ตอนที่ 4
“พ่อบอกแล้วใช่ไหมกระถิน เราเป็นผู้หญิง ทำตัวให้สมกับเป็นกุลสตรีหน่อยสิ ไม่ใช่กะเปิ๊บกะป๊าบ กระโดกกระเดกอย่างกับม้าดีดกะโหลกอย่างนี้ ใครเห็นเข้า เขาไม่ได้ว่าเรานะ แต่ว่าไปถึงเมียสุดที่รักของพ่อโน่น อบรมดูแลลูกได้ไม่ดี”
เฮ้อ! เธอก็อยากจะมีนิสัยดีๆ อ่อนหวานและอยู่ในกรอบในระเบียบวินัยหรอกนะ แต่มันอึดอัด ทำอะไรไม่ถนัดนะสิ
ถ้าพ่อรู้ว่าเธอมาแอบฟังละก็... กันต์กนิษฐ์ถึงกับหายใจแรงๆ เบะหน้าด้วยเบื่อหน่ายสุดๆ คล้ายในหูได้ยินเสียงของบิดาดังก้องอยู่
“กระถิน! ทำอย่างนี้ได้ยังไงกันลูก” โตยธรถามเสียงเข้ม จนหนังตาคนได้ยินถึงกับกระตุก นิ่วหางตาอย่างอัตโนมัติ ยกนิ้วสอดเข้าไปในช่องหูแทบไม่ทัน ยังไม่ทันได้โต้แย้งเสียงห้าวก็ดังลอยละลิ่วมาแตะหลังหูอีกระลอก
“ต้องให้พ่อส่งเราไปอบรมมารยาทผู้ดีใหม่หรือเปล่าฮึ!”
เฮ้อ! กันต์กนิษฐ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เบะหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายสุดๆ สองมือยกขึ้นสอดเรียวนิ้วเกี่ยวกันวางด้านหลังศีรษะ ก่อนจะเงยขึ้นมองท้องฟ้าสีฟ้าครามและหมอกสีขาวเป็นรูปร่างต่างๆ แล้วแต่คนมองจะจินตนาการไป อย่างเช่นเธอมองเห็นเป็นปีกนกลอยไป ก่อนกลับกลายแปรเปลี่ยนเป็นหัวใจสองดวงทาบซ้อนกัน โดยมีลูกศรแห่งรักผูกเชื่อมโยงเอาไว้
พ่ออยากให้เธอมีนิสัยน่ารักๆ อ่อนหวานเรียบร้อยเหมือนกับแม่ แต่...ให้เป็นอย่างนั้นทั้งปีทั้งชาติชีวิตก็เฉาตายสิ แค่คิดว่าจะต้องทำตัวเป็นสาวเรียบร้อย นุ่มนิ่มราวกับผ้ามัดไว้ เธอก็รู้สึกคล้ายถูกเชือกรัดจนอึดอัดหายใจไม่ออก แล้วถ้าต้องไปเรียนจริงๆ ได้ไข้ขึ้นแน่นอน
“อุ้ย! แย่ล่ะ” กันต์กนิษฐ์ยกมือปิดปาก ทำตาโต เมื่อนึกได้ว่าวิ่งหนีบิดาด้วยเรื่องอะไร ช้าอยู่ไม่ได้แล้ว เกิดพ่อไม่สนใจหม่ำข้าวฟ่างอย่างเช่นทุกครั้ง ไปดักหน้าไล่โดโนแวนออกจากบ้านก่อนละก็...เธออดเจอชายหนุ่มนะสิ แค่นี้ก็คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว เจอหน้าเมื่อไหร่ จะโถมตัวเข้ากอด หอมแก้มทั้งซ้ายและขวาสักฟอดสองฟอด บอกให้เขารู้ถึงความคิดถึงซึ่งล้นเต็มอกอวบๆ ดูมๆ น่าจับจนเผลอตัวกอดหมับไม่ทันเชียวละ
กันต์กนิษฐ์ฮัมเพลงในลำคอด้วยอารมณ์อันดีสุดๆ ใบหน้านวลแดงระเรื่อเปื้อนยิ้ม นัยน์ตาพร่างพราวระยับ เมื่อคิดว่าในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้จะได้สวมกอดชายหนุ่มที่แสนห่วงหาและคิดถึง หญิงสาวรีบวิ่งไปที่เนินดินเตี้ยๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านขนาดเล็กกะทัดรัดอย่างเร็วไว
แม้เดินเส้นทางลัดดูว่าไม่ไกล แต่เธอก็ยังรู้สึกเหนื่อยจนเหงื่อชุ่มแผ่นหลัง แต่เพราะสองข้างทางที่เดินมามีหมู่มวลดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานล่อเหล่าแมลงปีกสวยที่มาดมดอมน้ำหวาน อีกทั้งดีใจว่ากำลังจะได้เจอหน้าโดโนแวนทำให้ลืมสิ้นความเหนื่อยไปเป็นปลิดทิ้ง
กันต์กนิษฐ์จรดเท้าบนบันไดขั้นสุดท้ายพอดีกับที่รถ MINI Clubman Bond Street สีเขียวขี้ม้า ตัวขอบประตูและขอบหลังคาเป็นสีบรอนซ์เลี้ยวโค้งตามเส้นทางไปหยุดจอดหน้าบ้าน
“คุณป๋าขา” กันต์กนิษฐ์ตะโกนเรียกเสียงใส “กระถินอยู่ตรงนี้ค่าคุณป๋า” หญิงสาวกระโดดพร้อมยกมือโบกสะบัดอย่างไม่สนใจว่าคนในรถจะเห็นหรือเปล่า ก่อนจะสาวเท้าวิ่งลิ่วไปอย่างรวดเร็ว ไม่หวาดหวั่นเนินดินและหลุมเล็กๆ ที่ขุดเอาไว้เพื่อไว้ลงดอกไม้สำหรับการทดลองชุดใหม่ แต่ต้องหยุดชะงักราวถูกใครดึงขาเอาไว้ เมื่อคนที่เปิดประตูฝั่งคนขับที่ก้าวลงมาไม่ใช่คนที่เธออยากเจอหน้ามากที่สุด
วินาทีแรกที่ได้เห็นคือความงุนงงคล้ายถูกทุบท้ายทอยพอให้มึนๆ ในหัว ก่อนพ่วงมาด้วยความโกรธ เมื่อคิดว่าคนที่ก้าวลงมา ถือวิสาสะเอารถคันโปรดของโดโนแวน ซึ่งเขาซื้อทิ้งไว้ใช้ยามเมื่อมาทำกิจธุระทุกอย่างที่เมืองไทยไปใช้โดยไม่ขออนุญาต จึงรีบก้าวเดินไปอย่างเร็วไวราวลมพายุก็ไม่ปาน โดยไม่หยุดคิดว่าถ้าไม่ได้รับอนุญาต แล้วหญิงคนขับจะเอากุญแจมาได้ยังไง!
“ไหวไหมคะคุณเคน” หญิงคนขับรถเอ่ยถาม พลางสอดแขนประคองโดโนแวนให้ก้าวลงมาจากรถอย่างทุลักทุเล ด้วยชายหนุ่มมีน้ำหนักและสัดส่วนความสูงเกือบจะสองเมตร อีกทั้งร่างกายหนาแกร่งด้วยลอนกล้ามเนื้ออย่างคนหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมออีก
“ไหวครับ ขอบคุณมากนะครับคุณบัว” โดโนแวนตอบ ขณะพยุงตัวเองลงจากรถโดยไม่ยอมทำตัวเองให้กลายเป็นภาระอีกฝ่ายมากนัก แต่เพราะขาข้างหนึ่งใส่เฝือกอ่อนเอาไว้และยังต้องมีไม้ค้ำพยุง ในขณะที่แขนอีกข้างก็เช่นกัน ใส่เฝือกและมีผ้าผูกคอรับน้ำหนักเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มเซถลาไปปะทะกับร่างสูงโปร่งโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เป็นเหตุให้สองคนล้มไปด้วยกัน
“ว้าย! ตายแล้ว!” กันต์กนิษฐ์เดินมาถึงพอดี นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง อ้าปากค้าง สองขาแข็งทื่อด้วยตกตะลึงที่เห็นโดโนแวนจูบผู้หญิงต่อหน้าต่อตา ใบหน้านวลผ่องแดงปลั่ง นัยน์ตากลมใสเป็นประกายแข็งกร้าวและดุร้าย ริ้วลมโทสะพุ่งลิ่วรอบกายราวกับยืนอยู่ท่ามกลางกองเพลิงซึ่งกำลังลุกไหม้
