บทที่ 6 นิสัยไม่ดีย์

1352 คำ
บทที่ 6 พูดจบอาจารย์เจ้านางก็ผุดลุกขึ้นแล้วหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ ระยะห่างทำให้ฉันได้กลิ่นชาแนลจากเขา น้ำหอมว่าแพงแล้วพอได้กลิ่นมันจากอาจารย์เจ้านาง ทุกองค์ประกอบของเขามันทำให้แพงยิ่งขึ้นไปอีก ฉันไม่มีปัญญาซื้อใช้หรอกเพียงแต่เคยได้กลิ่นมันจากน้ำขิงเพื่อนร่วมคลาส จึงรู้ว่าเป็นน้ำหอมยี่ห้อนี้ “อะ อาจารย์ จะทำอะไรคะ O.O” ฉันกระตุกเมื่อเขายกขาฉันขึ้นเพื่อมองเล็บที่มีเลือดไหลซิบ ความเจ็บนั้นทำฉันใจเต้นไม่เป็นส่ำขนาดนี้เลยหรือ “ก็ทำแผล เหมือนที่เธอทำ” แปลกเหรอ? หน้าที่หมอไม่ใช่รึไง ยัยเด็กนี่เป็นประสาทรึเปล่า เห็นๆอยู่ว่าฉันกำลังหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ “ตาไม่บอดนิ!! มองไม่เห็นเหรอ?” “แต่นั่นเท้า....” อาจารย์ล้างน้ำเกลือก่อนคงเห็นว่ามันสกปรก เขาเป่าลมเพื่อให้ฉันรู้สึกเย็นเหรอ? เขามีโมเมนต์นี้ด้วย อายจังเลยเวลามีคนจับท่องล่างแสนต่ำเช่นนี้ ฉันกัดฟันแน่นเมื่อสำลีสีฟ้าบรรจงเช็ดรอบแผล แต่เอ๊ะ! มืออาจารย์เบามากเลย เบาจนไม่รับรู้ว่านี่คือการทำแผล พรสวรรค์ชัดๆ เขาเกิดมาพร้อมขนาดนี้คนอย่างฉันคิดอะไรอยู่ถึงไปสารภาพรัก แค่คิดก็บ้าแล้ว แต่ไม่บ้าเท่าพูดมันออกมาแล้ว เมื่อทำแผลเสร็จอาจารย์สาวก็ทิ้งบั้นท้ายลงเก้าอี้ตัวเดิม แววตาจ้องไปที่แพรพิณด้วยอาการกลั้นขำ ไอ้อาการตื่นกลัวจนปิดไม่มิดนั้นใครอ่านไม่ออกก็บ้าแล้ว แก้มแดงระเรื่อ ผิวดีจนน่าฉงนสงสัยไม่อยากเชื่อว่าเด็กคนนี้จะเติบโตมาจากสลัม ครืด...พรึบ! เจ้านางลากล้อเก้าอี้เข้าหาคนที่นั่งอยู่เหนือกว่า เป็นอะไรอีกละนั่นถึงทำหน้าเศร้า ดวงตาที่เคยสดใสหลุบตาต่ำ คนเจนโลกจดจ้องอยู่อย่างนั้น ด้วยความคิดหลากหลาย ยิ่งเพ่งพิศอาจารย์สาวก็เริ่มเหมือนเกิดจราจลขนาดย่อมในการขนถ่ายเลือดในหัวใจ ‘น่าสน’ “กลัวเหรอ?” เจ้านางเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ค่ะ?” แพรพิณกล่าวปฏิเสธทั้งที่ใจสั่น เมื่อมือเรียวยาวของอีกฝ่ายเริ่มพาดขาทั้งสองข้าง ขณะที่ประหม่าจนสุดใจขาดดิ้น อกข้างซ้ายเต้นเหมือนอยากระเบิดออกมาด้านนอกนั้น เธอขบคิดจนสมองตื้อ ถ้าอาจารย์ไม่รัก เธอก็ไม่อยากให้เขาเกลียด จริงๆนะ “O.O” ขณะที่คุณหมอฝึกหัดกำลังตั้งตนจะลุกหนีให้พ้นรัศมีการรุกรานจากอาจารย์สาว เธอก็ต้องตกตะลึงเมื่อจู่ๆ ก็โดนกักบริเวณให้มีพื้นที่ในการขยับร่างเพียงน้อยนิด “อาจารย์คะ ปล่อยหนู” ฉันถูกอาจารย์เจ้านางเขย่าขวัญด้วยท่าทีคุกคามขนานแท้ ลำตัวเขาที่หยัดยืนสูงกว่าฉัน เขาจะทำอะไรอีก ฉันท้วงได้ไม่ถึงนาที สองแขนเรียวประกอบไปด้วยมัดกล้ามก็กักเอวฉันไว้แน่น มือเขา... “ถ้าเธอเอาฟอร์เซปมาจิ้มหัวฉัน เธอตายแน่!” เจ้านางยกยิ้มมุมปากร้ายๆ ข่มขู่คนด้อยประสบการณ์ให้ขลาดกลัวยิ่งกว่าที่เป็น กล้ามเนื้อหัวใจของแพรพิณเต้นแรงมาก แรงพอให้ได้ยิน “ทำไมเธอถึงชอบฉัน?” รอยยิ้มไร้ความใจดีปรากฏขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่อยากรู้แต่อยากใช้คำพูดกดดันบางคนให้จิตตกเฉยๆ มีปัญหา! “จะไม่ชอบแล้วค่ะ” ฉันหลับตาปี๋จมูกอาจารย์อยู่ใกล้ลำคอฉันอีกแล้ว เขาขยับจมูกมาใกล้แล้วจงใจสูดดมคอฉันจนได้ยินเสียงฟอด “O_O” เขาจูบคอฉัน! คราวนี้ของจริงริมฝีปากนุ่ม กำลังประทับเชื่องช้าเพื่อการจดจำ “ถ้าเธอผลักฉัน เธอตายแน่!” ได้ทีก็ข่มขู่ใหญ่ เริ่มสนุกกับการได้แกล้งคน แพรพิณรึก็ช่างหลอกง่ายดายเหลือเกิน “ฮื่อ...อาจารย์คะ อาจารย์ต้องการอะไร?” เมื่อตั้งท่ายกมือประกบกันเพื่อไหว้ขอชีวิต กลับถูกอีกฝ่ายรวบให้อยู่กับที่ดังเดิม เมื่อเราสัมผัสกัน มือเขาที่เย็นจัดปะทะกับมือฉันที่ร้อนดังไฟลน ฉันไม่กล้าสู้หน้าเขาอีกแล้ว “ตอบฉัน!” “อื๊อ...อาจารย์ขา ไม่!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อเขาถามหาคำตอบแต่เรียวปากเขากลับเอี้ยวมาพ่นลมหายใจใส่หูฉัน และจากพ่นก็เปลี่ยนเป็นขบกัดแผ่วเบา ละเมียดละไมจน...เกิดความรู้สึกบางอย่าง “อาจารย์ ไม่ อื๊อ...” “ฉันรอฟังอยู่ รอฟังเธออยู่... ตอบมาว่าทำไม?” เสียงเรียกพร่าสั่นบ่งบอกอารมณ์ว่าช่วงนี้ไม่ชอบรอ โดยเฉพาะความยืดเยื้อที่ใช้ดึงเวลา วลีบ่ายเบี่ยงของนักศึกษาแพทย์เนื้อนุ่มทำเธอหงุดหงิดเบาๆ ขณะให้อีกฝ่ายหาคำตอบ ร่างสูงจึงไล่สายตาพินิจร่างเล็กอย่างหยาบโลน ผิวแพรพิณเรียบเนียนและลออมือมากทีเดียว ภายนอกยังขนาดนี้ แล้วที่ถูกปกปิดไว้ในเสื้อจะขนาดไหน ไม่คิดเปล่าอาจารย์สาวเล่นฝังจมูกลงแถบซอกคอขาวสะอาด ‘อ่า...หอมจัง’ ถ้าได้ชิมจะหวานเพียงใด คนเอาแต่ใจยังคิดไปเรื่อยและเตรียมลงมือ...ทว่า... “หนูชอบที่อาจารย์ใจดีค่ะ!” อะเด๊! เธอกำลังพูดอะไรออกมา เจอกันทีไรไม่เห็นเขาปฏิบัติตัวเยี่ยงสุภาพสตรีสักครั้ง ออกจะไปในทางป่าเถื่อนเสียมากกว่า “เธอกำลังพูดในสิ่งที่ฉันไม่มี! รู้ตัวไหม?” คราวนี้น้ำเสียงใกล้เข้ามาที่ริมฝีปากของแพรพิณ พูดอะไรไม่มีหลักฐานเอาเสียเลย รู้ทั้งรู้ว่าใจดีไม่มีอยู่ในแผนที่สมองฉันสักนิด ความคิดรวนขนาดนั้นเชียวกะอิแค่จูบคอเนี๊ยนะ จากปฏิกิริยาก็พอเดาได้ว่าบริสุทธิ์ แรร์ไอเทมหรอกหรือนี่! แต่เขาว่ากันว่าถ้ายังไม่พิสูจน์นั่นก็เป็นเพียงสมมุติฐาน ต้องทดลองก่อนค่อยการันตี แพรพิณจะซิงไหมนา...น่าลุ้น “อาจารย์คะ ไม่!” เม้มปากแน่น “เธอบอกเองนะว่า...ไม่ตรงนี้...” นิ้วเรียวแตะขอบริมฝีปากคนขัดขืน “...” อาจารย์เจ้านางลดตัวลงไปนั่งที่เดิม เขาดึงร่างฉันเข้าไปใกล้ โล่งอกไปทีทว่าจังหวะที่เธอเผลอโล่งอกเขาแทรกตัวเข้ามากลางหว่างขา เรานั่งในท่าที่หมิ่นเหม่จนฉันแทบหยุดหายใจ ฉันไม่เคยขี้กลัวขนาดนี้ จนมาเจอเขา คนอะไรใจร้ายไม่พอ พฤติกรรมยังทำให้ฉันรู้สึกอันตรายเข้าไปอีก “ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าคิดจะบอกรักต้องรับผิดชอบกับคำพูด” เงยหน้ามองเด็กน้อยไม่มีทางสู้ ‘เชื่อสิถ้าเธอใช้ความรุนแรงก็สู้ฉันไม่ได้อยู่ดี ใช่ฉันชอบใช้ความรุนแรง ยิ่งข่มเหงยิ่งดี!’ “หนูขอโทษ” “ทำไมต้องขอโทษ?” “หนูผิดเองที่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตอาจารย์ หนูบอกแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับอาจารย์อีก” “แล้วไง!” “ก็? อาจารย์จะทำอะไรคะ?” ครานี้หน้าตื่นกว่าเดิมเพราะกระโปรงทรงพลีทถูกถลกขึ้นจนเห็นกางเกงชั้นใน “ไม่นะ!” “อยู่นิ่งๆ” พอฉันกดเสียงต่ำลอดไรฟันนิดๆ แพรพิณถึงกับชะงัก ก็บอกอยู่ว่าความเหนือชั้นมันต่างกัน “ไหนบอกว่ารักนักรักหนาไง คนรักกันเขาก็ต้องทำแบบนี้แหละ” พอกระโปรงเปิด ผิวนวลในร่มผ้าเปิดเผยต่ออาจารย์สาว เจ้านางยกยิ้มอยู่ขณะหนึ่ง ลมหายใจที่ชืดเย็นกลับร้อนรุ่มทบทวี แพรพิณทั้งขาวและละเอียดอ่อน ช่วงขาที่พอดิบพอดีนุ่มลื่นราวไหมถักทอ แค่ลูบแผ่วๆ ขนคนถูกกระทำลุกชันจนต้องกลั้นหายใจ บอกรักถูกคนนะรู้ตัวรึเปล่า...เด็กน้อย.... “อะ อาจารย์” “เงียบได้แล้ว! ฉันไม่ชอบได้ยินเสียง..ห้าม!!! ตอนทำ!” ไม่อยากพูดมากเพราะรังแต่จะใช้คำฟุ่มเฟือย จัด!เลยดีกว่า...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม