแฝดของเธอ ก่อนจะยกกระจกขึ้นมาส่องใบหน้าอีกรอบเพื่อความแน่ใจ “ทำไม… ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ นี่มันร่างของเจี๋ยเจี๋ยในชาติที่แล้วไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าฉันย้อนกลับมาเกิดใหม่ในอดีตชาติของตัวเอง” หญิงสาวรำพึงรำพันออกมา ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องนอนเพื่อไปนอกตัวบ้าน “ที่นี่คือยุคอดีตของฉันจริงๆ น่ะเหรอ! ฉันกลับมาจริงๆ หรือนี่” หญิงสาวกล่าวพร้อมเดินออกนอกประตูบ้านไปทันที ท่ามกลางสายตาของสามีภรรยาที่มองตามด้วยความเป็นห่วง “ท่านพี่แม่หนูเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ ท่าทางแปลกประหลาดชอบกลนัก” ฮูหยินฉางเอ่ยถามสามีของนาง “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน บางทีนางอาจจะกำลังฟื้นความทรงจำให้หวนกลับ มาก็อาจเป็นได้นะ” หยงอู่ตอบภรรยากลับไป ร่างงามระหงของหญิงสาวโฉมสะคราญล่มเมือง ค่อยๆ เดินออกจากตัวบ้านจนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงริมธารของแม่น้ำ ทั่วบริเวณบ้านเต็มไปด้วยป่าดงดิบล้อมรอบและสายน้ำไหลผ่านหน้าอยู่ไหนขณะนี้ จางเพ่ยอันหันไปมองจนทั่วบริเวณพร้อมความทรงจำในอดีตชาติของเธอและพี่สาวฝาแฝดปรากฏให้เธอได้เห็นในจิตสัมผัสขึ้นมาทันที ตั้งแต่ต้นจนถึงวาระสุดท้ายชีวิตของจางเจี๋ยอี้และของจางเพ่ยอันในชาติอดีต ตุบ!!! ร่างอรชรทรุดฮวบลงกับพื้นดินตรงหน้าลำธาร เมื่อล่วงรู้ว่าดวงจิตของเธอได้มาสถิตอยู่ในร่างของพี่สาวฝาแฝดที่อุตส่าห์ไปตามหาถึงในยุคปัจจุบัน และนำเธอกลับมาในยุคอดีตนี้อีกครั้ง “พี่ให้ฉันกลับมาเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไป แต่กลับให้ฉันอยู่คนเดียวแทนที่จะมีพี่อยู่ด้วย ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังในยุคโบราณแบบนี้น่ะเหรอเจี๋ยเจี๋ย” เธอรำพึงรำพันถึงพี่สาวฝาแฝด พลางเงยหน้ามองไปรอบบริเวณที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ขึ้นอัดแน่นเต็มไปหมด “นี่ฉันกลับเข้ามาอยู่ในยุคประวัติศาสตร์ช่วงไหนก็ไม่รู้” หญิงสาวรำพึงรำพัน พลางจ้องใบหน้าแสนสวยผ่านทางกระจกสัมฤทธิ์ซึ่งเธอถือติดมือมาด้วย มือเรียวรีบยกกระจกขึ้นมาส่องให้เห็นใบหน้าชัดๆ อีกคราเมื่ออยู่นอกตัวบ้าน แสงสว่างในเวลากลางวันทำให้เห็นใบหน้าโฉมสะคราญล่มเมืองได้อย่างชัดเจนจนเธอถือกระจกค้างมองเงาที่สะท้อนออกมานั้นถึงกับตะลึงตะลานไปเลยทีเดียว “ว้าว! แม่เจ้าโว้ย! สวยเป๊ะโดนใจเป็นบ้าเล้ยยยย!” หญิงสาวกล่าวพร้อมหัวเราะชอบอกชอบใจเป็นการใหญ่ด้วยความรู้สึกดีใจเมื่ออยู่ในร่างใหม่ซึ่งเป็นของพี่สาวฝาแฝดในชาติอดีตของเธอ ครั้นสองมือเอื้อมลงไปจับหน้าอกพร้อมขยำไปมาเบาๆ ใบหน้าสวยปรากฏสายตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะกรีดร้องออกมาจนสุดเสียงพร้อมตะโกนก้องออกมาทันทีด้วยความดีใจ “ฉันมีนมแล้ว!!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม