หมอจำเป็น/4

2076 คำ
เสียงเพ้อเรียกชื่อเล่นของเธอดังออกมาจากปากของคนที่กำลังนอนหมดสติยู่ในขณะนี้ จางเพ่ยอันถึงกับยืนนิ่งงันไปชั่วขณะครั้นได้ยินชื่อของตัวเองอย่างชัดเจน หญิงสาวค่อยๆ โน้มกายก้มลงจนชิดใบหน้าหล่อเหลาของคนเจ็บจากยุคอดีต พร้อมเงี่ยหูฟังว่าจะได้ยินอะไรออกมาจากปากอีกหรือไม่ ก่อนจะยืดกายยืนตัวตรงเช่นเดิมครั้นไม่ได้ยินอะไรอีกเลย “แปลก! อีตาแม่ทัพรู้จักชื่อเล่นของเราได้ยังไง คงไม่ใช่กระมัง อาจจะเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่นที่อยู่โลกเดียวกันกับเขาและบังเอิญไอ้เราดันไปมีชื่อเหมือนกันเข้าให้ด้วยความบังเอิญเสียมากกว่า มันจะต้องเป็นอย่างที่คิดเอาไว้แน่ๆ” หญิงสาวยืนพึมพำ รีบสลัดความคิดอื่นๆ ที่คอยแทรกเข้ามาโดยตลอดพร้อมยกมีดผ่าตัดขึ้นมาจ้องเขม็ง มือเรียวเอื้อมไปหยิบแมสก์ปิดปากที่วางอยู่ใกล้เครื่องมือผ่าตัด พร้อมนำมาสวมปิดบังใบหน้า เตรียมพร้อมลงมือผ่าเอาลูกกระสุนออกเป็นครั้งแรกในชีวิต ใบมีดกดลงพร้อมกรีดปากแผลให้เปิดออกกว้างทันทีก่อนจะชำเลืองไปทางคนเจ็บว่ามีปฏิกิริยาตอบโต้หรือไม่ “หมดสติแบบนี้ก็ดีค่อยยังชั่วหน่อย หวังว่าจะช่วยชีวิตของคุณได้ทันนะท่านแม่ทัพ” หญิงสาวรำพึงออกมาภายใต้แมสก์ปิดบังใบหน้า ในขณะที่เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ โดยหามีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเกิดช่วงเวลาซ้อนทับระหว่างยุคอดีตและยุคอนาคตอยู่ในขณะนี้ ร่างสันทัดขององค์รักษ์คนสนิทกำลังเดินนำหน้าหมอรักษาจากเมืองผิงหยางก้าวเข้ามาภายในกระโจมที่ประทับของแม่ทัพใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกันที่จางเพ่ยอันสามารถผ่าเอาลูกกระสุนออกมาจากหน้าอกขององค์ชายจากยุคอดีตเข้าให้พอดี ลูกกระสุนถูกคีมเล็กๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ผ่าตัดนำออกจากร่างคนเจ็บได้เป็นผลสำเร็จ “ออกมาแล้ว!” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ พร้อมเสียงองครักษ์คนสนิทขององค์ชายอิ๋งหยางดังขึ้นอยู่ด้านหลังเมื่อก้าวเข้ามาภายในกระโจม “อะไรกันนี่!!!!” เสียงนั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตกใจมากมายเพียงใด ท่ามกลางความตกใจของจางเพ่ยอันที่กำลังยืนถือคีมซึ่งมีลูก กระสุนเพิ่งผ่าออกมา เธอหันกลับมามองร่างสันทัดขององครักษ์และหมอจากเมืองผิงหยางเข้าให้พอดี “แย่แล้ว! พวกเขาเห็นฉัน” หญิงสาวกล่าวออกมาทันใด ทว่ายังมิทันจะเอ่ยถ้อยเจรจา เสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกดังกระหึ่มขึ้นโดยพลัน “ทหาร! องค์ชายหายไป! รีบแยกย้ายออกค้นหาเร็วเข้า!!!” เสียงองครักษ์คนดังกล่าวตะโกนก้องเอ็ดอึง พร้อมรีบค้นหาไปทั่วกระโจมที่ประทับ “หายไปอย่างนั้นเหรอ ก็เขายังนอนอยู่ตรง... ตรงนี้... ไง” จางเพ่ยอันพูดได้เพียงแค่นั้น เธอรีบหันกลับไปมองร่างใหญ่ที่ยังนอนหมดสติอยู่บนเตียงด้วยความแปลกใจ พร้อมเสียงตะโกนสั่งการดังแทรกขึ้นมาทันที “องค์ชายทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดพระสติเช่นนั้น เหตุใดจึงหายไปจากที่ประทับทรงพระดำเนินออกไปจากกระโจมตั้งแต่เมื่อไรกันเล่า ทหารอารักขา!!!” เสียงตะโกนเรียกหาทหารอารักขาดังก้อง เพียงครู่ทหารอารักขาซึ่งเฝ้ารักษาการณ์อยู่ปากทางเข้ากระโจมที่ประทับทั้งสองนายรีบก้าวเข้ามาภายในอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินคำสั่ง “ขอรับท่านรองแม่ทัพ” ทหารทั้งสองนายขานรับทันที “พวกเจ้าทั้งสองคนยืนเฝ้ารักษาการณ์อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า เห็นองค์ชายออกมาจากกระโจมหรือไม่ แล้วเสด็จไปที่ใด ใยจึงไม่มารายงาน!” องครักษ์คนสนิทซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพตวาดเสียงดังขรม ท่ามกลางความแปลกใจของทหารอารักขาทั้งสองนาย “พวกข้าสองคนยืนเฝ้ารักษาการณ์อยู่ด้านนอกตลอดเวลาไม่ได้เดินออกจากหน้าประตูไปที่ใดเลยขอรับ องค์ชายมิได้เสด็จออกจากกระโจมแม้แต่เพียงครึ่งก้าว กระทั่งพระสุรเสียงพวกข้าทั้งสองก็มิได้ยินแม้เพียงสายลมพาดผ่านก็มิปรากฏแต่อย่างใด” ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นรองแม่ทัพคนสนิทซึ่งเป็นองครักษ์อารักขาขององค์ชายอิ๋งหยางในคราเดียวกัน หันกลับไปมองภายในกระโจมทันใด “อะไรนะ! ถ้าเช่นนั้นพระองค์ทรงหายไปได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆ จะทรงหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ รีบกระจายกำลังทหารค้นหาองค์ชายใหญ่เร็วเข้า!!!” เสียงสั่งการออกไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง ม้าเร็วจากเมืองหลวงวิ่งตรงดิ่งผ่านประตูทางเข้าของค่ายทหารมาอย่างรวดเร็ว พร้อมร่างของทหารสื่อสารกระโดดลงจากหลังม้า วิ่งตรงมาทางกระโจมที่ประทับขององค์ชายใหญ่แห่งแคว้นฉิน “รายงาน!!!!” เสียงตะโกนดังก้อง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารองแม่ทัพคนสนิทขององค์ชายใหญ่ “ท่านรองแม่ทัพ! มีข่าวด่วนจากทางราชสำนักต้องรายงานให้องค์ชายใหญ่ทรงทราบ” ทหารสื่อสารเอ่ยออกมา ในขณะที่อีกฝ่ายยืนนิ่งไปชั่วขณะครั้นได้ยินเช่นนั้น “องค์ชายใหญ่ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งตอนนี้มิรู้ว่าเสด็จออกจากกระโจมที่ประทับไปอยู่แห่งหนใดกำลังกระจายกำลังแยกย้ายตามหาพระองค์อยู่ แล้วนี่ฝ่าบาทส่งหมอหลวงจากราชสำนักมารักษาพระอาการบาดเจ็บใช่แล้วหรือไม่” เสียงนั้นเอ่ยถามเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ข้านำข่าวจากราชสำนักมารายงานให้องค์ชายใหญ่ทรงทราบ ฝ่าบาทเสด็จสวรรคตแล้วท่านรองแม่ทัพ” “อะไรนะ!” คำกล่าวที่เต็มไปด้วยความตกใจเอ่ยออกมาทันที “ฝ่าบาทสวรรคตด้วยสาเหตุใด!” รองแม่ทัพถามกลับไปโดยพลัน “ทันทีที่ฝ่าบาททรงล่วงรู้ว่าองค์ชายใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็หมดพระสติและสวรรคตลงทันที