ดวงตากลมโตชำเลืองมองไปยังประตูที่จะเปิดไปสู่ห้องหอด้านนอก
ห้องหอที่ก็คือห้องนอนของเขา ที่บ้านของเขา นับต่อแต่นี้ไปหล่อนเป็นสะใภ้ของแม่เลี้ยงนวลฤดีซึ่งตั้งแต่จำความได้ พ่อก็บอกว่าทั้งพ่อและแม่ต่างเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเลี้ยงสินธุและแม่เลี้ยงนวลฤดี และหล่อนก็ไม่เคยเห็นช่วงเวลาแห่งความบาดหมาง ไม่มีเลยสักนิด
ขวัญตะวันพาตัวเองด่ำดิ่งไปสู่ความทรงจำที่งดงาม
เวลานั้นหล่อนอายุได้ 10 ปี ส่วนเหนือสมุทรน่าจะอายุราว 15 ปี
พ่อกับแม่พาหล่อนไปปิกนิกที่บ้านของพ่อเลี้ยงสินธุและแม่เลี้ยงนวลฤดี ที่หล่อนเรียกว่า ‘น้าสิน’ กับ ‘น้านวล’
ที่บ้านของน้าสินกับน้านวลมีบึงบัวกว้างใหญ่ สถานที่ที่หล่อนชอบมากเป็นพิเศษ เพราะน้าสินนำเรือพลาสติกลำเล็กมาผูกไว้ที่ปลายสะพาน น้าสินบอกว่าน้านวลชอบพายเรือเก็บดอกบัวก็เลยต้องมีเรือไว้ให้ เวลามาเที่ยวบ้านน้าสินกับน้านวล พ่อกับแม่ก็มักจะพาหล่อนพายเรือเก็บฝักบัวดอกบัวแทบจะทุกครั้ง
แต่ระหว่างที่ผู้ใหญ่กำลังยุ่งกับการเตรียมอาหาร หล่อนซึ่งเป็นเด็กหญิงวัย 10 ปี ยังไม่ได้เรียนรู้ถึงอันตราย และจะให้รอจนกว่าพ่อแม่จะว่าง หล่อนก็กลัวว่าจะไม่ได้เล่นเสียก่อน เพราะคราวก่อนที่มา กว่าจะกินข้าวกันเสร็จก็ค่ำ หล่อนเลยอดพายเรือ
นั่นล่ะความซนของหล่อนจึงเผยออกมาอย่างไม่มีใครรู้ มีแค่หล่อนที่รู้คนเดียวว่าหล่อนทำอะไรได้บ้าง หล่อนทำอะไรได้หลายๆ อย่างเหมือนเด็กคนอื่น เล่นได้เหมือนที่เด็กคนอื่นเล่นกัน แบบที่พ่อแม่ไม่ต้องประคบประหงมดูแลเป็นพิเศษ เพราะถึงหล่อนจะตัวเล็ก แต่หล่อนแข็งแรง
แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาลงเรือ เสียงตวาดดังลั่นของใครบางคนก็ทำให้หล่อนชะงัก
‘จะไปไหนขวัญ!’
เหนือสมุทรนั่นเองที่ตวาดหล่อนเสียงดังลั่น เวลานั้นเขาก็เป็นหนุ่มหล่อประจำโรงเรียน เรียกว่าหล่อมาตั้งแต่เด็กจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ว่าได้ แต่ตอนนั้นกับตอนนี้ ตอนนี้หล่อกว่านะ เพราะมันรวมความเถื่อนๆ ความเซอร์กระชากใจไปด้วย แค่คิดก็แก้มร้อน
‘ขวัญอยากได้ฝักบัวค่ะพี่เหนือง’
‘แล้วทำไมไม่รอให้พ่อแม่มาเก็บให้ หรือไม่ก็ไปบอกพี่ตะวันสิ ให้พี่ตะวันมาเก็บก็ได้’
ตอนนั้นเขายังเรียกพี่ชายหล่อนว่า ‘พี่ตะวัน’ แต่ตอนนี้ได้ยินแต่ ‘ไอ้ตะวัน’ พร้อมมึงกูมาเต็มคันรถ
‘พี่ตะวันไปซัมเมอร์แล้วค่ะ พ่อกับแม่ก็ช่วยคุณน้าทำอาหารอยู่’
‘แล้วเราก็เลยจะลงเรือคนเดียวเหรอ’
‘ใช่ค่ะ ขวัญพายเป็น น้านวลสอนขวัญแล้ว’
‘พายเรือเป็น แล้วว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า’