“ทำอะไรกันคะคุณป๋า!” หญิงสาวแผดเสียงถามดังลั่นจนเจ็บไปทั้งลำคอ เพราะโกรธและน้อยใจพ่วงด้วยเจ็บจี๊ดที่อัดแน่นอยู่ในอก ราวกับถูกไฟเผาไหม้ น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าอย่างไม่รู้ด้วยซ้ำ ฟันขาวขบกัดกลีบปากอิ่มนุ่มซึ่งสั่นระริกโดยไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เพราะภาพบาดตาบาดใจจนเลือดไหลซิบๆ กันต์กนิษฐ์รีบสาวเท้าไปคว้าแขนแข็งโดโนแวนให้ลุกขึ้นยืนโดยเร็วๆ จนไม่ทันสังเกตว่าชายหนุ่มบาดเจ็บ
“เบาๆ หน่อยกระถิน คุณป๋าเจ็บอยู่นะ” คนโดนกระชากประท้วงเสียงแผ่ว อย่างต้องการฉุดรั้งเพลิงโทสะจากคนตัวเล็กให้ลดน้อยถอยลง
เจ็บอยู่! กันต์กนิษฐ์ทวนตามคำพูดคนตัวใหญ่ รีบมองโดโนแวนให้ชัดๆ ก่อนหน้าซีดเซียวลง เมื่อได้เห็นภาพของชายหนุ่มคล้ายคนถูกสุนัขไล่ฟัดกัดจนยับเยินไปทั้งตัว
“อุ้ย!! ตายแล้ว กระถินขอโทษค่ะคุณป๋า” หญิงสาวขอโทษเสียงอ่อนเสียงใส ใบหน้าเบะแหยระคนยิ้มแห้งด้วยรู้สึกผิด ที่ปล่อยให้ความโกรธอยู่เหนือเหตุผล จนเผลอทำร้ายโดโนแวนไปโดยไม่ตั้งใจ ที่เสียงร้องของเขาทำให้เธออุทานด้วยความตกใจ
“คุณป๋า!” กันต์กนิษฐ์ยกมือปิดปาก เกิดอะไรขึ้นกันนี่ ทำไมคุณป๋าเคนของเธอถึงได้มีสภาพ...
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณป๋าถึงได้เป็นอย่างนี้ ใครทำคุณป๋าของกระถิน” กันต์กนิษฐ์โมโหจนควันออกหู ปรายสายตาเข้มดุเป็นประกายกราดเกรี้ยวไปให้หญิงอีกคนที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนปัดเศษดินเศษฝุ่นบนกาย
“ไม่มีอะไรหรอกกระถิน แค่บังเอิญว่าคุณป๋าเดินไปสะดุดตอมานิดหน่อย ว่าแต่เราเถอะไปทำอะไรมา ถึงได้มีสภาพดูไม่จืดอย่างนี้ฮึ!”
เพียงได้เห็นใบหน้ามันวาวด้วยหยาดเหงื่อและเปื้อนดินโคลนเป็นหย่อมๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิง กลีบปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อแย้มยิ้มหวานประจบประแจง มันเหมือนความเหนื่อยและเจ็บที่มีอยู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
แต่โดโนแวนก็ต้องซ่อนยิ้มเอาไว้ เพราะไม่อยากทำให้กันต์กนิษฐ์ได้ใจที่มาพร้อมกับความหงุดหงิด เพราะการแต่งกายของสาวเจ้าที่สวมใส่กางเกงขาสั้นอวดปลีน่องกลมกลึง รวมถึงผิวเนื้อนวลเนียนลออให้คนมอง ใบหน้าปากคอคิ้วคางประกอบรวมกันอย่างลงตัวน่ารักน่าใคร่ เป็นตัวเรียกให้คนคิดไม่ดีมาสนใจได้อย่างชะงัดนัก เห็นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
‘นี่พ่อแม่เขาอยู่ยังไงกัน ถึงได้ปล่อยให้ลูกสาวแสนสวยและน่ารักอย่างนี้วิ่งตะลอนไปทั่วไร่ ไม่กลัวถูกลากเข้ารกเข้าพงหรือไง เดี๋ยวเจอหน้าต้องต่อว่าไอ้เจ้าบ้าเมฆกับข้าวฟ่างเสียหน่อย มัวแต่หวานกันจนไม่ดูแลลูก’