ตอนที่ 7
“คุณปัทมพรคงรู้จักผมและครอบครัวจากเคนบ้างแล้ว แต่ก็ขอแนะนำเองดีกว่าครับ เรียกผมว่าเมฆก็ได้ ส่วนสาวสวยรวยรอยยิ้มคนนี้...” โตยธรดึงรั้งกายอรชรมานั่งแนบชิด สอดแขนแกร่งรัดระหว่างเอวคอดกิ่ว “ข้าวฟ่างภรรยาสุดที่รักของผมเองครับ และนั่น...”
บุ้ยใบ้ไปยังหนึ่งสาวที่ยืนทำหน้าง้ำ ปากกับจมูกแทบจะชิดติดกันอยู่ นัยน์ตาขุ่นขวางอยู่ตลอดเวลา “กระถินลูกสาวสุดรักของผมเองครับ”
“เรียกบัวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆ คนนะคะ” ปัทมพรเอื้อนเอ่ยเสียงหวาน กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มแย้มเยือนละมุนละไม “ได้ยินเคนพูดถึงเอ่ยชมคุณข้าวฟ่าง น่ารักอย่างนั้นน่ารักอย่างนี้”
“เจอตัวจริงผิดหวังมากใช่ไหมคะ” มนต์สิกานต์เอ่ยแทรก
“ผิดแล้วละค่ะ น่ารักมากต่างหาก ไม่ผิดคำพูดของคุณเคนเลย” เอ่ยชมอย่างจริงใจ พ่วงด้วยความอิจฉานิดๆ ด้วยมนต์สิกานต์แต่งงานมีลูกโตเป็นสาวแล้ว แต่เธอก็ฟังออกถึงความรักที่โดโนแวนมอบให้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง อยากมีผู้ชายมั่นคงในรักอย่างนี้อยู่ใกล้ตัวบ้าง
“คนเราเป็นยังไงกัน คนเขามีสามีนั่งหัวโด่อยู่ทนโท่ ยังมองตาหวานไม่กะพริบอีก อย่างนี้คงจะต้องเจอกับปืนลูกซองแฝดสักรอบสองรอบเสียแล้วซิ จะว่าไปวันก่อนไปยิงกระต่ายป่า แต่พลาดไปเสียไกลเลย ช่วงนี้ฝีมือตกอย่างหนัก คงจะต้องฝึกปรือฝีมือให้หนักแล้วล่ะ” โตยธรเอ่ยดวงตาแวววาว หนวดบนริมฝีปากกระดิก
ปัทมพรหัวเราะ ดูภายนอกสองหนุ่มจิกกัดแขวะกันด้วยคำพูด ทว่ากลับมีเยื่อใยของความรักระหว่างพี่น้อง แม้ไม่ได้เกิดจากบิดามารดาเดียวกัน แต่สายใยกลับเหนียวแน่นไม่เปลี่ยนแปลง
“หัวเราะอะไรหรือคะคุณบัว” มนต์สิกานต์เอ่ยถาม “หรือเคนไปเล่าเรื่องน่าอายอะไรของข้าวฟ่างให้ฟัง”
“ปะ...เปล่าหรอกค่ะ แค่อิจฉาที่คุณเคนกับคุณเมฆเขม่นกันบ้าง มีวีรกรรมเอาคืนกันเจ็บๆ แสบคันกันบ้าง แต่กลับรักกันเหมือนพี่น้อง เหมือนกับคนสายเลือดเดียวกันเลยค่ะ” ปัทมพรปรายสายตาไปมองกันต์กนิษฐ์ที่นั่งหน้าบึ้งตึง ส่งสายตาเขียวขุ่นโกรธเคืองมาให้เธอด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“เคนพูดถึงน้องกระถินว่าซนมาก ดื้อไปนิด รั้นไปหน่อย แต่ก็น่ารักจนบัวอยากเจอหน้ามานานแล้วละค่ะ” ทุกคำมาจากการคอยสังเกตพฤติกรรมของโดโนแวนทั้งสิ้น ทุกครั้งที่เขาเอ่ยถึงสองสาวต่างวัย นัยน์ตาจะเป็นประกายอย่างคนมีความสุขมาก กับกันต์กนิษฐ์ปากบอกว่ารำคาญปนระอา แต่กลับมีความรักใคร่ระคนเอ็นดูฉายชัดในดวงตาอย่างที่ปิดไว้ไม่มิด
กันต์กนิษฐ์เบะหน้า ฟันขาวขบกัดกลีบปากอิ่ม ทิ้งมือที่ยกขึ้นไหว้ปัทมพรอย่างแกนๆ ด้วยถูกสายตาของบิดาและใบหน้าเรียบจนเป็นเฉยชาคล้ายกำลังโกรธเคืองของโดโนแวนที่บังคับมากลายๆ
“คุณไม่รู้จักฉัน มาพูดแบบนี้ได้ยังไง พูดมากปากเสียนี่นา” ใบหน้าสวยหงิกงอง้ำหันไป ปรายสายตาน้อยอกน้อยใจไปมองโดโนแวน คงนินทาเรื่องของเธอกับผู้หญิงคนนี้ไว้มากสิ ยิ่งคิดในอกในใจกันต์กนิษฐ์ก็ร้อนผ่าวราวกับถูกไฟเผา
“กระถินริมรั้ว!”
“ใจเย็นๆ ค่ะพี่เมฆ” มนต์สิกานต์ยกมือตบบ่าสามีเบาๆ ปรายสายตาหวานเย็นเล็กน้อยไปมอง แค่นั้นกันต์กนิษฐ์ก็หุบปากเงียบแล้ว แต่ใบหน้าเหงาเศร้าหม่นมอง สายตาน้อยใจและเจ็บปวดยามที่ทอดมองโดโนแวนก็ทำเอาเธอปวดจี๊ดๆ ในใจ อยากช่วยให้ลูกสาวสมหวังในรัก ทว่าไม่มีใครบังคับให้รักได้
รัก...เป็นเรื่องของคนสองคน จากใจสองดวงที่ผูกรัดร้อยเกี่ยวกัน ครองคู่ด้วยความเข้าใจและห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน นั่นแหละถึงจะเป็นรักแท้ ที่กันต์กนิษฐ์ต้องอดทนและพิสูจน์ให้ชายหนุ่มเห็นถึงความจริงใจและมั่นคงในรักมิใช่แค่หวงคนใกล้ชิด
“เคนกับคุณบัวคงหิวกันแล้ว เดี๋ยวข้าวฟ่างพากระถินไปเอาอาหารมาที่นี่ดีกว่าค่ะ พี่เมฆอยู่ดูแลเคน ไม่ใช่ชวนทะเลาะนะคะ” มนต์สิกานต์เอ่ยเตือนเสียงหวานที่ไม่รู้ว่าสามีจะทำตามหรือเปล่า หรือยิ่งยั่วให้โมโหกันแน่
“ให้กระถินอยู่ดูแลคุณป๋าดีกว่า นะคะแม่” กันต์กนิษฐ์ออดอ้อนเสียงใส รีบจรดปลายเท้าไปหาโดโนแวน แต่กลับต้องหยุดชะงักด้วยใบหน้าหมองเศร้า เมื่อเจอเข้ากับสายตาดุๆ ของทั้งบิดาและโดโนแวนเองที่ไม่ปรารถนาจะอยู่ใกล้ชิดเธอ
“ไปกับแม่ดีกว่ากระถิน”
“แต่แม่ข้าว...” กันต์กนิษฐ์พยายามออดอ้อนขอร้องด้วยการส่งรอยยิ้มหวานปะเหลาะฉอเลาะ แต่ดวงหน้ากลับงอง้ำเมื่อถูกมารดาปรามด้วยสายตา
“ก็ได้” ถ้ากระทืบเท้าได้กันต์กนิษฐ์คงทำไปแล้ว แต่ที่ทำได้คือเดินตามแรงลากจูงของมารดา สลับเหลียวสายตามองโดโนแวนด้วยความน้อยใจ เพราะเขาไม่มองเธอ ในสายตาคู่นั้นไม่ว่ากี่ปีก็มีเพียงแค่มนต์สิกานต์ที่แต่งงานและมีความสุขอยู่กับครอบครัว ปักใจรักมั่นจนน่าอิจฉา
ช้ำชอกแสยงใจเป็นที่สุด อย่าคิดเรื่องไขว่คว้าดึงเอาหัวใจชายหนุ่มมาเกี่ยวร้อยพันหัวใจเธอเลย ยังไม่ทันเข้าใกล้ขอบหัวใจโดโนแวนด้วยซ้ำ ตอนนี้มีผู้หญิงคนอื่นมาลงสนามแย่งชิงอีก...
