ทุกคนต่างมาร่วมฟังการเปิดพินัยกรรมของ นายอัชชา วััฒนะเลิศ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ก่อนที่จะเขาจะรู้ตัวว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกไม่นานเขาก็ทำพินัยกรรมขึ้นมาเพื่อไม่ให้ทุกคนในครอบครัวมีปัญหากันเรื่องทรัพย์สมบัติที่มากมายของเขา และคนที่เขาจะลืมไม่ได้เลยอีกคนก็คืออัชวินทร์ ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาที่เกิดจากนิอรภรรยาที่เลิกกันไปเมื่อ 25 ปีก่อน และเธอก็พาลูกชายคนเล็กของเขาไปด้วย แล้วทิ้งให้อัยรินทร์ต้องอยู่กับเขาเพียง 2 คนพ่อลูกเท่านั้น
เขาจึงอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาได้กลับมาสืบทอดกิจการและได้รับทรัพย์สมบัติ ที่เขาควรจะต้องได้เพราะเขาเองก็เป็นสายเลือดอีกคนของตระกูลวัฒนะเลิศเหมือนกัน
"พินัยกรรมฉบับนี้ถูกทำขึ้นมาก่อนที่คุณอัชชาจะมีอาการล้มป่วยลง ท่านมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกอย่างในการคิดและพูด พร้อมทั้งได้มีการเซ็นต์ชื่อลงในพินัยกรรมฉบับนี้ที่ผมเป็นผู้ร่างขึ้นมากับมือตามคำบอกของคุณอัชชาทุกคำพูดครับ.."
ทนายเจมส์ได้อธิบายให้ทุกคนในบ้านฟังก่อนที่เขาจะอ่านพินัยกรรมให้ทุกคนฟัง
"รีบๆเปิดพินัยกรรมสักทีเถอะ.."
"ครับ.."
ทนายเจมส์รับคำจากคุณย่าของอัยรินทร์แล้วหันไปมองหน้าเธอแว๊บหนึ่ง แล้วส่งยิ้มเล็กน้อยให้กับเธอเพื่อให้กำลังใจ จนทำให้อัชวินทร์ที่มองเธออยู่เกิดความรู้สึกแปลกๆกับสายตาของทนายเจมส์ที่มองพี่สาวของเขาในตอนนี้
"ผมจะเริ่มอ่านแล้วนะครับ.."
"..."
"..."
ทุกคนยักหน้าพร้อมกันทนายเจมส์จึงก้มหน้าอ่านพินัยกรรมให้ทุกคนฟังจนจบ
"พินัยกรรมบ้าๆ..เขียนมาได้ยังไงตาอัชมันจะต้องไม่มีสติแน่ๆ..ฉันไม่ยอม.."
"คุณย่าพอเถอะค่ะ.."
อัยรินทร์รีบเข้าไปห้ามคุณย่าไว้ เพราะเธอโวยวายขึ้นมาเสียงดังหลังจากที่ทนายเจมส์ได้อ่านพินัยกรรมจบลง
"พินัยกรรมฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นมาในวันที่คุณอัชชามีสติครบถ้วนสมบูรณครับ ท่านเป็นคนพูดให้ผมร่างออกมาตามคำบอกทุกคำของท่าน.."
"ฉันไม่ยอม ฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด..ยัยอัยแกจะยอมหรือไงที่พ่อแกปล่อยให้ใครก็ไม่รู้ขึ้นมาบริหารงานแทน ทั้งที่ตำแหน่งนี้มันควรจะเป็นของแก ย่าไม่ยอมให้ใครมาชุบมือเปิบเอาตำแหน่งผู้บริหารไปจากแกได้หรอกนะ."
"ไม่มีใครแย่งตำแหน่งผู้บริหารไปจากคุณอัยนะครับ แต่คุุณท่านเขียนชัดแล้วว่าทั้งคุณอัยรินทร์และคุณอัชวินทร์ต้องเป็นผู้บริหารคู่กัน.."
"ไม่ยอม..ฉันไม่ยอม..ยัยอัยจะต้องได้บริหารงานของวัฒนะกรุ๊ปแต่เพียงผู้เดียว.."
"...."
อัชวินทร์นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดหรือจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี
คุณย่ามองหน้าอัชวนินทร์อย่างรู้สึกโกรธจัด เจาเงยหน้ามองท่านนิ่งๆอย่างนึกเกรงกลัว
"ถ้าฉันปล่อยให้แกขึ้นมาบริหารงานคู่กับหลานสาวฉัน แม่ของแกก็จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเงินของบริษัทวัฒนะกรุ๊ป แล้วก็ดูดเอาเงินของลูกชายฉันไปจนหมด ฉันไม่มีวันปล่อยให้แม่แกได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฉันง่ายๆหรอกนะ.."
"..."
อัชวินทร์เริ่มไม่พอใจที่คุณย่าพูดถึงแม่เขาแบบนี้
"กลับมาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย ต่อให้แกขึ้นมาบริหารงานคู่กับหลานสาวฉัน แกก็คงไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอก...อย่าหวังเลยว่าจะได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารของวัฒนะกรุ๊ป.."
"ผมก็ไม่ได้อยากได้ของของพวกคุณหรอกครับ ถ้าพ่อไม่ตามผมกลับมาผมก็คงไม่มา แล้วก็คงจะดีกว่านี้ ถ้าผมไม่ต้องมาเจอกับคุณย่าที่เป็นพวกคนแก่หวงสมบัติ เคยได้ยินแต่ปู่โสมเฝ้าทรัพย์เพิ่งจะได้เห็นย่าเฝ้าทรัพย์ก็วันนี้เอง..ทั้งที่มันไม่ใช่ของตัวเองแต่เป็นสมบัติของพ่อผมทั้งนั้น.."
"ไอ้..ไอ้.."
"คุณย่าพอเถอะค่ะ..พินัยกรรมออกมาแล้วนะคะคุณพ่อคงตัดสินใจดีแล้วถึงได้ทำแบบนี้ คุณย่าแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วละคะ พวกเราต้องยอมรับการตัดสินใจของคุณพ่อนะคะ.."
อัยรินทร์พูดกับคุณย่าของเธออย่างเด็ดขาด อัชวินทร์มองหน้าของเธออย่างรู้สึกอึ้งที่เธอไม่โกรธที่พ่อให้เขาขึ้นมาบริหารบริษัทคู่กับเธอ
"โอม..พินัยกรรมว่ายังไงบ้างลูก..?"
คุณย่าก็ยังโวยวายไม่เลิกจนอัยรินทร์ต้องคอยห้าม พร้อมทั้งทนายเจมส์ด้วยอีกคนที่ช่วยพูดให้เธอเย็นลง อัชวินทร์จึงลุกเดินหนีออกมาจนมาเห็แม่ของเขานั่งรออยู่
"พ่อเขายกอะไรให้กับเราบ้าง..?"
"..."
เขาหันมามองหน้าแม่ตัวเองนิ่งๆแล่วคิดถึงคำพูดของคุณย่าที่ด่าม่ให้เขาฟัง
"ฉันไม่มีวันยอมให้แม่แกได้ใจ คิดหวังจะดูดเอาเงินของลูกชายฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยให้แม่แกได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฉันง่ายๆหรอก.."
คำพูดของคุณย่ามันดังก้องอยู่ในหูเขาไม่จาง จนเขาต้องเดินหนีแม่ออกไป
"โอม..บอกแม่หน่อยสิว่าพ่อเขายกอะไรให้เราบ้าง..?"
เธอรีบวิ่งตามลูกชายออกไปด้วยความอยากรู้
"แม่อยากได้อะไรละครับ..?"
เขาหยุดชะงักเท้าแล้วหันหน้ามามองแม่ตัวเองอย่างรอฟังคำตอบ
"เอ่อ...แม่ไม่ได้อยากได้อะไร แต่แม่แค่อยากรู้ว่าพ่อเขายกอะไรให้กับโอมบ้าง..อยากรู้ว่าพ่อเขารักโอมจริงๆไหม..ถ้าเขาจะยกแค่ของชิ้นเล็กๆกับเงินทองแค่นิดหน่อยแม่จะได้รู้ไว้ว่าพ่อเขาไม่ได้รักโอมจริง.."
"..."
อัชวินทร์มองหน้าแม่ของเขานิ่งๆแล้วนึกถึงพินัยกรรมที่ทนายเจมส์เปิดอ่านให้พวกเขาฟัง
.....
พินัยกรรม
ผมอัชชา วัฒนะเลิศ เจ้าของบริษัทวัฒนะกรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์แต่เพียงผู้เดียว ขอยกให้ลูกสาวของผมนางสาวอัยรินทร์ วัฒนะเลิศ 50% และลูกชายนายอัชวินทร์ วัฒนะเลิศ อีก 50% และให้ทั้ง 2 คนได้ขึ้นมาบริหารงานในบริษัทวัฒนะกรุ๊ปคู่กันแทนผมโดยให้สิทธิ์อำนาจในการตัดสินใจทุกอย่างกับทั้ง 2 คนเท่าเทียมกัน รวมทั้งเงินสดในธนาคารที่มีจำนวนกว่า 5 หมื่นล้านบาท ให้ทั้ง 2 คนแบ่งครึ่งกันคนละ 2 หมื่น 5 พันล้านบาท แต่ในส่วนคอนโดใจกลางเมืองสุขุมวิทห้องขนาด 220 ตรม.ที่มีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ผมขอยกให้กับลูกชายของผมแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนคฤหาสน์ของตระกูลวัฒนะเลิศ และที่ดินที่สุขุมวิท 100 ไร่ ทองหล่อ 50 ไร่ บ้านพักที่เชียงใหม่พร้อมทั้งบ้านพักริมทะเลที่พัทยาอีก 1 หลัง ผมขอยกให้กับแม่ของผมนางสมรศรี วัฒนะเลิศ เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
และในส่วนที่ดินต่างจังหวัดทั้งหมดที่ผมไม่ได้กล่าวมาผมขอยกให้กับน้องสาวของผม นางอรอนงค์ ศิริวดีให้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว และเงินสดอีกจำนวน 1 พันล้านบาท
ผมขอยืนยันว่าพินัยกรรมฉบับนี้ถูกทำขึ้นมาในขณะที่ผมยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่าง และข้อความที่กล่าวมานี้เป็นความจริงทุกประการ
ลงชื่อ
นายอัชชา วัฒนะเลิศ
.....