ตอนที่ 3 ผู้ชายน่ารัก (1)
หญิงต่างวัยสองคนที่กำลังนั่งประจันหน้าและสบตากันปริบๆ นั้น ต่างคนต่างมองเหมือนกำลังประเมินสถานการณ์ท่าทางของอีกฝ่าย โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงในหัวของแต่ละฝ่ายที่ดังตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง
โดยที่เจ้าของบ้านก็ได้แต่นึกว่า
หน้าตาท่าทางเอาเรื่องไม่เบานี่ คงจะดื้อมากเลยสินะ
หึ! คอยดูจะดัดสันดานให้เผ่นกลับกรุงเทพฯ ไม่ทันเชียว
สัมมาคารวะก็ไม่มี ไหว้ทีก็แข็งกระด้าง ไม่รู้จักก้มหัว ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่
ไม่ถูกชะตาจริงๆ
ฝ่ายผู้มาอาศัยเองก็ได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ
ไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่เห็นจะน่าอยู่สักนิด
บ้านป่าบ้านนอกแบบนี้ แล้วจะมีอินเทอร์เน็ตหรือเปล่าก็ไม่รู้
คุณพ่อคุณแม่ใจร้าย ทุกคนใจร้ายกับนุ่ม
ยายคนนี้ก็ท่าทางไม่เป็นมิตร เขาไม่ชอบเราแน่ๆ
ไม่ถูกชะตาเลยจริงๆ
ทั้งสองนั่งสบตากับปริบๆ ไม่นาน เสียงรถยนต์ของเจ้าของบ้านอีกคนก็ดังแว่วมา ก่อนจะหยุดและดับเครื่องยนต์ในที่สุด
สักพัก ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มหน้าตาท่าทางดีที่อาจจะไม่หล่อในแวบแรก แต่พอมองไปมองมาก็จะรู้ได้ว่ายิ่งมองยิ่งหล่อ อบอุ่น และไม่เบื่อ ก็ปรากฏตัวเดินเข้ามาในห้องรับแขก
ธารนทีชะงักปากที่กำลังจะอ้าทักทายมารดาดั่งเช่นปกติที่เคยทำประจำหลังเลิกงานกลับมาบ้าน เมื่อดวงตาคู่คมได้สบเข้ากับดวงตากลมโตสีดำขลับที่จ้องมองมาทางเขาด้วยแววตาซุกซน อยากรู้อยากเห็น และหวาดหวั่นนิดๆ
เขายิ้มบางๆ ให้เธอเล็กน้อย เดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นลูกสาวของคุณนนท์ที่จะมาอยู่ฝึกงานและปรับปรุงตัวที่นี่ แม้ยังไม่เอ่ยอะไรออกมาแต่ก็ส่งรอยยิ้มไปเป็นทัพหน้า หวังให้สาวน้อยหน้าใสที่มีความสวยเกินอายุได้ผ่อนคลายความเกร็งเครียด
แต่แล้วเขากลับต้องหน้าแตกหุบยิ้มลงฉับพลัน เมื่อคนที่เขาคิดอยากจะผูกมิตรไมตรีด้วย เบ้ปากใส่อย่างไม่สนใจจะรักษามารยาท แล้วก็หันหน้าหนีไปเสียเฉยๆ ราวกับเธอไม่ชอบขี้หน้าเขาซะอย่างนั้น
ธารนทีหน้าเหวอนิดๆ ก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติแล้วหันมายิ้มให้มารดา และเอ่ย
“กลับมาแล้วครับแม่”
“จ้ะ”
“แล้วนี่…” หันไปหาคนที่ยังไม่ยอมหันหน้ามามองเขาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
“นิรดา หนูนุ่ม”
คนที่ธารนทีไม่คิดว่าจะยอมพูดกลับเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเสียเอง แม้จะห้วนสั้นไม่น่ารัก แต่ชายหนุ่มก็ไม่ถือสา ด้วยคิดว่าเธอยังเด็ก คงต้องค่อยบอกค่อยสอนกันไป
“ยินดีต้อนรับนะครับหนูนุ่ม” เขาเอ่ยเสียงทุ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี รอดูท่าทีว่าเธอจะตอบอะไรมา ปรากฏว่าไม่มีแม้แต่การพยักหน้า ก็เลยพูดต่อ
“เดินทางเหนื่อยไหม นั่งรถมาไกลเลย”
“อืม” ห้วน สั้น และนั่นก็ไม่ถูกโฉลกผู้อาวุโสที่สุดของบ้านเป็นอย่างยิ่ง แต่ผู้เป็นชายหนึ่งเดียวก็ยังคงใจเย็น ธารนทีเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ใจเย็น สุขุม ยากที่จะโกรธอะไรใครง่ายๆ หมาแมวกัดกัน เขายังไปจับแยกแล้วทำให้มันรักกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กน้อยตัวกระเปี๊ยกที่ยังไม่โตเต็มวัย เรื่องแค่นี้เขาจัดการได้อยู่แล้ว
“แล้วกระเป๋าเดินทางของหนูล่ะครับ เอาไปไว้บนห้องหรือยัง” ถามเมื่อหันซ้ายมองขวาแล้วไม่เจอ
นิรดาไม่ตอบอะไร ได้แต่ขยับตัวและหันสายตาไปยังหลังโซฟาที่เธอวางกระเป๋าเป้สะพายหลังไว้ ก็เจ้าของบ้านยังไม่ได้บอกให้รู้ว่าต้องเอาไปเก็บที่ไหน เธอก็เลยยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ตอนที่พ่อกับแม่มาส่ง พ่อก็ขนมาวางให้ และมันก็อยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก
ธารนทีมองตามสายตากลมโตนั้นไป ก่อนจะเข้าใจได้เอง ตอนเดินเข้ามาครั้งแรกเขาไม่ทันได้สังเกตจึงไม่เห็น
หันไปมองทางมารดา อยากจะถามว่าทำไมน้องถึงไม่ได้เอาเสื้อผ้าไปเก็บ ท่านก็เบือนหน้าหนี ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอ่ย
“แม่ไปหลังบ้านก่อนนะ”
ว่าแค่นั้นก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งความหนักใจไว้ให้ธารนที ก็ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าผู้เป็นแม่ไม่ชอบใจสาวน้อยที่จะมาอยู่ร่วมชายคาบ้าน คนไม่ถูกชะตากันนี่อธิบายยากจริงๆ ทั้งที่ต่างคนต่างยังไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ทำท่าว่าจะเป็นศัตรูกันได้ เฮ้อ แล้วเขาจะเอาอยู่ไหมเนี่ย
คิดอย่างปลงๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจสาวน้อยหน้าใสที่ยังคงจ้องเขาตาแป๋ว เธอคงยังไม่ค่อยอยากไว้ใจคนแปลกหน้ามากกว่า เขาเชื่อว่าเนื้อแท้แล้วเธอไม่ได้ดื้ออะไรมากมายเท่าไหร่หรอก
“ไปข้างบนกัน เดี๋ยวพี่พาไปดูห้อง จะได้เอากระเป๋าไปเก็บ” ไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ ธารนทีเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางของสาวน้อยสะพายขึ้นที่ไหล่ข้างหนึ่ง เดินนำหน้าขึ้นบันไดไปชั้นสอง รับรู้ได้ว่าเธอกำลังเดินตามหลังมา แต่ก็รักษาระยะห่างอยู่พอสมควร
“นี่ห้องพี่นะ มีอะไรก็มาเรียกได้” เขาหันมาบอกยิ้มๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปทางฝั่งซ้าย เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสองแล้ว
นิรดามองตามไปยังทิศที่เขาบอก ก่อนจะหันกลับมาสบตากับดวงตาคู่คม แต่เธอก็ไม่หือไม่อืออะไรอยู่ดี