ไม่! กันต์กนิษฐ์ฮึดสู้ ไม่ลงสนามเลย แต่เธอกลับยกธงขาวแล้ว ไม่! เธอต้องไม่ยอมแพ้ ต้องช่วงชิงหัวใจโดโนแวนมาครอบครองให้จงได้!
ลับร่างเมียรักและลูกสาวโตยธรก็หันหน้ามาหาโดโนแวนทันควัน “มีเรื่องอะไรก็พูดมา”
“เรื่องนี้เป็นความลับ ไปในห้องทำงานดีกว่า” โดโนแวนผุดลุกขึ้นยืนด้วยอาการโขยกเขยก แต่เพียงแค่ลับเข้าไปในห้องทำงานที่ซ่อนอยู่ใต้ห้องทำงานปกติเท่านั้น ชายหนุ่มก็สะบัดทุกอย่างทิ้งไปไม่เหลือเค้าคนบาดเจ็บแม้แต่น้อยนิด พูดคุยเรื่องสำคัญกับโตยธรสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณป๋าทำอย่างนี้ได้ยังไงกันคะ” เพียงแค่เห็นคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ กันต์กนิษฐ์เอ่ยถามด้วยท่าทางปั้นปึ่ง ส่งค้อนชายหนุ่มด้วยสายตาออกเค้าแดงขวับๆ
“ทำอะไรกระถิน คุณป๋าไปทำอะไรหรือ” โดโนแวนแสร้งถามอย่างไม่รู้เรื่องราว ใบหน้าเป๋อเหลอ กลอกตาไปมา สู้อุตส่าห์หลบเลี่ยงหลีกหนีทุกทางแล้ว แต่สุดท้ายก็พลาดเผลอไม่ระวังตัว ถึงได้ถูกกันต์กนิษฐ์ที่แอบหลบพ่อกับแม่ตามมาดักคุยจนได้
“คุณป๋าพาผู้หญิงคนนั้นมา แล้วยัง...” กันต์กนิษฐ์พูดไม่ออก ได้แต่ตวัดค้อนปะหลับปะเหลือก มองโดโนแวนด้วยสายตาเจ็บช้ำ “คุณป๋าทำอย่างนี้ได้ยังไง เหยียบหัวใจกระถินมากรู้ไหม” หญิงสาวตัดพ้อต่อว่า นัยน์ตาฉ่ำน้ำ
“คงไม่รบกวนเกินไปนะเมฆ ถ้าจะขอให้คุณบัวพักที่บ้านด้วย”
กันต์กนิษฐ์ทิ้งช้อนในมือลงอย่างแรง ทนนั่งร่วมรับประทานอาหารด้วยก็อึดอัดใจพอแล้ว ถ้าจะต้องอยู่ร่วมบ้านด้วย...เธอคงอกแตกตายเป็นแน่แท้ กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันหันมองผู้เป็นบิดา พลางส่ายศีรษะห้ามปรามไม่ให้บิดาทำตามคำขอ ทว่า...
“ได้สิ ห้องหับที่บ้านมีตั้งหลายห้อง ให้คุณบัวอยู่สักห้องก็ไม่เป็นไร จะได้อยู่เป็นเพื่อนข้าวฟ่างด้วย นี่ก็ใกล้ถึงงานสงกรานต์แล้ว ปีนี้ทางอำเภอติดต่อมาว่าให้ไร่เราไปออกร้านจำหน่ายสินค้าในงานด้วย จะได้รบกวนขอให้คุณบัวออกความคิดเห็นบ้าง”
เธอแทบร้องกรีดตอนที่ได้ยินบิดาตอบตกลง ถ้าชักดิ้นชักงอได้อย่างตอนเป็นเด็กก็คงทำไปแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจ อีกทั้งรู้ที่บิดาทำลงไปนั้นเพราะต้องการผลักไสให้โดโนแวนถอยห่างไปจากแม่และตัวเธอ แต่คนอื่นใดไม่สำคัญเท่าคุณป๋าเคนตัวดี ที่รู้ว่าเธอรักเธอชอบ ยังพาผู้หญิงมาเหยียบย่ำหัวใจให้ช้ำชอกกลัดหนองอีก
“คุณบัวเป็นคนที่คุณป๋าสนใจนี่นา”
“รู้แล้ว! ไม่ต้องมาย้ำเลย” กันต์กนิษฐ์ตวาดแวดเสียงแหลมเล็ก จนคนฟังเบ้หน้า หลิ่วหางตาหนีเสียงที่เสียงแทงช่องหู