‘พายเรือเป็น แล้วต้องว่ายน้ำเป็นด้วยเหรอคะ ขวัญไม่ได้ลงน้ำสักหน่อย’
‘แล้วถ้าตกน้ำล่ะ จะทำยังไง’
‘ขวัญก็แค่อยู่บนเรือสิคะ จะตกน้ำได้ยังไง แล้วเนี่ย ขวัญก็จะลงเรือแบบนี้ เกาะเสาไว้แบบนี้ แล้วก็พายไปแบบนี้แบบนี้’
เด็กหญิงขวัญตะวันกระชับไม้พายในมือ แล้วทำท่าทำทางลงเรือพายเรือให้เขาเห็น แต่เจ้าของบ้านที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่บนหัวสะพานก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เข้าใจเรื่องที่หล่อนพูดเลย เขาทำหน้ายักษ์ใส่ เหมือนหล่อนเป็นหัวขโมย หรือที่จริงเขาหวงเรือ หวงดอกบัว หวงฝักบัว
‘แล้วพี่เหนือจะทำหน้ายักษ์ใส่ขวัญทำไมคะ ขวัญก็แค่จะพายเรือของคุณน้าไปเก็บฝักบัว ไม่ได้จะขโมยเรือกลับบ้านสักหน่อย เพราะบ้านขวัญไม่มีบึงบัวแบบนี้ค่ะ มีแต่ถนนให้รถวิ่ง ไม่รู้จะเอาเรือไปพายกับอะไรด้วย หรือว่าพี่เหนือหวงฝักบัวคะ หรือหวงดอกบัว งั้นขวัญซื้อก็ได้ค่ะ ฝักละกี่บาท ดอกละกี่บาท เดี๋ยวขวัญจะให้พ่อจ่ายตังค์ให้’
‘เธอนี่มัน... ยายเด็กดื้อ! พูดมาก!’
เวลานั้นหล่อนรู้สึกว่าโกรธเขามากเลยเพราะเหนือสมุทรช่างไม่มีเหตุผล ถ้าหวงฝักบัวหวงดอกบัวก็คิดเงินมาก็ได้ หล่อนก็จะซื้อ แต่เขากลับต่อว่าหล่อน ทว่าประโยคต่อมาของเขากลับทำให้หล่อนน้ำตาร่วง
‘เคยเห็นหมาตกน้ำตายไหม’
‘ไม่เคยค่ะ เคยเห็นแต่ปลาตาย’
‘เออ นั่นแหละ ปลาตายลอยอืดตาถลนออกมาเลยใช่ไหม’
หล่อนนึกตามภาพที่เขาบอก เป็นแบบนั้นจริงๆ และกลิ่นก็เหม็นมากด้วย
‘เหม็นมากด้วยค่ะ’
‘นั่นล่ะ เธอรู้ไหมว่าน้ำในบึงเนี่ยมันลึกแค่ไหน ถ้าเธอตกลงไปแล้วไม่มีใครเห็น สรุป ตายสถานเดียวเลยนะ แล้วกว่าจะมีใครมาเห็นศพเธอ เธอก็คงจะอืดอยู่ใต้ใบบัว หน้าบวมเจ่อ ลิ้นจุกปาก ตาถลน แล้วคนที่ตามมาเจอศพเธอ ก็เพราะเธอส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วไง’
เด็กหญิงขวัญตะวันคิดตามสิ่งที่เขาพูด หล่อนเห็นภาพตัวเองจมน้ำแล้วนอนตายอืดอยู่ใต้ใบบัวจริงๆ แค่นั้นอาหารว่างที่เพิ่งกินไปได้ชั่วครู่ก็ขย้อนออกมา ก่อนที่หล่อนจะได้ยินเสียงตึกตักดังมาใกล้ และเป็นเหนือสมุทรที่กระโดดลงมาที่สะพาน แต่ช่องท้องหล่อนยังปั่นป่วนจนต้องปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
รู้ตัวอีกทีก็ตอนมีน้ำเย็นๆ มาแตะใบหน้า และที่เห็นก็คือเหนือสมุทรวักน้ำมาล้างหน้าล้างปากที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษอาหาร แต่มันยังไม่สะอาด จนเขาต้องถอดเสื้อยืดที่ใส่ไปชุบน้ำแล้วเอามาเช็ดหน้าเช็ดปากให้หล่อนอีกครั้ง