Prologue | แพรพรรณ บุญฐจักษ์!
เวลา 20.49 น. ณ. ประเทศญี่ปุ่น
ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบเก่าๆ วิ่งไปตามเส้นทางอย่างไม่คิดชีวิต ห่างไปทางด้านหลังของเด็กหญิงตัวน้อยนั้น มีร่างสูงใหญ่ของชายชุดดำสองสามคนกำลังวิ่งตามหลังเธอมาเช่นกัน
แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังบ่อยนัก เพราะกลัวว่าความเร็วในการวิ่งของเธอจะลดลงตามลำดับ ที่เธอทำตอนนี้คือวิ่งไปในที่คนเยอะๆ หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจากใครสักคนที่พึ่งพาได้...แต่พอคิดๆแล้ว ความคิดแรกของเธอท่าจะเวิร์กและดีกว่ามาก สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้ก็คือวิ่งให้เร็ว และหายเข้าไปในฝูงชนก็แค่นั้น...
“อดทนอีกนิดนะแพรพรรณ อีกไม่นานเราก็จะรอดแล้ว” เสียงเล็กบอกกับตัวเอง ก่อนจะตั้งใจวิ่งต่อไป
‘แพรพรรณ’ คือชื่อจริงของเธอ และชื่อเต็มๆของเธอก็คือ ‘แพรพรรณ บุญฐจักษ์’ เธอมีชื่อเล่นว่า ‘แพร’ และตอนนี้เธอก็เป็นเพียงแค่ ‘เด็กหญิง แพรพรรณ บุญฐจักษ์’ วัยเก้าขวบเพียงเท่านั้น
เธอไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กๆหลายคนทั่วไป
แต่เธอต้องใช้ชีวิตอย่าง ‘นางทาส’ หลังครัวเรือนในบ้านหลังใหญ่ที่สวยงาม มองผิวเผินคนบ้านนั้นมองดูแล้วใจดี แต่เบื้องหลังผู้คนเหล่านั้นก็เหมือน ‘ปีศาจ’ ดีๆนี่เอง ไม่เว้นแม้แต่...พ่อแท้ของเด็กหญิงเอง
ถึงท่านจะไม่ได้โขกสับ ด่าทอเหมือนคนในบ้านหลังนั้น แต่ท่านก็มองดูเธอด้วยสายตาเย็นชาทุกครั้ง!
แพรพรรณไม่ใช่ลูกคุณหนู ลูกเมียหลวงที่ถูกเหล่าแม่เลี้ยง และลูกเลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้ง แต่เธอคือ ‘ลูกเมียน้อย’ ที่คนเป็นสามีไม่เหลียวแลต่างหาก และเด็กหญิงยังถูกเมียหลวงและลูกของเธอรังแก และกลั่นแกล้งอีกต่างหาก ข้อนี้เด็กหญิงรู้ตั้งแต่จำความได้ เธอถึงอยู่แบบไร้ตัวตน ยอมให้ผู้คนบ้านนั้นจิกหัวใช้มาตลอด แต่แล้วชีวิตของเธอก็มีจุดเปลี่ยนอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อเธอถูกจับตัวจากโจรผู้ร้ายกลุ่มหนึ่ง และเด็กหญิงได้มารู้ทีหลังว่าคนที่สั่งให้ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ก็คือ ‘คุณสร้อยงาม บรรพกาล’ หรือ ‘คุณนาย’ ที่เธอเรียกจนติดปาก เวลาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้นนั่นเอง
เอี้ยด! ปึก!
เสียงเบรกรถเสียงดัง พร้อมกับที่ตัวเด็กหญิงไปกระแทกกับยานพาหนะ แต่ก็ไม่ถึงกับแรงมากนัก แต่ก็ทำให้รู้สึกเจ็บได้อย่างรวดเร็ว ในตอนที่ร่างของเธอล้มลงพื้นดิน
“โอ๊ย!!”
เด็กหญิงแพรพรรณร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน เธอได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดภาษาที่เธอไม่เข้าใจ ดังอยู่บริเวณใกล้ๆกับที่เธอกำลังนอนอยู่ ถึงเด็กหญิงจะพยายามจะตั้งใจฟังมากเท่าไหร่ แต่หูเธอก็ไม่กระดิกกับภาษาที่เขาใช้สื่อสารเลยสักนิด และในเวลาเดียวกันนั้นขอบตาเธอก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา และเบลอไปหมด พร้อมกับสติของเธอกำลังจะหลุดไปด้วยเช่นกัน
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไปนั้น เธอกลับได้ยินเสียงทุ้มน่าฟังของผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่ตอนนี้เธอมองไม่เห็นแม้กระทั่งหน้าตาของเขาเลยด้วยซ้ำ เธอได้ยินเสียงเขามาจากในที่ไกลแสนไกล ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไปในเวลาต่อมา
“เรนพาเธอไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด”
ชายหนุ่มวัยรุ่นบอกกับลูกน้องคนสนิทของเขาเสียงทุ้ม หลังจากที่ลงมาดูเด็กผู้หญิงที่คนของเขาขับรถชนอย่างไม่ได้ตั้งใจ และน้ำเสียงที่เขาใช้สื่อกับลูกน้องนั้นมีแววตื่นตะหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนคนที่ฟังสิ่งที่ ‘นายน้อย’ ของเขาสั่งยังรู้สึกอดแปลกใจไม่ได้
เวลา 01.01 น.
“ปล่อยหนู! อย่าทำหนูเลย!”
ร่างเล็กในชุดผู้ป่วยสีขาว ส่งเสียงร้องละเมออกมา ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รองเท้ามันปราบของชายวัยรุ่นก้าวเข้ามาในห้องผู้ป่วยพอดี
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เมื่อได้ยินภาษาที่เด็กน้อยพูดออกมาเป็นภาษาไทย แทนที่จะเป็นภาษาเกาหลีอย่างที่เขาเข้าใจ เพราะหน้าตาของเด็กผู้หญิงคนนี้นั้นเหมือนกับเด็กเกาหลี มากกว่าเด็กไทยเสียอีก ถึงแม้จะไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นอย่างที่เขาใช้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า...เขาจะฟังสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนี้พูดไม่เข้าใจ
“...อย่าทำหนู ฮึ่ก หนูเจ็บ อย่าทำหนูเลย!” เด็กหญิงนอนกระสับกระส่ายไปมา ใบหน้าที่มองดูแล้วน่ารัก ราวกับตุ๊กตากระเบื้องแสนบอบบางนั้น ตอนนี้ชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“เธอคงจะกลัวมากใช่มั้ย...จะมีทางไหน ที่ฉันจะพอช่วยเธอได้บ้าง” เด็กหนุ่มบอกกับคนบนเตียง แต่มือเรียวสวยกลับสัมผัสศีรษะของเด็กหญิงอย่างแผ่วเบา...