ตอนที่ 9
ล่วงเข้าสู่วันที่สี่ของการเดินทางอันมหาโหดในท้องทะเลทราย ที่กลางร้อนราวกับไฟ แต่พอตกกลางคืนกลับเย็นจัดราวกับอยู่บนน้ำแข็ง แต่หลังจากคืนแรกผ่านพ้นไป ปัณฑารีย์ก็ให้เริ่มสบายตัวและสบายใจขึ้นเพราะชินกับอากาศ และเริ่มทำใจได้ พร้อมกับเริ่มต้นหาทางทำให้ฮัมดีนตะบะแตก
เพราะถึงแม้ชายหนุ่มจะชื่นชอบสัมผัสกายเธอ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็จะหยุดตัวเองได้ทุกครั้ง ดูอย่างเมื่อคืนที่เธอคิดว่าเขาน่าจะปล่อยเลยตามเลย พาเธอไปในเส้นทางพิศวาสจนถึงจุดหมายปลายทาง แต่เขากลับหยุดทุกสิ่งทุกอย่างและแต่งตัวออกไปนั่งคุยกับคนอื่นนอกเต้นท์ ปล่อยให้เธอนอนหนาวเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างอยู่ในเต้นท์เพียงลำพัง
“นายครับ ข้างหน้านั่นจะมี...”
“ฉันรู้แล้วยูซาร็อบ นายพายูซุฟไปเตรียมที่ทางไว้ก่อนแล้วกัน” ฮัมดีนบอกยูซาร็อบที่เป็นทั้งเพื่อนและบอร์ดีการ์ดฝีมือดีของเขาอย่างรู้กัน
ด้านหน้าอีกไม่ไกลจะมีโอเอซิสขนาดไม่ใหญ่ให้พวกเขาได้หลบพักดื่มน้ำและทำความสะอาดร่างกาย เพื่อรอวันที่กองคาราวานขนสินค้าจากทะเลทรายไปขายยังตัวเมือง พอให้เขาพาปัณฑารีย์ร่วมเดินทางไปด้วย แต่เขาก็รู้ดีว่าโอเอซิสที่เลือกไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ เคยมีการแย่งชิงแอ่งน้ำจนถึงขั้นมีคนตายมาแล้ว
“มีอะไรหรือคะคุณฮัมดีน” ปัณฑารีย์ไต่ถาม หลังจากสังเกตพฤติกรรมหลายอย่างของฮัมดีนก็พอที่จะได้รู้นิสัยชายหนุ่มขึ้นมาบ้าง ทำให้รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มอยู่กับความหวาดกลัวและกังวล ถ้าเขาไม่มีเธอมาด้วยก็คงจะไม่เป็นไร แต่นี่มีเธอเป็นทั้งตัวถ่วงและตัวปัญหา
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
“ไม่จริง ปั้นหยาไม่เชื่อ คุณฮัมดีนโกหก”
“ฉันจะไปโกหกเธอทำไมปั้นหยา โกหกเธอแล้วฉันได้อะไร”
พอชายหนุ่มถามกวนๆ กลับมา ปัณฑารีย์ก็อึ้ง ตอบไม่ถูกไปเหมือนกัน เลยเปลี่ยนเป็นเอนหลังอิงอกกว้าง กระชับแขนใหญ่ให้แนบร่างกาย แม้อากาศจะร้อนจนตับไตแทบจะสุก แต่ความอบอุ่นจากกายใหญ่กลับเป็นปราการชั้นดี ปกป้องคุ้มครองเธอจากอันตรายหลายทั้งปวงได้อย่างดี
“ปั้นหยาขอโทษ คุณอัมดีนอย่าโกรธปั้นหยานะคะ” ปัณฑารีย์เลือกที่จะใช้ความหวานที่มีเอ่ยปากขอโทษออกไป ก่อนจะอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจจากชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไร”
ปัณฑารีย์หยุดพูด เมื่อเห็นว่ายูซาร็อบชักอูฐเดินกลับมาหาเธอและฮัมดีน ในขณะทุกคนมีอูฐประจำกาย มีเพียงเธอเท่านั้นที่ต้องนั่งกับฮัมดีน คิดว่าจะต้องเป็นแบบนี้ไปจนถึงบ้านของชายหนุ่มแน่
แรกๆ ก็อึดอัดใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอก็เริ่มจะชินและชอบใจกับการได้นั่งบนหลังอูฐโดยมีแขนแข็งแกร่งโอบรัดรอบกาย อย่างน้อยก็ทำให้เธอได้เอาคืนผู้ชายปากร้ายที่แกล้งเธอในวันแรกๆ ของการเดินทางได้ด้วย
อูฐหยุดยืนรอให้คนด้านบนลงจนเรียบร้อย แล้วก็เดินตามแรงลากจูงของชายที่ปัณฑารีย์จำได้ว่าชื่อยุซุฟลับหายด้านหลังก้อนหินใหญ่
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อได้เห็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องหน้า เธอรีบก้าวไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับต้องหยุดเพราะถูกดึงเอาไว้
“จะรีบไปไหนปั้นหยา”
“ก็ไป...”
“ไม่ต้องรีบเดี๋ยวเธอก็ได้เล่นน้ำสมใจ แต่ไม่ใช่การกระโดดตูมลงไปเหมือนเด็ก”
ปัณฑารีย์ส่งค้อนขวับใหญ่ให้กับคนพูด ก่อนจะหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะไม่เข้าใจคำพูดของชายหนุ่ม
“ที่นี่แหล่งน้ำถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะมันคือชีวิตของพวกเราชาวทะเลทราย ดังนั้นทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาความสะอาดเท่ากับชีวิต”
ปัณฑารีย์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและยอมเดินตามแรงลากจูงของฮัมดีนไปเงียบๆ สายตาก็คอยมองไปทั่วบริเวณอย่างใช้ความคิด ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้เห็น มีถ้ำขนาดเล็กซุกซ่อนอยู่ด้านหลังก้อนหิน โดยมีเถาวัลย์ปกปิดทางเข้าเอาไว้อย่างมิดชิด ถ้าไม่เก่งและชำนาญทางจริง ไม่มีวันที่รู้ได้
“เราจะพักกันที่นี่ก่อน จนกว่าจะมีเพื่อนร่วมเดินทาง”
“ค่ะ”
“ไปเถอะ” แขนแกร่งโอบรอบเอวบางพาหญิงสาวเดินเข้าไปข้างในถ้ำอย่างรวดเร็ว
ลึกเข้าไปข้างในถ้ำ ยังจะมีโพรงแยกย่อยออกเป็นสองสามห้อง ห้องที่ฮัมดีนพาปัณฑารีย์เข้าไป ลึกไปอีกนิดก็จะมีแอ่งน้ำพอให้หญิงสาวได้ใช้น้ำทำความสะอาดร่างกาย ถึงแม้ว่ามันจะเพียงแค่เล็กน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
“อยากอาบน้ำใช่ไหม”
“ค่ะ แต่ขอทานอะไรก่อนดีกว่า ปั้นหยาหิว” ปัณฑารีย์ยกมือขึ้นลูกท้องตัวเองอย่างอายๆ
“อย่างนั้นก็ตามมา” ฮัมดีนยื่นมือไปจับจูงร่างบางให้เดินกลับออกไปทางเดิม ให้หญิงสาวได้รับประทานอาหารก่อนที่จะอาบน้ำเข้านอน
“คุณฮัมดีนจะไม่อาบน้ำเหรอคะ” ปัณฑารีย์ถามน้ำเสียงค่อนไปทางอ่อนหวานและเว้าวอน เพราะกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับตัวเองดี อาบน้ำก็อยากอยู่หรอกนะ แต่ว่ามันเย็นนะสิ เย็นทั้งอากาศที่อยู่รอบกายและเย็นจากน้ำที่ลองเอามือลงไปแตะเมื่อครู่ เย็นจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้วนะนี่
อีกอย่างก็คืออาย ถึงแม้จะใกล้ชิดกับฮัมดีนอยู่หลายครั้ง แต่ก็มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ชายหนุ่มได้เห็นรูปร่างของเธอ นอกนั้นก็เป็นเพียงแค่การแตะต้องด้วยมือและร่างกาย อีกทั้งยังอยู่ในความมืดมิดของราตรีกาลด้วย
“เธออยากจะอาบก็อาบสิ ถามให้เรื่องมากทำไม”
“ก็...” ดวงตากลมโตมองไปที่ชายหนุ่มอย่างวิงวอนขอร้อง แม้อากาศจะเย็นแต่ก็ไม่สู้สายตาคมกริบที่มองมา ทำให้เธอสั่นสะท้านไหวทุกครั้ง ทั้งร่างกายและจิตใจพร้อมที่จะตามติดชายหนุ่มไปทุกที่
“คุณฮัมดีนช่วยออกไปก่อนได้ไหมคะ คือ...ปั้นหยา...”
“เธอมีอะไรอีกปั้นหยา จะเรื่องมากไปถึงไหน น้ำมีให้อาบก็รีบอาบให้เสร็จ อ๋อ...หรืออยากจะยั่วฉัน” ฮัมดีนยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด เท้าก็เดินไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ใช่สินะ ฉันลืมไปได้ไงกันนี่ หลังๆ มานี้ เธอชอบมองฉันด้วยสายตาเชิญชวน ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ ให้ฉันแตะต้อง” ฮัมดีนเดินเข้าไปหาปัณฑารีย์อย่างเชื่องช้า จนร่างเล็กถอยไปติดกับผนังถ้ำ และหนีไปทางไหนไม่ได้ด้วย
แขนใหญ่เท้ากับผนังถ้ำ บนใบหน้ามีทั้งรอยยิ้มสาสมใจ และดูถูกเหยียดหยามหมิ่นแคลน “อยากนอนกับฉันมากหรือไงปั้นหยา ของฟรีใครก็ชอบนะ แต่จะให้เอาจริง มันก็ต้องเลือกกันหน่อย แล้วผู้หญิงอย่างเธอ ไม่ดีหรอกปั้นหยา เพราะเธอมัน.ง่าย..ง่ายเกินไป” ฮัมดีนเน้นคำว่าง่ายหนักๆ ใส่หน้าปัณฑารีย์ เพราะต้องการที่จะกันตัวเองออกจากหญิงสาวส่วนหนึ่งและกันหญิงสาวให้ห่างจากตัวเอง เลยเลือกใช้คำพูดแรงๆ
ปัณฑารีย์สะอึก ใบหน้าขาวซีดสลับแดงก่ำ ริมฝีปากขมเม้มจนได้รสเลือด ปลายเล็บยาวทิ่มตำฝ่ามือนุ่ม
นี่ไงปั้นหยา สิ่งที่คิดเธอในคืนนั้นไม่ผิดเลยสักนิด ฮัมดีนจะต้องว่าเธอด้วยคำพูดที่ทำให้เจ็บปวดทั้งกายและใจ
ปัณฑารีย์สูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ใบหน้าที่เคยขาวซีดมีรอยยิ้มหวานแต่งแต้ม เล็บที่จิกลงไปบนฝ่ามือก็คลายออก พลางยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง พยายามที่จะพูดออกมาอย่างไม่ให้สั่นพร่าและก็หวานเชื่อมให้คนอยู่ใกล้ต้องไหวหวั่น
“เพราะคุณกลัวจะหลงใหลหลงรักปั้นหยามากกว่า แต่มันก็จริงนะ ผู้ชายอย่างคุณ” นิ้วยาวเรียวไล้ไปบนใบหน้าคม ดวงตาคมดุ จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากหนาร้อน