เช้าวันรุ่งขึ้น คาร่าตื่นเร็วกว่าวันธรรมดา และเตรียมตัวด้วยความประหม่ามากกว่าปกติ
เธอสวมชุดยูนิฟอร์มที่โมนิก้าเตรียมไว้ให้ และเมื่อเธอมองเข้าไปในกระจก เธอก็รู้สึกชอบชุดนี้มาก เพราะมันดูเข้ากันกับเธอได้ดี
ขณะที่คริสเตียนก็กำลังวางแผนจะไปเยี่ยมแจ็คสันเพื่อจัดการปัญหาต่างๆ หลังจากเชนแจ้งข่าวมาว่า เขากำลังจะเดินทางไปฮ่องกง
ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าสีเข้ม เสื้อยืดสีดำ และกางเกงยีนสีทึบ ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว สวมนาฬิกาข้อมือเรือนหรู รองเท้าผ้าใบแบรนด์ดัง ที่ทำให้เขาหล่อเหลา แต่ยังคงดูน่ากลัว
เขากำลังคุยโทรศัพท์กับเชนหัวหน้าเขตปาโดวา แต่เมื่อเขามองเห็นคาร่าที่เดินลงมาอย่างประหม่ากับลูกสุนัขของเธอ เขาก็เอ่ยเรียก ก่อนจะกดวางสายไป
“กระต่ายน้อย!”
คาร่ามองลงไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นลูกสุนัขของเธอวิ่งไปยืนอยู่ข้างๆ ขาของเขา คาร่ามองลูกสุนัขของเธอด้วยความประหลาดใจ
“มันชอบคุณ” เธอแสดงความคิดเห็น
คริสเตียนจึงยิ้มให้เธอ เขาไม่สนใจรับรู้เกี่ยวกับลูกสุนัข แต่เพราะมันทำให้เธอมีความสุขก็แค่นั้นที่เขาต้องการ
“ทำไมเธอถึงตื่นเช้าจัง”
“คือ... ฉันกังวลใจนิดหน่อยน่ะค่ะ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้ไปโรงเรียน” เธอสารภาพอย่างไร้เดียงสา
และความซื่อสัตย์ของเธอก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาชื่นชอบเกี่ยวกับตัวเธอ เขาเลยยิ้มให้เธอพลางส่ายหน้า
“มานี่สิ” เขาเรียก เธอจึงเดินเข้าไปหาเขาทันทีโดยไม่ลังเลใจ
‘เชื่อเถอะ ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปกระต่ายน้อย’ เขาคิดเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้เขา คริสเตียนกางแขนออก และหญิงสาวก็โผเข้าไปกอดเขาแน่น
เขาโอบกอดเธออย่างปกป้องหวงแหน โดยแขนข้างหนึ่งโอบตรงไหล่เธอ และอีกข้างหนึ่งโอบที่ศีรษะของเธอไว้ เขาไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่า เขาแค่ต้องการปลอบใจเธอ แค่นั้นจริง ๆ
คาร่าชอบสัมผัสจากอ้อมแขนของเขาที่อยู่รอบตัวเธอ เธอรู้สึกปลอดภัยและได้รับการปกป้อง
“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะเรียบร้อย ถ้ามีปัญหาอะไร ก็โทรหาฉัน โอเคไหม” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงใจ
“โอเคค่ะ” เธอกระซิบ
“ตอนนี้ฉันกำลังจะออกไปทำงาน”
เขาบอกก่อนที่ความทรงจำเมื่อคืนจะกลับมา เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับอย่างไร นอนแบบนี้ไม่ปลอดภัย เขารู้สึกเป็นห่วงเธอ เธออาจจะเป็นไข้หวัดได้ เขาคิด
“อ้อ… แล้วคุณจะกลับมาเมื่อไหร่คะ” เสียงของเธอฟังดูเศร้าเรียกรอยยิ้มจากคริสเตียน
‘ฉันไม่เคยเห็นใครเศร้าใจเวลาที่ฉันจะจากไป กระต่ายน้อย เธอช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ มีเอกลักษณ์และน่ารักเกินไปแล้วนะ’
“ไม่ต้องห่วงกระต่ายน้อย ฉันจะกลับมาตอนเที่ยงคืน” เขาสัญญากับเธอ
“โอเคค่ะ” เธอกระซิบพร้อมรอยยิ้ม
“อย่านอนบนโซฟาแบบนั้นโดยไม่มีผ้าห่ม เธออาจจะเป็นหวัด” เขาพูดอย่างเป็นห่วงเธอ คาร่าเขินอายเมื่อเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
“เมื่อคืนนี้ฉันประหม่าจนนอนไม่หลับ เลยลงมาดูทีวีน่ะค่ะ”
เธอพูดออกมาอย่างไร้เดียงสาพร้อมความเขินอาย คริสเตียนจึงยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร คราวหน้าก็พกผ้าห่มลงมาด้วย”
“ตกลงค่ะ”
เธอขานรับ คริสเตียนจึงอดไม่ได้ที่จะกดจูบบนหน้าผากเธอ
“เชื่อฟังดีมาก กระต่ายตัวน้อยของฉัน” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับใช้ปลายนิ้วไล้แก้มเธอ
ฟรังโก้ซึ่งถูกโมนิก้าลากจูงเข้ามาข้างใน ยืนอยู่หน้าประตู พลางมองด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อเห็นคริสเตียนกำลังแสดงความรักต่อคาร่าอยู่
‘เจ้านายจูบและกอดคุณคาร่าจริงๆ เหรอ’ เขาคิดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เขาไม่เคยเห็นเจ้านายอ่อนโยนขนาดนี้มาก่อน คาร่าต้องเป็นนักมายากลแน่ๆ เธอจึงสามารถสยบเจ้านายผู้เย็นชาของเขาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถเคยทำได้มาก่อน
โมนิก้าก็ยืนอยู่ข้างหลังพี่ชายของเธอ พลางมองดูด้วยความตกใจไม่ต่างกัน
‘คาร่า!…เจ้านายกำลังจูบกันจริง ๆเหรอ?’ โมนิก้าเองก็แอบคิดพลางเบิกตาโพลงขึ้นมา
ก่อนคริสเตียนจะสังเกตเห็นฟรังโก้ซึ่งมองมาที่คาร่าด้วยสายตาแปลกๆ และเพราะต้องการปกป้องกระต่ายน้อยของเขา สัญชาตญาณของเขาจึงสูงขึ้นอย่างไร้เหตุผล
“ฟรังโก้!!” คริสเตียนตะคอกเสียงดังอย่างโกรธจัด
คาร่าถึงกับสะดุ้งเพราะน้ำเสียงของเขา แต่คริสเตียนยังคงกอดคาร่าไว้แน่นขึ้น เพราะรู้ว่าเธอกำลังตกใจ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยใช้น้ำเสียงที่รุนแรงต่อหน้าเธอมาก่อน แต่พอเห็นวิธีที่ฟรังโก้จ้องมองมาที่คาร่า มันทำให้เขาโมโห
ฟรังโก้จึงมองไปที่เจ้านายของเขา และตัวสั่นเทาเมื่อเห็นความดุดันในดวงตา
“เจ้านาย!” เขาเรียกด้วยความสับสน
‘เมื่อกี้เขาทำอะไรผิดงั้นเหรอ? เขาเพิ่งมาถึง เขายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เขาแค่ตกใจที่เห็นเจ้านายกอดและจูบกับคาร่าก็แค่นั้น’
ฟรังโก้คิดด้วยความตึงเครียด
“ถ้านายมองคาร่าอีกละก็... ฉันจะฆ่านาย!” คริสเตียนเตือน
ฟรังโก้ผงกศีรษะแล้วเดินหนีไปทันทีด้วยความหวาดกลัว เขาออกมาข้างนอกเพื่อรอคริสเตียน โดยที่ตัวเขายังคงสั่นเทาอยู่
‘ความโกรธของเจ้านายนั้นอันตรายยิ่งกว่าความเฉยชา’
ฟรังโก้ยังขวัญเสียไม่หายที่โดนขู่ ก่อนโมนิก้าจะเดินตามพี่ชายของเธอออกมาด้วยความหวาดผวาเช่นกัน ด้านคาร่าเธอไม่ได้สังเกตเห็นโมนิก้า เธอขมวดคิ้วและมองไปทางด้านหลัง แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว
“ฟรังโก้เป็นพี่ชายของโมนิก้า เขาจะไม่ทำร้ายฉันใช่ไหม”
คาร่าเอ่ยถามคริสเตียน คริสเตียนจึงหันเหความสนใจของตัวเองจากประตูบ้านที่ว่างเปล่า มามองที่คาร่า แววตาของเขาอ่อนแสงลง จากนั้นก็สลัดศีรษะไปมา
“พวกเราทุกคนเป็นสัตว์เดรัจฉาน เธอรู้ว่าคนเราทำได้ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด อย่าไว้วางใจใครง่ายๆ ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บปวด” เขาบอกเธอตามความจริง
สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง พวกเขาทั้งหมดไม่ดี แย่ที่สุดที่เธอถามเขา แต่เขาไม่ต้องการให้อะไรมาแตะต้องเธอแม้เพียงปลายเล็บ เธอควรอยู่ให้ห่างจากงานที่เขาทำ เพราะมันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เธอไม่สามารถรับการหลั่งเลือดและคราบเลือดนั้นได้ เธอจะตกใจกลัว เขาคิด
“แต่คุณจะไม่ทำร้ายฉัน” เธอพูดด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ
คริสเตียนจ้องไปที่ดวงตาไร้เดียงสาของเธอ เธอไว้ใจเขามากมันสื่อออกมาในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอ
“ไม่มีวัน!” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมกับสายตาที่สื่อความหมายว่าเธอสามารถเชื่อใจเขาได้ การทำร้ายลูกกระต่ายตัวน้อยที่ไร้เดียงสา คือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำ
คาร่ายิ้มให้เขาเมื่อได้ยินคำตอบ
“ไปทานอาหารเช้ากัน... ใช้บัตรเครดิตที่ฉันให้ไว้ ถ้าเธอต้องการอะไร... แล้วก็... โทรหาฉันทันที ถ้าเธอไม่ชอบมหาวิทยาลัยนั่น ฉันสามารถย้ายเธอไปเรียนที่อื่นที่เธออาจจะชอบได้” เขารับรองเธอ
คาร่าก็หัวเราะคิกคักกับคำพูดของเขา และเขาก็ชอบเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขของเธอ
“คุณจะทำยังไง ถ้าฉันไม่ชอบมหาวิทยาลัยไหน หรือแม้แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนเลย?” เธอถามเขาอย่างขำ ๆ
“ฉันก็จะสร้างมหาวิทยาลัยใหม่ ที่จะมีแต่นักเรียนและอาจารย์ ที่เธอชอบเท่านั้น” เขากล่าวความจริง เขาสามารถเนรมิตมันขึ้นมาได้เพียงปลายนิ้ว เขามีเงินมากมาย คาร่าจึงย่นจมูกที่น่ารักของเธอ
“เว่อร์ไปหรือเปล่าคะคริสเตียน”
“ฉันพูดความจริง แค่สร้างมหาวิทยาลัย ฉันสามารถทำให้เธอได้ ถ้าเธอต้องการที่ดิน ฉันก็มีเยอะ เงินฉันก็พร้อม” คริสเตียนพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของเธอ
“คุณนี่เหลือเชื่อจริงๆ เลย”
“ดีหรือไม่ดี”
“แน่นอนว่าดีค่ะ แต่คุณไม่สามารถใช้เงินซื้อความสุขได้”
เขาหอมแก้มเธอก่อนจะปล่อยเธอไป
‘น่ารัก’ เขามองเธอที่อยู่ในชุดนักศึกษา ซึ่งมันเหมาะสมกับเธอ