ทำให้ตอนนี้องค์รัชทายาทอิ๋งเหว่ย ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนและมีพระบัญชามิให้ส่งหมอหลวงจากราชสำนักมารักษาพระอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด ทรงมีรับสั่งว่าเหตุที่ฝ่าบาทสวรรคตเพราะองค์ชายใหญ่เป็นต้นเหตุ” รองแม่ทัพถึงกับยืนนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อทหารสื่อสารรายงานสถานการณ์ทางเมืองหลวง “องค์รัชทายาทพระทัยคับแคบเสียนี่กระไร ทุกวันนี้แคว้นฉินยิ่งใหญ่เหนือกว่าผู้ใดทั่วหล้า มิใช่เพราะองค์ชายใหญ่อย่างนั้นหรอกรึ!” องครักษ์คนสนิทซึ่งเป็นรองแม่ทัพในคราเดียวกันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ตอนนี้รีบแยกย้ายค้นหาองค์ชายก่อนเถอะ มิรู้ว่าทรงหายไปได้เยี่ยงไร เรื่องอื่นค่อยปรึกษากันที่หลัง ทหาร! กระจายกำลังค้นหาให้ทั่ว!!!” เสียงสั่งการดังเอ็ดอึงไปทั่วบริเวณ พร้อมม้าศึกนับหลายสิบตัววิ่งออกจากค่ายทหารแยกย้ายกันค้นหาแม่ทัพใหญ่ของแคว้นฉินกันอย่างอลหม่าน ท่ามกลางสายตาของจางเพ่ยอัน ซึ่งได้เห็นและได้ยินทุกถ้อยคำของผู้คนในยุคอดีตอย่างชัดเจน หญิงสาวก้มลงมองตัวเธอเองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพลางหันกลับไปมองลูกกระสุนที่เพิ่งผ่าออกถูกคีมผ่าตัดคีบอยู่ให้เห็นเต็มสองตา หญิงสาวมองไปทั่วบริเวณด้วยความแปลกใจอย่างยิ่งยวด “พวกเขาไม่เห็นฉันหรือนี่! ทั้งๆ ที่เรายืนฟังอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ขยับไปไหนเลย และพวกเขาก็ไม่เห็นท่านแม่ทัพด้วยทั้งๆ ที่ก็นอนอยู่ตรงหน้าแบบนี้เลยนะ... เฮ้ย! จะเป็นไปได้ยังไงกัน” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันกลับไปมองคนเจ็บที่นอนหมดสติไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น “นะ... นี่ท่านเป็นถึงองค์ชายใหญ่แห่งแคว้นฉินเลยเหรอท่านแม่ทัพ” หญิงสาวถามกลับไป “รัชทายาทอิ๋งเหว่ยอย่างนั้นเหรอ! เอ... ตรงกับเจ้าผู้ครองแคว้นสมัยไหนนะ... ทำไมฉันไม่เคยเห็นได้ยินหรืออ่านผ่านตาเลย ที่เคยอ่านมาจิ๋นซีฮ่องเต้ มาจากสกุลอิ๋ง เจ้าผู้ครองแคว้นล้วนแซ่อิ๋งทั้งสิ้น แต่ทำไมไม่เคยได้ยินชื่ออิ๋งเหว่ยเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นฉินเลยหว่า เหมือนจะคลับคล้ายว่าเคยอ่านเจอเป็นเพียงลูกของพระสนมที่ถูกสถาปนาขึ้นเป็นฮองเฮาไม่ใช่เหรอ แต่ถึงยังไงก็ไม่ใช่ลูกคนโตอยู่ดี” แม่สาวน้อยยืนพึมพำก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอยืนคีบลูกกระสุนปืนอยู่นานแล้ว “บ้าเอ๊ยอันอัน! มัวแต่ยืนคิดอะไรไปเรื่อยอีกแล้ว แผลยังไม่ทันได้เย็บเลยให้ตายสิ ยาแก้ปวดขวดไหน ยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ไข้อีก โอ๊ยสารพัดยา” หญิงสาวพูดไปค้นหาตัวยาเพื่อรักษาอาการขั้นตอนต่อไปอย่างไม่รอช้า ในขณะที่กำลังสาละวนกับการเย็บปิดปากแผลอยู่ในขณะนั้น เปลือกตาที่ปิดสนิทของคนเจ็บจากยุคอดีตค่อยๆ เคลื่อนไหวไปมา ขนตางอนยาวกระเพื่อมขึ้นลงพลางเปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ พระเนตรสีนิลกาฬเต็มไปด้วยความพร่ามัว ทอดพระเนตรได้เพียงเลือนราง องค์ชายอิ๋งหยางทอดพระเนตรสตรีร่างอรชร มีหน้ากากสีเขียวปิดใบหน้าช่วงล่าง เห็นเพียงช่วงบนของใบหน้า ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่ที่บาดแผลของพระองค์ตรงพระอุระ และเส้นไหมสำหรับเย็บบาดแผลที่สามารถละลายได้เองโดยไม่ต้องเสียเวลาตัดไหมแต่อย่าใด พระโอษฐ์ขยับขึ้นลงพยายามจะมีรับสั่งถาม “เจ้าเป็นหมออย่างนั้นรึแม่นาง” องค์ชายใหญ่ได้แต่คิดอยู่ภายในพระทัย หากแต่ในความเป็นจริงแล้วไซร้มิสามารถเอ่ยถ้อยเจรจาใดๆ ออกมาได้เลย ตัวยามากมายถูกส่งผ่านทางเส้นเลือด ขวดยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อถูกนำมาแขวนไว้บนราวอเนกประสงค์ ท่ามกลางสายระโยงระยาง หลังพระหัตถ์นอกจากจะถูกเข็มเจาะให้น้ำเกลือแล้ว ยังมียาแก้อักเสบแยกออกอีกหนึ่งสาย บริเวณข้อพับมีเข็มเจาะฝังลงไปเพื่อให้ตัวยาฆ่าเชื้อไหลเข้าสู่ร่างกายแทนการกินผ่านหลอดอาหารด้วยเพราะคนเจ็บอยู่ในอาการที่ไม่รู้สึกตัว พระเนตรสีนิลกาฬทอดพระเนตรแท่งสีเงินคล้ายเข็มมีสายน้ำพวยพุ่งออกมา ก่อนจะแทงเข้าไปที่ข้อพับอีกข้างของพระองค์เพื่อฉีดยาลดไข้และยาแก้ปวด เพื่อรักษาอาการอย่างเร่งด่วน บริเวณพระอุระบัดนี้ถูกปิดทับด้วยผ้าก๊อซสีขาวพร้อมแผ่นปลาสเตอร์ซึ่งด้านนอกเป็นกระดาษมีขนาดใหญ่สำหรับใช้ปิดแผลภายในโรงพยาบาล เพื่อปิดทับบาดแผลของพระองค์เพื่อมิให้ถูกน้ำ “เฮ้อ! เสร็จเสียที” เสียงหวานของสตรีดังแทรกขึ้น องค์ชายอิ๋งหยางทอดพระเนตรสตรีตรงพระพักตร์เพียงเลือนราง และสัมผัสได้ว่ามือเรียวสวยทาบทับลงบนหน้าผากของพระองค์เพื่อวัดระดับความร้อนของไข้ “ต้องคอยดูอาการกันวันต่อวัน หวังว่าจะดีขึ้นไม่มากก็น้อย แล้วถ้าหากไม่ดีขึ้นจะทำยังไงดีล่ะจางเพ่ยอัน ถ้าแม่ทัพผู้นี้เกิดตายเพราะฝีมือหมอจำเป็นของเธอละก็ จะบาปไหมเนี่ย” หญิงสาวยืนรำพึงรำพันโดยมิล่วงรู้ว่า ถ้อยเจรจาของเธอดังกล่าวองค์ชายหนุ่มทรงได้ยินจนหมดสิ้น ก่อนจะหมดสติไปอีกครา ในขณะที่หญิงสาวกำลังยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ เธอก้มลงมองตัวยาสำหรับใช้การรักษาพร้อมอุปกรณ์ทำแผลซึ่งในกระเป๋าปฐมพยาบาลเหลือเพียงน้อยนิด จางเพ่ยอันรีบหันกลับไปคว้าโทรศัพท์มือถือติดต่อเพื่อนสนิทซึ่งเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วยกัน และทันทีที่ปลายสายรับ “ขอโทษนะเสี่ยวหง! ที่โทรมาหากลางดึกแบบนี้ พอดีมีเรื่องจะรบกวนเธอหน่อย มาหาฉันหน่อยสิ” หญิงสาวกล่าวพร้อมเริ่มต้นสนทนาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทซึ่งมีอาชีพเป็นเภสัชกรในโรงพยาบาลใหญ่ของรัฐ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม