วันเปิดพินัยกรรม

1518 คำ
หลังจากวันที่คุณปู่เสียทนายความประจำตระกูลก็ได้มาแจ้งกับทุกคนในครอบครัวให้ทราบว่า "หลังจากที่คุณท่านเสีย คุณท่านยังไม่ต้องการให้จัดงานศพครับ คุณท่านต้องการให้เก็บศพของคุณท่านไว้ก่อนจนกว่าจะครบ 1 ปีครับ.." "ทำไมต้องรอให้ครบ 1 ปีด้วย.?" ภูดิษฐ์ถามทนายความประจำตระกูลของเขาขึ้นด้วยความสงสัย "ผมก็ไม่ทราบครับ เพราะเป็นความประสงค์ของคุณท่านนะครับ.." "แล้วเรื่องพินัยกรรมละ..?" แม่ของภูดิษฐ์ถามทนายความขึ้นทันที ด้วยความอยากรู้จนแม่ของหมอภูวนัยมองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนัก "คุณพ่อเพิ่งจะเสียไปได้แค่เพียง1วันเธอก็ถามถึงเรื่องพินัยกรรมแล้วหรอ..?" "หรือเธอไม่อยากได้หละ ฉันก็แค่กลัวว่าคุณพ่อจะโดนยาสั่งให้ทำพินัยกรรมแล้วยกสมบัติไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเราต่างหากละ.." สายตาของหม่ภูดิษฐ์หันไปเหล่มองที่สริสา โดยที่เธอยังมีสีหน้าแววตาที่ยังเศร้าเสียใจอยู่ โดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่ากำลังมีคนคิดกับเธอไม่ดียังไง "อาทิตย์หน้าผมจะเปิดพินัยกรรมของคุณท่านนะครับ ขอให้ทุกคนมาโดยพร้อมเพียงกันนะครับ.." ..... 1 อาทิตย์ผ่านไป ทุกคนในครอบครัวมากันพร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีผู้ถือหุ้นในบริษัทอีก 2 ท่านที่ถูกเชิญให้มาร่วมเป็นสักขีพยาน ก๊อก ก๊อก ก๊อก "สา..อยู่ในห้องหรือเปล่าจ๊ะ.?" "อยู่ค่ะ.." "ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว เรารีบลงไปข้างล่างกันเถอะ." สริสาหันกลับไปมองที่กระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองที่เก็บเตรียมเอา เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นแค่คนนอกเมื่อคุณปู่ไม่อยู่แล้วเธอก็คงไม่มีสิทธิ์อยู่ในบ้านนี้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นเดินไปที่ประตูด้วยความลำบากใจ เพราะตัวเธอไม่ได้มีส่วนในพินัยกรรมของครอบครัวนี้เลย แต่หมออัศนัยก็ยังคะยั้นคะยอให้เธอลงไปให้ได้ "พี่หมอคะสาไม่ลงไปไม่ได้หรอคะ มันเป็นเรื่องของคนในครอบครัวพี่ สาไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะคะ.." "อย่าพูดแบบนี้ซิ คุณตาเคยบอกแล้วไงว่าสาคือคนในครอบครัวคนหนึ่งของเรา.." "แต่ว่าสา.." หมออัศนัยยื่นมือมาจับมือสริสาไปกุมไว้แล้วมองจ้องเข้ามาในแววตาของเธอด้วยสายตาที่ดูอบอุ่น "พี่เชื่อว่าคุณตาจะไม่มีวันทอดทิ้งสา.." "ถ้าคุณปู่ทำแบบนั้นจริงๆสาก็คงรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ สาเป็นแค่คนนอกนะคะ.." "แต่ถ้าสาไม่รับ คุณตาคงต้องเสียใจมากแน่ๆ.." "..." "ไปเถอะนะ ทุกคนมากันพร้อมแล้ว.." "ก็ได้ค่ะ.." เธอตอบรับเขาออกไปด้วยสีหน้าหนักใจ แต่ก็ยอมเดินตามหมออัศนัยไปด้วยความลำบากใจ .... ภูดิษฐ์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านก็รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นพวกนักข่าวมายืนออกันอยู่ที่หน้าบ้านของเขา "มาแล้วหรอตาภู รีบเข้าไปข้างในกันเถอะทนายชัชชาติจะเปิดพินัยกรรมแล้ว.." แม่ของเขาเห็นว่ารถลูกชายมาจอดหน้าบ้านจึงเดินออกมารับเพื่อให้รีบพากันเข้าไปข้างใน "นักข่าวพวกนี้มาทำอะไรกันหรอครับแม่..?" "ก็ทนายชัชชาตินะซิเป็นคนเรียกมา บอกว่าปู่แกต้องการให้การเปิดพินัยกรรมครั้งนี้มีทุกคนร่วมเป็นสักขีพยานด้วย..แม่ละไม่เข้าใจปู่แกจริงๆว่าจะทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตไปทำไมก็แค่เปิดพินัยกรรมเอง.." ผมก็คิดอย่างที่แม่พูดนะว่าทำไมคุณปู่ถึงต้องทำให้ดูเป็นเรื่องใหญ่โตด้วยก็แค่เปิดพินัยกรรม จนถึงขนาดต้องเชิญพวกนักข่าวมาทำข่าวขนาดนี้ด้วยหรอ "สวัสดีครับคุณภูดิษฐ์.." "สวัสดีครับอาชัช..นี่อาชัชเป็นคนเรียกนักข่าวพวกนี้มาหรอครับ..?" "ใช่ครับ เป็นความประสงค์ของคุณท่านนะครับ ผมเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น.." "ก็แค่เปิดพินัยกรรมเอง ทุกคนก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าคุณปู่จะยกสมบัติให้ใครบ้าง เพราะครอบครัวเราก็มีกันอยู่แค่ 6 แค่นี้.." "คุณภูลืมใครไปอีกคนหรือเปล่าครับ..?" "ใครครับ..?" "สามาแล้วครับทุกคน.." ภูดิษฐ์หันไปมองตามเสียงของหมออัศนัยที่พาสริสาเดินเข้ามาในห้อง เขาจึงมองจ้องหน้าเธอด้วยความไม่พอใจทันที "เธอมาเกี่ยวอะไรด้วย..?" "สาเป็นคนในครอบครัวของเราเหมือนกันนะครับ." "ไม่ใช่..เธอไม่ใช่คนในครอบครัวฉัน.." "คุณตารับสาเข้ามาเป็นหลานสาวแล้วให้สาเปลี่ยนมาใช่นามสกุลเรา นั่นก็หมายถึงว่าสาเป็นคนในครอบครัวของเรานะครับ.." "แต่เธอก็ยังไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลนี่ งั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์..ออกไป" "พอได้แล้วทั้ง 2 คน.." พ่อของภูดิษฐ์เห็นลูกชายยืนเถียงกับหมออัศนัยจึงต้องห้ามปราม "ตานัยพาสริสาไปนั่งที่ ส่วนแกตาภูไปนั่งลงข้างๆแม่แกนู้น อย่ามาทำตัวเป็นหมาบ้าในนี้อายพวกนักข่าวที่ยืนมองมาบ้าง.." ภูดิษฐ์หันไปมองที่นักข่าวที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูห้องก็เริ่มสงบลง จึงตัดสินใจเดินไปนั่งข้างๆแม่ของเขาโดยที่สายตายังจับจ้องไปที่สริสาไม่วางตา "ตอนนี้ทุกคนมากันพร้อมหมดแล้ว คุณชัชชาติครับเปิดพินัยกรรมเลยครับ.." "ครับคุณภูวนาท.." ทุกคนรอฟังการเปิดพินัยกรรมของตระกูลไพศาลสืบสกุลด้วยความตั้งใจ นักข่าวที่เตรียมลั่นชัตเตอร์และเตรียมอัดเสียงการอ่านพินัยกรรมของทนายประจำตระกูลไพศาลสืบสกุล เพื่อให้ทุกคนได้รู้และจะได้ร่วมเป็นสักขีพยานซึ่งเนื้อหาในพินัยกรรมตั้งแต่ต้นจนจบก็ทำให้ทุกคนตกใจและอึ้งไปตามๆกัน "นี่มันอะไรกัน..คุณปู่ทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ผมไม่ยอม..เป็นไปไม่ได้ที่คุณปู่จะไม่ยกสมบัติอะไรให้ผมเลย ผมไม่เชื่อ.." เมื่อทนายชัชชาติอ่านพินัยกรรมจบภูดิษฐ์ก็โวยวายขึ้นมาทันที เพราะทุกคนได้รับสมบัติของคุณปู่หมดแม้กระทั่งแม่บ้าน คนสวน ก็ยังได้เล็กๆน้อยๆแต่เขากลับไม่ได้อะไรเลย "แล้วสริสาเป็นแค่คนนอกกลับได้สมบัติที่มันควรจะเป็นของผมไป ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณปู่จะเขียนพินัยกรรมนี้ขึ้นมาเอง ผมไม่เชื่อ.." "ใช่..คุณพ่อต้องโดนยาสั่งแน่ๆ หรือไม่ก็พินัยกรรมฉบับนี้ต้องเป็นตัวปลอมแน่ๆ.." "หนังสือทุกตัวในพินัยกรรมฉบับนี้คุณท่านเป็นผู้เขียนด้วยลายมือของตัวเองทุกตัวอักษรครับ ผมและคุณภูวนาทพ่อของคุณเป็นพยานได้.." "จริงหรอคะคุณ..?" แม่ของภูดิษฐ์หันไปถามสามีตัวเอง "จริง..ผมอยู่ด้วยตอนที่คุณพ่อท่านเขียนพินัยกรรม" "แล้วคุณยอมให้คุณพ่อยกสมบัติให้คนอื่นได้ยังไง..คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงคะ คุณพ่อไม่ให้อะไรตาภูเลยแบบนี้ฉันไม่ยอมนะคะ..?" "ใช่ครับ..ทำไมคุณปู่ถึงไม่ยกอะไรให้ผมเลย ทั้งที่ผมเป็นหลานแท้ๆแต่กลับไปยกให้คนนอกอย่างยัยนี่.." "พอแล้วตาภู หยุดโวยวายได้แล้ว.." "ผมไม่หยุด มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมนะครับพ่อ พ่อจะยอมให้สมบัติของครอบครัวเราไปอยู่กับคนอื่นงั้นหรอครับ.." "ถ้าคุณไม่ต้องการให้คุณสริสาได้สมบัติที่ควรเป็นของคุณไป ในพินัยกรรมก็บอกชัดเจนแล้วนะครับว่าคุณจะต้องทำอะไร.." ภูดิษฐ์หันไปจ้องหน้าทนายชัชชาติด้วยสีหน้าเครียดจัด "ตำแหน่งรองประธานบริษัทโกลเด้นกรุ๊ป รวมทั้งที่ดินทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และยังมีบ้านพักตากอากาศติดริมทะเลที่หัวหินอีก 1 หลัง เงินสดอีกพันกว่าล้านที่มันจะต้องเป็นของคุณ แต่คุณท่านกลับยกให้คุณสริสา..คุณจะได้มันไปที้งหมดแค่เพียงคุณยอมแต่งงานกับคุณสริสาจดทะเบียนสมรสอยู่ด้วยกันจนครบ 1 ปี สมบัติทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นของคุณตามเดิม.." "ใช่..ตาภูแกต้องแต่งงานกับหนูสา.." "..." "ไม่ค่ะ สาไม่แต่ง.." นักข่าวรัวชัตเตอร์กันยกใหญ่เพราะเรื่องนี้จะกลายเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าสังคมในวันพรุ่งนี้เช้าแน่ๆ "นี่เธอคงคิดจะเอาสมบัติฉันไปทั้งหมดใช่ไหม.?" "สาไม่ได้คิดแบบนั้นค่ะ แต่ที่สาบอกว่าไม่แต่งเพราะสาจะไม่ขอรับมรดกที่คุณปู่ยกให้สา และสาก็จะยกทุกอย่างคืนกลับไปให้คุณภูทั้งหมดค่ะ.." "นี่เธอ.." ....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม