ภูดิษฐ์ขับรถตามหารถขยะไปจนทั่วทุกซอยก็หาไม่เจอ จนมาเจอเข้ากับโรงเก็บขยะที่รถทุกคันจะต้องมารวมกันที่นี่ เขาเองก็ไม่รู้ว่ารถคันไหนเป็นรถที่เข้าไปเก็บขยะที่บ้านของเขา
“คุณมาทำอะไรที่นี่หรอคะ..?”
เขายืนเก้ๆ กังๆ ตรงจุดที่รถขยะจะต้องจอด จนมีเจ้าหน้าที่เก็บขยะผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาถามเขา
“เอ่อ.! คือ ผมมาหาของนะครับ..”
“ของหรอคะ ในกองขยะเนี่ยนะคะ.?”
“ใช่ครับ..พอดีว่าผมเปลี่ยนใจไม่อยากจะทิ้งของบางอย่างแล้วนะครับ ก็เลยอยากจะมาเอาคืน.”
“แล้วคุณจำรถคันที่เข้าไปเก็บที่บ้านคุณได้ไหมละคะ..?”
เขามองไปที่รถขยะ 4-5 คันที่จอดเรียงกัน
“จำไม่ได้ครับ..”
“แล้วแบบนี้คุณจะหาของเจอหรอคะ..รถขยะมีตั้งหลายคันแล้วของของคุณอยู่ถุงขยะใบไหนก็ไม่รู้ คุณทิ้งมันไปเถอะค่ะ..คุณหาไม่เจอหรอก..”
“…”
เขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน วันนี้เขาคงหามันไม่เจอแน่ๆ แต่พอคิดขึ้นได้ว่าถ้าเขาหาของสิ่งนั้นไม่เจอจริงๆ จะต้องมีคนที่เสียใจมากแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้นเขาก็
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะลองหาดู…”
“แน่ใจหรอคะ..?”
“แน่ใจครับ..”
“งั้นเอางี้ค่ะ คุณบอกมาว่าของสิ่งนั้นที่คุณหาคืออะไร เดี๋ยวฉันจะให้ลูกน้องช่วยหาก็ได้ค่ะ..”
“ดีครับ เพื่อเป็นน้ำใจและผมก็ไม่อยากให้คุณเสียงานแล้วก็เวลาของคุณด้วย..ค่าแรงวันนี้ผมจะเป็นคนจ่ายให้กับลูกน้องคุณทุกคนเอง แล้วถ้าใครหาของที่ผมหาเจอ ผมจะให้เบิ้ลค่าแรงอีกเป็น 2 เท่า..”
“เย้ๆ พวกเรามาช่วยคุณเขาหาเร็ว..”
พวกคนเก็บขยะมารวมตัวกันตรงหน้าเขา เพื่อยืนรอฟังว่าของที่เขาจะให้หาคืออะไร
“ก็ได้ค่ะ งั้นคุณบอกมาเลยค่ะว่าของที่คุณจะให้หาคืออะไร..?”
…..
บ้าน ตระกูลไพศาลสืบสกุล
"คุณเคยพูดว่าจะทำให้สาเจ็บปวดและทรมาณเหมือนตกนรกทั้งเป็นใช่ไหมคะ..อึกๆๆ ..วันนี้คุณทำสำเร็จแล้วนะคะ...คุณทำสำเร็จแล้วคุณภู..อึกๆๆ"
"..."
สริสาเดินเข้าไปใกล้เขา แล้วมองเข้าไปในแววตาของเขาด้วยความเกลียดชัง
"สาจะหย่าให้ค่ะ สาจะหย่าให้ตามที่คุณต้องการ.."
เขาอึ้งกับคำพูดของเธอเพราะไม่คิดว่าเธอจะกล้าหย่ากับเขาจริงๆ
“ไม่ได้ ฉันไม่อนุญาตให้เธอหย่ากับตาภู..”
พ่อของภูดิษฐ์เดินมาข้างหลังพวกเขาที่กำลังยืนประจันหน้ากัน
“ทำไมละคะคุณ ในเมื่อสริสาเธอเป็นคนอยากหย่าเอง ลูกชายเราไม่ได้ขอหย่าสักหน่อย..”
“ตามพินัยกรรมทั้ง 2 คนจะหย่ากันไม่ได้จนกว่าจะครบ 1 ปี...”
“ไม่ต้องรอ 1 ปีแล้วละคะ ในเมื่อสริสาอยากหย่าก็หย่าให้มันจบๆ ไปสิค่ะ…แล้วแบบนี้เธอเป็นคนทำผิดเงื่อนไขในพินัยกรรม เธอก็ไม่มีสิทธิ์ได้สมบัติของครอบครัวฉันไปนะ..”
แม่ของภูดิษฐ์หันไปขอกกับสริสา แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยากได้ของพวกนั้นอยู่แล้ว
“ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมให้หย่า..”
“คุณท่านค่ะ แต่สา..”
“เธอลืมไปแล้วหรอในจดหมายที่คุณพ่อฉันเขียนถึงเธอ เธอจะผิดคำพูดกับพ่อฉันที่มีบุญคุณต่อเธองั้นหรอ..”
“สา..”
“ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้พวกเธอหย่ากัน..”
ภูดิษฐ์มองหน้าสริสาที่เห็นเธอเอาแต่ร้องไห้ จนรู้สึกได้ว่านี่เธอเสียใจมากขนาดนี้เลยหรอที่ไม่ได้หย่ากับเขา
“นี่ผมต้องทนอยู่กับผู้หญิงแบบยัยนี้ไปอีกเป็นปีเลยหรอพ่อ ชีวิตผมจะมีความสุขอะไร..”
เขาหันไปพูดกับพ่อเขาด้วยท่าทางเซ็งๆ
“ชีวิตแกสบายแล้วก็มีความสุขมามากพอแล้ว หัดทำอะไรที่มีประโยชน์เพื่อคนอื่นเขาบ้าง..”
“คุณอย่ามาลูกฉันนะ..”
“ก็มีแม่แบบคุณให้ท้ายแบบนี้ไง ไอ้ภูมันเลยไม่เอาไหนกับอะไรซักอย่าง..”
“นี่คุณ..”
“ไม่ต้องพูดแล้ว..”
“…”
ทุกคนในบ้านเงียบกริบไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักอย่าง
“ฟังนะสริสา…ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอหย่าเด็ดขาด แล้ววันพรุ่งนี้ฉันจะให้เธอกับตาภูไปฮันนีมูนด้วยกัน..”
“อะไรนะคะ..?”
“อะไรนะครับ..?”
“ไปฮันนีมูน พ่อเตรียมตั๋วเครื่องบินให้พวกแกทั้ง 2 คนแล้ว..พรุ่งนี้บ่าย 2 เดินทางได้เลย.”
“แต่ว่าแม่ของสากำลัง..”
“ฉันฝากให้ตานัยเป็นคนดูแลและจ้างพยาบาลพิเศษให้ดูแลแม่เธอแล้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วง..”
“แต่ว่าสา…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พอ..จบ..”
พ่อของภูดิษฐ์พูดจบก็เดินแยกไป ปล่อยให้ทุกคนยืนอึ้งกับคำสั่งที่เผด็จการของเขา
“สา..”
หมอนัยเดินเข้ามาเรียกชื่อเธอ ที่เห็นน้ำตาเธอยังไหลลงมาช้าๆ
“ไปกันเถอะค่ะพี่หมอ สาไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้แล้ว..”
สริสาเดินออกไปโดยมีสายตาของภูดิษฐ์มองตามไปก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความพอใจ
…..
ยิ้มอะไรภูดิษฐ์ อย่ามายิ้มนะ 😀😄