เมดิลีน Talk:
เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่ฉันทำงานในบริษัท JE Martinez ฉันมีความสุขและสนุกกับงานที่ได้ทำมาก ฉันทำทุกอย่างตามกิจวัตรประจำวันเมื่อมาถึงที่ทำงาน
เวลา 06.45 น. เตรียมกาแฟให้บอสจอมบึ้งและวางไว้บนโต๊ะของเขาห้านาทีก่อนที่พวกเขาจะมาถึง พอถึงตอนกลางวันฉันจะโทร.ไปสั่งอาหารให้ หรือบางครั้งพวกเขาก็จะออกไปกินข้างนอก
งานของฉันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและท้าทายมาก เนื่องจากบริษัทเรากำลังเจอวิกฤต แต่แม้ว่าหลายสิ่งอย่างจะวุ่นวาย เวลานี้กลับดูเหมือนเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ธุรกิจเริ่มกลับมาเหมือนเดิม นักลงทุนและคู่ค้าไม่มีใครขอถอนตัวอีกต่อไป และเรายังได้ทำสัญญากับลูกค้ารายใหม่อีกด้วย เรียกว่าดีกว่าวันแรกที่ฉันเข้ามา
บอสทั้งสองคนก็ยอดเยี่ยมมาก พวกเขาพาฉันไปซื้อของหลังจากวันที่ปีเตอร์มาที่บริษัทเรา
โอ้ใช่ พวกเขาซื้อให้ฉันจริง ๆ ! เดาสิว่าคืออะไร
มันเป็นความคิดของบอสจอมบึ้ง พวกเขาซื้อชุดจากดิไซเนอร์แบรนด์ดังให้ฉัน ถึงแม้ฉันจะปฏิเสธ แต่พวกเขาก็เกลี้ยกล่อมจนต้องยอมแพ้ในที่สุด ตอนนี้ตู้เสื้อผ้าของฉันเต็มไปด้วยรองเท้าหลายแบบ ชุดสูทสำหรับใส่มาทำงาน ชุดเซต รวมถึงเสื้อโคตกันหนาวด้วย จากนั้นพวกเขายังพาฉันไปกินอาหารเย็นอร่อย ๆ อีกด้วย
สิ่งที่ตลกคือเช้าวันถัดมาตอนที่เอไลจาห์มาทำงาน เขาดูเหนื่อยมาก ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา มิคาอิเองก็มองหน้าบอสพร้อมขมวดคิ้ว
“อย่าคิดถามอะไรผม ไปถามโจนาธานโน่น แล้วตำหนิสิ่งที่เขาทำด้วย” เอไลจาห์ชิงพูดขึ้น
มิคาอิกับฉันมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา
จากนั้นฉันก็ได้รับคำสั่งให้นำยาแก้ปวดไปให้เขาที่ห้องทำงาน ฉันสรุปเองว่าโจนาธานมีอาวุธลึกลับที่อันตรายต่อเซ็กซ์อย่างแท้จริง แล้วอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาทั้งคู่ทำอะไรกันบ้าง คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ากางเกงชั้นในของตัวเองเปียก
ให้ตายเถอะ! ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย ไร้สาระที่สุด ฉันต้องหยุดความคิดนี้ เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนช่วยตัวเองในห้องทำงานของบริษัทเมื่อคิดถึงหน้าบอสหรอก…
Rrr ! Rrr!
เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานปลุกฉันให้ตื่นจากเรื่องฟุ้งซ่าน
“มีอะไรหรือเปล่าคะท่าน”
(“มาห้องทำงานของผมที!”) เอไลจาห์พูดแค่นั้นก็วางสายไป
เกิดอะไรขึ้น? นี่ใช่บอสเอไลจาห์หรือเปล่า เพราะปกติคนที่พูดกับฉันแบบนี้มีแต่บอสจอมบึ้งโจนาธานเท่านั้น
ฉันรีบหยิบ mini notepad พร้อมปากกาแล้วตรงไปที่ห้องทำงานของเอไลจาห์ ฉันเคาะประตู ก่อนจะเปิดเข้าไปข้างใน เห็นบอสทั้งสองดูสงบมาก โจนาธานนั่งอยู่บนโซฟาและมีแล็ปท็อปวางบนตัก
ฉันเดินไปหาเอไลจาห์ “ท่านโทร.เรียกฉันมา มีอะไรหรือคะ”
เอไลจาห์เงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้เป็นคนโทร.หาฉันก่อนหน้านี้หรอกเหรอ
“ใช่ เราอยากให้คุณหยุดพักในวันนี้เพราะเป็นวันสิ้นเดือน คุณอาจมีธุระส่วนตัวที่ต้องไปทำ ส่วนเงินเดือนก็คงเข้าบัญชีคุณเรียบร้อยแล้ว” เอไลจาห์พูดพร้อมกับยิ้มให้ฉัน
“ฉันคิดว่าคุณมีเรื่องฉุกเฉินเสียอีก” ฉันสับสนไปหมดแล้ว
“รีแลกซ์หน่อย! ผมคงทำให้คุณตกใจสินะ ไม่มีงานอะไรเร่งด่วนหรือฉุกเฉินตอนนี้หรอก เราแค่อยากให้คุณได้หยุดพักหนึ่งวัน ไปซื้อของ ช็อปปิง หรือไปปาร์ตี้ก็ได้... ไปเถอะ” เอไลจาห์นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างผ่อนคลาย
ฉันมองไปที่บอสอีกคน แต่เขาไม่สนใจฉัน เพราะกำลังยุ่งอยู่กับแล็ปท็อป
“มันเป็นความคิดของเขา ไม่ใช่ของผม!” เอไลจาห์เอ่ยขึ้นมา ทำให้ฉันหันหน้ากลับมามองเขาพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ
ฉันเอ่ยขอบคุณพวกเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องมา ฉันจะไปไหนดีนะ
กลับห้อง!... ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะฉันได้นัดพบตัวแทนเพื่อไปดูอะพาร์ตเมนต์ใหม่ไว้ ซึ่งอยู่ห่างจากบริษัทไปไม่ไกลนัก ราคาก็ไม่แพงมาก ตอนนี้จึงเป็นเวลาเหมาะสมที่จะไปดู ฉันรีบเดินออกจากอาคารและตรงไปยังจุดหมาย
ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีก็เดินทางมาถึง ดูสิ ไม่ไกลเลยใช่ไหม!
อะพาร์ตเมนต์มีขนาดใหญ่กว่าห้องเดิมและตกแต่งสวยงาม แถมให้ความรู้สึกอบอุ่น ฉันแทบรอเห็นห้องจริงไม่ไหว อยากย้ายออกจากห้องเล็ก ๆ นั้นเต็มที ฉันเดินตรงไปที่แผนกต้อนรับ แล้วพนักงานก็บอกให้ฉันรอสักครู่
ฉันมองสำรวจรอบ ๆ บริเวณ พบว่าพื้นเป็นกระเบื้องหินอ่อนสีขาวสีเดียวกับผนัง ประดับด้วยภาพทิวทัศน์สวยงาม สถานที่ดูสะอาดสะอ้านและมีลิฟต์อยู่มุมขวามือ
ไม่นานก็มีผู้หญิงวัยกลางคน ผมบลอนด์ยาวประมาณไหล่ เดินตรงมาหาฉัน
“สวัสดีตอนบ่ายค่ะ คุณเมดิลีน” เธอยื่นมือมาจับกับฉันเพื่อทักทาย
“สวัสดีตอนบ่ายค่ะ คุณออร์เดน หวังว่าฉันจะไม่รบกวนคุณจนเกินไปนะคะ เพราะฉันมาเร็วกว่าที่ตกลงกันไว้”
“โอ้! ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลย จริง ๆ แล้วฉันรอเจอคุณอยู่ค่ะ” เธอตอบพร้อมกับแตะแขนฉันอย่างสุภาพ
“นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากค่ะ”
“ไปดูห้องกันดีกว่าค่ะ ว่าห้องไหนที่คุณชอบและเหมาะกับรสนิยมของคุณ แล้วเราค่อยมาทำสัญญากัน”
ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของฉัน
“เยี่ยมเลยค่ะ!”
ออร์เดนเชิญให้ฉันตามเธอเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นเธอก็กดปุ่ม
“ห้องที่ว่างจะอยู่ที่ชั้นยี่สิบ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ลองนึกภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามจากระเบียงห้องนอนของคุณสิคะ สาบานได้เลยว่าคุณจะต้องรักมัน” เธอปรบมือท่าทางมีความสุข ฉันจึงยิ้มกว้างหลังจากได้ยิน
“คุณไม่รู้หรอกว่าฉันตื่นเต้นแค่ไหน”
“พนันได้เลยว่าคุณจะตื่นเต้นมากกว่านี้ ไปกันเถอะค่ะ!” เธอเดินนำฉันออกไปทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด
ฉันก้าวไปตามโถงทางเดินซึ่งปูพื้นด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีน้ำตาลตัดกับผนังสีขาว ตกแต่งด้วยโคมไฟพร้อมประติมากรรมที่สวยงามด้านข้าง
เมื่อพนักงานเปิดประตูห้องลมหายใจฉันก็สะดุด เพราะห้องนี้ถูกตกแต่งเรียบร้อยแล้ว
โซฟาตัวใหญ่สีกรมดูสะดวกสบาย ข้างกันมีโคมไฟสีขาว โต๊ะกาแฟสีโอ๊ก และทีวีจอแบนสีดำขนาดห้าสิบนิ้ว
จากนั้นฉันก็เดินไปที่ห้องครัว พบตู้เย็นและเตาแก๊สสี่หัว รวมถึงเคาน์เตอร์ครัวที่เป็นสีขาวครีมดูสะอาดตา
“เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณชอบห้องนี้ไหม”
“คุณล้อฉันเล่นใช่ไหมคะ ฉันรักที่นี่เลยละ ห้องนี้มันเกินกว่าที่ฉันจินตนาการไว้มาก!” ฉันอุทาน แล้วเดินผ่านเธอมาตามโถงทางเดินที่เป็นพรมสีครีม
ทันทีที่ฉันเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็ต้องอ้าปากค้าง ภายในห้องนอนถูกตกแต่งไว้แล้ว มีเตียงนอนขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง และมีห้องแต่งตัวเล็ก ๆ แยกออกไปเป็นสัดส่วน รวมถึงตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอิน ส่วนห้องน้ำมีอุปกรณ์ครบครัน มีอ่างอาบน้ำอยู่มุมซ้ายมือ ซึ่งมันสมบูรณ์แบบมาก
ฉันเดินออกไปที่ระเบียงต่อ หลับตาและสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ของลอนดอนเข้าปอด
บริเวณนี้มีเก้าอี้ไม้สองตัวพร้อมโต๊ะ มีกระถางดอกไม้หกใบที่ดอกไม้กำลังเบ่งบาน มองลงไปที่ด้านล่างเห็นผู้คนเดินสวนกันไปมา เอาละ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่