ตอนที่ 3 ( รินลดา )
“ จุนแม่ขา น้าจอยขา น้อนรินคิดตึงจังเยยค่ะ” เด็กหญิงวิ่งออกมากอดมารดาตนเองและคุณน้ายังสาวอย่างคิดถึง เด็กหญิงนั่งเล่นกับครูบัวรออยู่ในห้องเรียน รินลดาอยากไปเล่นที่สนามเด็กเล่นแต่ครูบัวไม่อนุญาตเธอจึงนั่งต่อเลโก้ในห้องแทน
“ เป็นอย่างไรบ้างคะ เหนื่อยไหมคะวันนี้ ” โชติมนต์ถามลูกสาวตนเองเพราะดูจากสีหน้าที่ซีดเซียวของรินลดานั้น เมื่อเช้าเด็กหญิงยังดูมีเลือดฝาดอยู่บ้างแต่ตอนนี้ดูเซียวลงอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก โชติมนต์มองดูอย่างกังวล
“ เหน่ยนิกหน่อยค่ะจุนแม่ แต่ว่าน้อนรินโอเช วันนี้น้าจอยนอนกับน้อนรินไหมคะ” เด็กหญิงตัวน้อยหันไปออดอ้อนน้าสาวตนเองบ้างมีหรือคนอย่างจันทร์วาดจะทนไหว
“ นอนสิคะ คืนนี้น้าจอยจะนอนกอดน้องรินเอาไว้ทั้งคืนเลยนะคะดีไหม” จันทร์วาดย่อตัวไปอุ้มเด็กหญิงเอาไว้ เธอกอดหอมเด็กหญิงด้วยความรัก จะไม่ให้รักได้อย่างไรก็ในเมื่อเธอช่วยโชติมนต์และมารดาของเธอเลี้ยงรินลดามาตั้งแต่แรกเกิด หรือจะบอกว่าเธอช่วยดูแลตั้งแต่รินลดาอยู่ในท้องเลยก็ว่าได้ เพราะตอนที่โชติมนต์เอาแต่โศกเศร้า ก็ได้จันทร์วาดนี่แหละคอยดูแล หาข้าวหาน้ำให้กิน และยังพาไปหาหมอเกือบจะทุกครั้งอีกด้วย
“ เย้ ๆ เล่านิทานให้ฟังด้วยนะคะ” เด็กหญิงร้องขออย่างออดอ้อน เพราะเธอรู้ดีว่าคนที่ตามใจเธอยิ่งกว่ามารดาก็คือน้าจอยคนนี้นี่แหละ
“โอเค ไปค่ะเราไปรอคุณแม่บนรถดีกว่าเนอะให้คุณแม่คุยกับคุณครูบัวก่อน เสร็จแล้วคุณแม่ค่อยตามเราไปนะคะ” จันทร์วาดชวนหลานสาวออกไป เพราะดูแล้วครูบัวคงจะมีอะไรบางอย่างอยากจะพูดกับโชติมนต์อย่างแน่นอน
“ ก่าได้ค้า ไปกันค่ะน้าจอย” รินดาพยักหน้าให้จันทร์วาดอุ้มเธอออกไป
“ เดี๋ยวคุณแม่ตามไปนะคะ” โชติมนต์หันไปจูบลงบนหน้าผากของเด็กหญิง ก่อนที่สองน้าหลานจะพากันเดินออกไปรอที่รถปล่อยให้คุณแม่กับคุณครูได้คุยธุระกันตามลำพัง
“ วันนี้น้องหอบนะคะแล้วก็จะเหนื่อยมากกว่าทุกวัน คุณหมอนัดน้องวันไหนคะคุณแม่ ” ครูบัวหันไปโบกมือให้เด็กหญิงแล้วจึงหันมาคุยกับมารดาของเด็ก เมื่อได้ฟังโชติมนต์หน้าเสียไปทันที เธอสงสารลูกสาวเธอเป็นอย่างมาก
“ อาทิตย์หน้าค่ะแต่ถ้าพรุ่งนี้น้องไม่ไหวเนยให้น้องหยุดเลยนะคะ ”
“ ได้ค่ะ แต่คุณแม่ต้องทำงานนี่คะ พามาโรงเรียนก็ได้ค่ะเพราะยังไงบัวก็ดูแลให้เป็นพิเศษอยู่แล้ว คุณแม่ไม่ต้องกังวล ถ้ามีอะไรบัวจะรีบโทรบอกเลยค่ะ”
เพราะรู้ว่ามารดาของเด็กต้องทำงานและคุณยายของเด็กหญิงก็เสียไปแล้วจึงทำให้ไม่มีคนคอยดูแลเด็กหญิงในช่วงเย็น ครูบัวจึงอาสาช่วยดูแลเพราะเธอเองก็รักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ ขอบคุณนะคะ” โชติมนต์เอ่ยออกไปด้วยความจริงใจ ถ้าไม่ได้ครูบัวช่วยดูแลรินลดาในช่วงเย็นล่วงเลยเวลาไปแล้วแบบนี้ เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริง ๆโชติมนต์ยืนน้ำตาไหลออกมา จนครูบัวต้องเข้ามาปลอบใจ จันทร์วาดเองก็ออกมาจากในรถอย่างเป็นห่วงเธอเช่นกัน รินลดาช่างโชคร้าย เกิดมาอาภัพผู้เป็นบิดาไม่พอยังต้องมาป่วยด้วยโรคร้ายตั้งแต่เด็ก โชคดีอยู่บ้างที่ลูกเธอเป็นเด็กเลี้ยงง่ายไม่ดื้อไม่ซน ใคร ๆ เห็นก็พากันเอ็นดู
เมื่อบอกลาครูประจำชั้นของเด็กหญิงเสร็จ โชติมนต์ก็รีบเช็ดน้ำตาให้แห้งเพื่อไม่ให้ลูกสาวได้รับรู้ถึงอาการโศกเศร้าของเธอ หญิงสาวเดินขึ้นมาบนรถและขับรถออกไปทันที ใช้เวลาไม่นานเท่าไรทั้งสามคนก็กลับมาถึงบ้านหลังเล็กที่แสนจะอบอุ่นหลังนี้
“ เนย ครูว่าไง ” จันทร์วาดเดินเข้ามาหาโชติมนต์ข้างในครัว ในตอนที่เด็กหญิงกำลังทำการบ้านที่โซฟากลางบ้าน จริง ๆ จะรอให้เด็กหญิงหลับก่อนก็ได้แต่เพราะความใจร้อนของจันทร์วาดจึงทำให้เธอต้องรีบเข้ามาถามเพราะความเป็นห่วงหลานสาวตัวน้อย
“ ครูบอกว่าน้องรินหอบแล้วก็เหนื่อยง่าย จอย มันเป็นความผิดของฉันถ้าตอนท้องน้องรินฉันไม่เอาแต่ร้องไห้ ไม่เอาแต่เสียใจ ลูกก็คงจะไม่ต้องเป็นแบบนี้ ฮื้อ ๆ ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันกลัว ” โชติมนต์ยกฝ่ามือมาปิดหน้าแล้วร้องไห้อย่างพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ เพราะกลัวลูกสาวจะได้ยิน
“ เนย แกใจเย็น ๆ มันไม่ใช่ความผิดแก ใครจะรู้ว่าไอ้เลวนั้นมันจะไม่จะไม่รับผิดชอบแบบนี้ล่ะอย่าร้องเดี๋ยวน้องรินมาเห็น อาทิตย์หน้าเดี๋ยวแกไปถามหมอให้แน่ใจนะ หยุดร้องเร็ว ๆ น้องรินเดินมาแล้ว ”จันทร์วาดรีบยกมือขึ้นมาสะกิดเพื่อนของตนเองเพราะเด็กหญิงเดินเข้ามาข้างในครัวแล้ว
“ มาจำไยกันตรงนี้คะ น้อนรินทำการบ้านเจดแย้ว จุนแม่ย้องไห้จำไม ” เด็กหญิงที่เห็นมารดาตนเองตาแดง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“ น้าจอยน่ะสิคะแกล้งคุณแม่ เอาพริกหยวกให้คุณแม่ทาน น้องรินจัดการให้คุณแม่หน่อยสิคะ”โชติมนต์รีบหันเหความสนให้ลูกเธอหันไปสนใจเรื่องอื่นแทนเรื่องที่เธอกำลังร้องไห้
“ไม่จัดการค่ะ เพราะน้าจอยจำถูดแย้ว จุนแม่ต้องไม่เลือกทานนะคะ ผักมีประโยชน์ยู้ไหมคะ” นอกจากเด็กหญิงจะไม่จัดการน้าสาวตามที่คุณแม่ฟ้องแล้ว เด็กหญิงยังบอกกับมารดาตนเองให้เห็นถึงประโยชน์ของผักอีกด้วย
“ โอ๊ะ!! น้องรินดุคุณแม่เหรอคะ คุณแม่เสียใจ แง้ ”โชติมนต์ทำท่างอนอย่างไม่จริงจังนัก
“ โอ๋ ๆ ไม่ร้อนนะคะน้อนรินไม่ได้ดุค่ะ น้อนรินแค่อยากให้จุนแม่แข็งแรง ยู้ไหมคะ” เด็กหญิงโน้มตัวไปกอดมารดาตนเองอย่างออดอ้อน เรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่สองคนได้เป็นอย่างดี ถึงจะตัวแค่นี้แต่รู้เรื่องไม่ต่างจากเด็กโตเลยสักนิด