หมอจำเป็น/3

1402 คำ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถฉุกเฉินจากโรงพยาบาลพร้อมเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นบุรุษสองนาย เดินถือกระเป๋าซึ่งมีเครื่องมือปฐมพยาบาลอย่างครบครันมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางอันเป็นห้องพักของจางเพ่ยอัน ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของพนักงานซึ่งอยู่เวรกะกลางคืนของโฮมสเตย์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างระหงของจางเพ่ยอันซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกภายในห้อง รีบถลาไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณมากเลยค่ะที่รีบมา เข้ามาดูอาการคนเจ็บเถอะรู้สึกว่าจะไม่ค่อยดีแล้ว” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันหลังกลับก้าวเดินนำหน้าตรงไปที่เตียง โดยมีบุรุษพยาบาลทั้งสองนายก้าวตามหลังหญิงสาวเข้าไปอย่างไม่รอช้า ทันใดนั้นเอง ฟิ้ววว! จู่ๆ มีแรงมหาศาลผลักร่างของบุรุษพยาบาลทั้งสองนายจนกระเด็นกระดอนออกจากห้องพัก ลอยละลิ่วไปนอนแอ้งแม้งกองกันอยู่ตรงหน้าประตู ตุบ! บุรุษพยาบาลทั้งสองนายถึงกับนั่งจุกไปตามๆ กัน ท่ามกลางความแปลกใจของจางเพ่ยอัน “เอ้า! พวกคุณทำไมพากันไปนั่งทำอะไรอยู่ที่พื้นคะ คนเจ็บนอนรออยู่บนเตียง! เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดพลางชี้มือไปที่เตียงนอนของเธอ ในขณะที่บุรุษพยาบาลทั้งสองนายต่างพากันมองตามมือของหญิงสาวที่ชี้ไปบริเวณเตียงนอนภายในห้องพักซึ่งอ้างว่ามีคนเจ็บรอรับการรักษาอยู่ในขณะนี้ หากแต่ทั้งสองกลับมิเห็นผู้ใดนอนอยู่บนเตียงดังกล่าวแม้แต่น้อย มีเพียงหญิงสาวหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูยืนอยู่เพียงลำพังกลางห้องดังกล่าวเท่านั้น “โอ๊ย! คุณผู้หญิงคนเจ็บที่บอกไม่มีหรอกนะ! มีแต่ตัวคุณคนเดียวที่อยู่ภายในห้อง” บุรุษพยาบาลบอกกลับไป “อะไรนะ!” จางเพ่ยอันเอ่ยออกมาทันทีพร้อมหันกลับไปมองที่เตียงนอน บนเตียงในขณะนี้ยังคงมีร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่เช่นเดิม ก่อนจะได้ยินเสียงเอ็ดอึงดังก้องตามติดมาเต็มสองหู “ไปตามหมอหลวงกันถึงไหน! พระอาการขององค์ชายมิสู้ดีแล้ว! รีบแยกย้ายออกไป! รีบไป!” เสียงตะโกนสั่งการดังก้องท่ามกลางความโกลาหล พร้อมร่างสันทัดขององครักษ์คนสนิทขององค์ชายอิ๋งหยางเดินเข้ามาภายในกระโจม เหวออออ!!! เสียงตื่นตกใจดังขึ้นโดยพลัน เมื่อห้องพักในโฮมสเตย์เลือนหายไป กลับกลายเป็นกระโจมที่ประทับในค่ายทหารขององค์ชายหนุ่มเข้ามาแทนที่ สิ่งอำนวยความสะดวกในยุคอนาคตเปลี่ยนเป็นข้าวของเครื่องใช้ในยุคโบราณ จางเพ่ยอันถึงกับยืนตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นห้องพักของเธอแปรเปลี่ยนไปเพียงชั่วพริบตา หญิงสาวค่อยๆ หันกลับมาทางประตูห้องเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากบุรุษพยาบาลทั้งสอง ทว่ากลับมิเห็นผู้ใดอยู่ภายในบริเวณดังกล่าว มีเพียงเธอเท่านั้นที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง ดวงตาจับอยู่ที่ร่างใหญ่ซึ่งอยู่บนเตียงนอนของเธอเขม็ง เมื่อองครักษ์ที่คอยถวายงานอย่างใกล้ชิดเดินไปหยุดมององค์ชายของตน พลางยื่นมือหยิบผ้าขนหนูผืนหนาลายคิตตี้สีชมพูของหญิงสาวขึ้นมาจากหน้าผากขององค์ชายอิ๋งหยาง ด้วยความแปลกประหลาดใจกับลวดลายแมวที่ปักลงบนผืนผ้าดังกล่าว “เฮ้ย! เฮ้ย! ผ้าขนหนูลายคิตตี้ของฉัน” หญิงสาวกล่าวพึมพำ ในขณะที่อีกฝ่ายยืนเพ่งพิศพลิกผ้าขนหนูผืนน้อยไปมาด้วยความแปลกประหลาดใจอย่างยิ่งยวดด้วยมิเคยพานพบมาก่อน “ผ้านี่มาได้เยี่ยงไร ลวดลายแลดูประหลาดชอบกลนัก แต่จะว่าไปก็นุ่มเนียนมาเสียนี่กระไร” เสียงบ่นพึมพำก่อนจะนำลงไปชุบน้ำ บิดหมาดๆ นำมาวางไว้บนหน้าผากกว้างให้แก่องค์ชายของตนเช่นเดิม แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับหน้ากากสีเงินที่วางอยู่บนโต๊ะติดกับแท่นพระบรรทม “องค์ชายถอดหน้ากากออกจากพระพักตร์เองอย่างนั้นเหรอ ทรงกำชับว่ามิให้ผู้ใดถอดหน้ากากของพระองค์ออก แต่เหตุไฉนจึงเปลี่ยนพระทัย” เสียงนั่นพึมพำด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ ร่างสันทัดยืนอยู่เพียงครู่ก่อนจะก้าวเดินออกไปท่ามกลางสายตาของจางเพ่ยอัน ที่ยืนตัวลีบหลบมุมหลังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อเห็นภายในห้องพักของเธอ ถัดจากประตูระเบียงคือทางเข้ากระโจมซึ่งเห็นร่างทหารอารักขายืนรักษาการณ์ซ้ายขวา เปลวเพลิงจากคบไฟพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ภายในห้องพักค่อยๆ เปลี่ยนกลับคืนเป็นโลกแห่งอนาคตเช่นเดิม “ห้วงกาลเวลาซ้อนทับกันเหมือนที่นักวิทยาศาสตร์ชอบพูดถึงอย่างนั้นเหรอ นี่แสดงว่ามีแต่เราเท่านั้นที่เห็นเขา ส่วนคนอื่นไม่มีทางได้เห็นอย่างนั้นสิ” หญิงสาวเอ่ยพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับของตัวเอง ร่างอรชรหันกลับไปกลับมามิรู้จะทำยังไง ก่อนจะเหลือบไปเห็นกระเป๋าปฐมพยาบาลตกอยู่ภายในห้อง ความคิดบางอย่างเกิดขึ้นมาทันใด หญิงสาวรีบเดินไปปิดประตูพร้อมระบบอัตโนมัติเริ่มทำงาน แกร่ก! เสียงระบบนิรภัยทำการล็อกประตูห้องทันทีที่ประตูปิด จางเพ่ยอันคว้ากระเป๋าปฐมพยาบาลมาไว้ในมือ ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหาบุรุษจากยุคอดีตที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในขณะนี้ ดวงตาจ้องเขม็งที่ร่างใหญ่ไม่กะพริบ พลางวางกระเป๋าลงบนที่นอน พร้อมมองบาดแผลบนอกกว้างซึ่งภายในมีลูกกระสุนฝังแน่น “คนที่นี่ไม่มีใครเห็นคุณเลยนะท่านแม่ทัพ คงมีแต่ฉันแล้วละที่ต้องลงมือเอง” หญิงสาวกล่าวออกมาเบาๆ กระเป๋าปฐมพยาบาลถูกเปิดออกกว้าง พร้อมเครื่องมือทุกอย่างภายในนั้นนำออกมาวางไว้ข้างนอกทั้งหมด โชคดีที่ภายในกระเป๋ามีเครื่องมือผ่าตัดชุดเล็กอยู่ภายในนั้น รวมไปถึงถุงน้ำเกลือและขวดยาหลายขนาน ซึ่งหญิงสาวสามารถแยกแยะแต่ละประเภทออกได้ ด้วยเมื่อครั้งอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยพยาบาลคอยดูแลห้องพยาบาลในศูนย์และรักษาเด็กกำพร้าเบื้องต้น ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาลในรายที่มีอาการหนักเกินเยียวยา “ประสบการณ์ของการเป็นผู้ช่วยพยาบาลในศูนย์กำพร้า มีประโยชน์ช่วยชีวิตคนจริงจังก็คราวนี้แหละ” หญิงสาวกล่าวพร้อมใช้ยางรัดท่อนแขนใหญ่เพื่อหาเส้นเลือด ก่อนจะแทงเข็มลงไปเพื่อให้น้ำเกลือเข้าสู่ร่างกาย สายน้ำเกลือถูกยกขึ้นสูงก่อนจะแขวนถุงน้ำเกลือไว้กับราวแขวนอเนกประสงค์ ซึ่งใช้แขวนหมวก กระเป๋าเสื้อคลุมและจิปาถะ ถุงมือยางสำหรับใช้ในห้องผ่าตัดสวมลงบนมือทั้งสองข้าง พร้อมหยิบมีดผ่าตัดเล็กๆ สำหรับกรีดเปิดปากแผลออกมาจากแก้วที่มีแต่แอลกอฮอล์ล้างแผล ก่อนจะใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดใบมีด เตรียมผ่าตัดนำหัวกระสุนออกมาจากร่างใหญ่ตรงหน้า พู่ว!!! หญิงสาวเป่าลมออกจากปากก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก “เธอทำได้แน่นอนอันอัน เขาเคยช่วยชีวิตเราเพราะฉะนั้นเกิดมาเป็นคนต้องแทนคุณ เช่นนี้แล้วก็ไม่เสียชาติเกิด” แม่สาวน้อยกล่าวพร้อมมองมีดผ่าตัดที่อยู่ในมือของเธอเขม็ง ก่อนจะค่อยๆ หันกลับไปมองใบหน้าซีดเซียวของคนเจ็บที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ในขณะนั้น “อันอัน!” เสียงเพรียกหาชื่อสตรีดังลอดออกมาเบาๆ จางเพ่ยอันขมวดคิ้วเรียวสวยเข้าหากันก่อนจะยกนิ้วชี้ปั่นลงไปในหูของตัวเอง “หูฝาดไปหรือเปล่าเมื่อกี้เหมือนได้ยินเขาเรียกชื่อเรา” หญิงสาวบ่นพึมพำแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงลอดออกมาจากปากของคนที่กำลังนอนหมดสติอยู่ในขณะนี้ “อันอัน! อันอัน!!!” เสียงเพรียกหาเรียกชื่อเล่นของหญิงสาวเอ่ยขึ้นติดต่อกัน จนอีกฝ่ายได้ยินอย่างชัดเจน ฮือออ!!! จางเพ่ยอันส่งเสียงอุทานออกมาทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม