ตอนที่ 7
ปัณฑารีย์ยิ้ม วันเวลาแห่งความทรมานของเธอก็กำลังจะหมดสิ้นไปแล้วหนึ่งวัน แต่เธอก็ไม่รู้หรอกนะว่าวันเวลาเหล่านี้จะอยู่อีกนานเท่าไหร่ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับฮัมดีน เมื่อความอบอุ่นหายไป มีเสียงดุและแข็งกร้าวดังมาแทน
“จะมัวนั่งยิ้มกินลมชมวิวไปถึงไหนปั้นหยา ลงมาได้แล้วคนอื่นเขาจะได้ทำงานต่อ ไม่ใช่ต้องมาคอยดูแลเธอคนเดียว”
ปัณฑารีย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาละจากความสวยงามของท้องทะเลทรายเบื้องหน้าพร้อมกับส่ายศีรษะให้กับความปากร้ายของชายหนุ่มตรงหน้า
ปัณฑารีย์มองมือใหญ่ที่ยื่นมาหา เธอปัดมันทิ้งและพยายามลงจากหลังอูฐด้วยตัวเอง ถึงจะลำบากและทุลักทุเล แต่เธอคิดว่าดีกว่าที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้ชายปากร้ายใจดำที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เขาบอกว่าทะเลทราย มีทั้งความโหดร้ายและสวยงามอยู่ในตัวของมัน แต่ไม่ใช่ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เพราะเขาเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนและโหดร้ายเพียงอย่างเดียว กี่ครั้งกี่คราวแล้วที่เขาทำร้ายเธอเพราะโทสะ โยนเรื่องเลวร้ายทุกอย่างมาที่เธอ ทั้งที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสักนิด
ฮัมดีนมองร่างเล็กที่พยายามลงจากหลังอูฐ แล้วก็ให้ชมในความเข้มแข็งและกล้าหาญของเธอ “เก่งนี่ปั้นหยา ฉันหวังว่าเธอจะเก่งแบบนี้ตลอดไปน่ะ”
“ค่ะ ต่อไปนี้ปั้นหยาจะไม่อ่อนแอ ไม่ยอมให้คุณฮัมดีนดูถูกและรังแกได้ตามใจชอบอีกแล้ว” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่กลัวคอจะหัก
“ทำให้ได้อย่างปากพูดละกันน่ะปั้นหยา ฉันจะคอยดู”
เพราะตอนนี้ทุกคนต่างช่วยกันคนไม้คนละมือในการจัดทำที่หลับที่นอน ฮัมดีนจึงถือโอกาสลงโทษปัณฑารีย์ที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขา อีกทั้งยังต้องการที่ระบายความต้องการอันปวดร้าวที่หญิงสาวเป็นคนก่อขึ้น
เขาคว้าแขนเรียวยาว ลากปัณฑารีย์ออกห่างจากผู้คน ไปหลบอยู่หลังต้นไม้ ที่ยังพอมีความเขียวชอุ่มหลงเหลืออยู่
“ปล่อยปั้นหยาน่ะคุณฮัมดีน คุณจะพาปั้นหยาไปไหน ปล่อยน่ะคนบ้า คนเฮงซวย” เธอทั้งทุบตีและพยายามปลดมือใหญ่ออกจากแขน แต่กลับถูกฮัมดีนกระชากเข้าหากายแกร่ง
“ปล่อยนะคุณฮัมดีน”
แต่ฮัมดีนกลับดึงเสื้อผ้าที่เป็นสิ่งกีดขวางไม่ให้เขาได้สัมผัสกับผิวกายเนียนนุ่มออก ใบหน้าคมฉกลงบนเรียวปากนุ่มอย่างอย่างแรง วันนี้ทั้งวันในสมองเขาคิดถึงแต่สิ่งที่ได้เห็นจากกายบาง สัมผัสหวานละมุนและผิวเนื้อนวลเนียนของคนที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขา
ปัณฑารีย์ไม่ทันได้ตั้งตัว เธอตกตะลึงปากอ้าค้าง เลยเป็นโอกาสของฮัมดีนที่ส่งลิ้นสากร้อนล่วงล้ำเข้าไปชิมรสหวานหอมภายในอย่างเต็มที่ เขาดันร่างบางเข้าไปแนบชิดกับไม้ต้น กักหญิงสาวไว้ด้วยกายที่ใหญ่กว่า
มือหนาฟอนเฟ้นปทุมถันอวบอิ่มเต็มแรง แม้จะมีผ้าเนื้อหนาขวางกั้นอยู่ แต่ก็ป้องกันความร้อนและความกระหายจากกายแกร่งที่ส่งผ่านไปไม่ได้
ลิ้นสากร้อนสัมผัสไรฟัน กระพุ้งแก้มและเกี่ยวเข้ากับลิ้นเล็กที่พยายามผลักไสสิ่งแปลกปลอมออกไป
ลมหายใจปัณฑารีย์อ่อนแรง เกือบจะเหมือนคนจมน้ำเข้าไปทุกที ร่างกายอ่อนแรงและเสียวซ่านไปทั่วทุกรูขุมขน เธอยกแขนโอบรอบลำคอแกร่ง จูบตอบฮัมดีนไปอย่างไม่รู้ตัว
ร่างบอบบางเอนตัวเข้าหาร่างใหญ่อย่างฝากเนื้อฝากตัว มือเล็กสอดไซ้เข้าไปลูบไล้แผงอกกว้าง สัมผัสกับไรขนเส้นเล็กที่ขึ้นประปรายยิ่งทำให้เธอเสียวซ่านรัญจวนใจจนตัวอ่อนระทวย
ฮัมดีนหัวหมุนกับการตอบรับอย่างไม่ประสีประสาของปัณฑารีย์ เขากอดรัดร่างบางแนบอกมากยิ่งขึ้น พลางดื่มด่ำดูดกลืนความหอมหวานอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะยอมถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย
นิ้วยาวลากไล้ไปตามริมฝีปากอวบอิ่มบวมแดงเพราะแรงกดคลึง ขณะสบกับดวงตากลมโตที่มองมาอย่างมึนงงและหวานเชื่อม เขาซ่อนยิ้มในใบหน้าขณะโน้มลงไปแนบจูบบนดวงตากลมโต ไล่ลงมาตามจมูกโด่งและหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง
แขนแกร่งรัดร่างบอบบางเข้ามาแนบอก กดปากขบเม้มกดคลึงริมฝีปากอวบอิ่ม ลากลิ้นไล้ไปบนเรียวปากนุ่ม ซอกซอนกวัดเกี่ยวกับปลายลิ้นเล็กอย่างเชื่องช้า
“หวานมากเลย...ปั้นหยา” ฮัมดีนร้องครางอย่างพึงพอใจกับการตอบสนองอย่างไม่มีแง่งอนของปัณฑารีย์ ใบหน้าคมซบซุกกับลำคอระหง
“แต่เราต้องหยุดแล้วน่ะปั้นหยา ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว รักเธอเสียตรงกลางทะเลทรายนี่”
น้ำเสียงอบอุ่นนุ่มทุ้มและแหบพร่าที่ดังมา เรียกสติที่กระเจิดกระเจิงของปัณฑารีย์กลับมา เธอได้แต่เขินอายและโกรธเกรี้ยวในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่
ใบหน้านวลเอ่อร้อนผ่าวซบซุกกับแผงอกกว้าง ได้ยินเสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นตึกตักๆ แล้วเธอก็คิดว่าคงจะต้องมีคำพูดบาดใจดังมา แต่ต้องแปลกใจ เมื่อไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเลย มีเพียงแค่อ้อมแขนแกร่งที่ยังกอดเธอแนบอก
“ปะ...ปล่อยฉะ...ฉัน...ปั้นหยาน่ะคุณฮัมดีน” ปัณฑารีย์รีบบอกก่อนที่หัวใจของเธอจะเผลอมอบให้ชายหนุ่มมากกว่าที่เป็นอยู่ แค่นี้เธอก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบและมีแต่ความโกรธแค้นให้
แต่เมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มเข้าใกล้ เธอกลับรู้สึกเป็นสุขและอบอุ่น เมื่อถูกแตะเนื้อต้องตัว ขัดขืนก็เพียงแค่เล็กน้อย แล้วหลังจากนั้นก็พร้อมที่จะยินยอมกระโดดตามชายหนุ่มไปอย่างไม่บัดสีและละอายแก่ใจเลยสักนิด
“ทำไมละปั้นหยา อยู่แบบนี้เธอไม่ชอบหรือไง”
ปัณฑารีย์เงยหน้ามองหน้าคนถาม น้ำเสียงที่เอ่ยออกจากปากฮัมดีนไม่ได้ดุร้ายและแข็งกร้าว แต่กลับอบอุ่นและซึมเข้าสู่หัวใจที่โหยหาความรักจากพ่อของเธออย่างเต็มๆ
ปัณฑารีย์ส่ายศีรษะ ดวงตากลมโตหวานเชื่อมต้องรีบหลุบลงเมื่อเห็นสายตาเว้าวอนและเรียกร้องส่งมา นิ้วมือเล็กเล่นกับกระดุมเสื้อฮัมดีนอย่างไม่รู้จะทำไงกับตัวเองดี
“ถ้าชอบ แล้วบอกให้ฉันรีบปล่อยทำไม” ฮัมดีนเชยคางมลขึ้นอย่างต้องการหาคำตอบ นิ้วยาวไล้ไปริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเป็นประกายหวานซ่อนความอายไว้ไม่มิด อีกทั้งยังเรียกร้องให้เขาทำตามความต้องการได้ตามความพอใจเสียอีก
“ช่างเถอะ ถ้าเธอยังไม่คำตอบให้ฉันในตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่อีกไม่นานฉันก็คงจะได้คำตอบที่ต้องการ ใช่ไหมปั้นหยา”
ฮัมดีนถามเสียงนุ่ม เขากดจูบปากอิ่มอีกครั้ง ก่อนที่จะยอมปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมแขน แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยปัณฑารีย์ให้เป็นอิสระ จับแขนเรียวพากลับไปยังที่พักที่ตอนนี้เสร็จเป็นรูปเป็นร่าง สามารถพักผ่อนได้แล้ว
ปัณฑารีย์มองภาพด้านหน้าอย่างตะลึงงัน ก่อนจะถูกฮัมดีนลากไป ใกล้กับต้นไม้ใหญ่ยังไม่มีอะไรเลยสักนิด แต่ตอนนี้กลับมีเต้นสองหลังและกองไฟให้ความอบอุ่นกับร่างกาย แต่สิ่งที่เห็นยังไม่สู้อ้อมแขนแกร่งที่เคยกดกอดเอาไว้สักนิด คิดแล้วก็ให้ละอายใจตัวเองที่หลงใหลในความเร่าร้อนที่ได้รับ