โชคดีที่คุณเอไลจาห์ส่งงานและรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทมาให้ฉันศึกษาก่อน ดังนั้นฉันนำเอกสารออกมาอ่านอีกครั้ง ทางบริษัทกำลังประสบปัญหาใหญ่ นี่จะต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนและลูกค้าหันหลังให้พวกเขา
ฉันนั่งศึกษามันอย่างละเอียดและวงกลมตรงจุดสำคัญในเอกสารไว้ กระทั่งได้ยินเสียงลิฟต์จึงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นมิคาอิเดินออกมา เมื่อเห็นฉันก็รีบเข้ามาทักทาย
“โอ้ดูสิ! คุณพร้อมเริ่มงานวันแรกแล้วใช่ไหม” เขาถามด้วยรอยยิ้มกว้าง
“พร้อมมากเลยค่ะท่าน!” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ขอเถอะ อย่าเรียกผมว่าท่านเลยครับ เก็บไว้เรียกบอสดีกว่า เรียกผมว่ามิคาอิก็พอ... อ้อ บอส
จะมาถึง…” เขายกมือขึ้นดูนาฬิกา “ในอีกห้านาที... แต่ไม่เป็นไร ตามสบายนะ เดี๋ยวผมขอไปที่โต๊ะทำงานก่อน รอบอสมาถึงจะบอกอีกทีว่าให้คุณทำอะไรบ้าง”
ฉันพยักหน้า จากนั้นมิคาอิก็เดินไปยังโต๊ะเลขาฯ ที่มีฉากกั้นสั้น ๆ ส่วนฉันก็กลับไปอ่านเอกสารในมือต่อ และในเวลาไม่กี่นาทีประตูลิฟต์ก็เปิดออกอีกครั้ง บ่งบอกการมาถึงของ ‘บอสทั้งสอง’
ฉันรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว พวกเขาดูดีมากตั้งแต่หัวจดเท้า ออร่าเปล่งประกายเจิดจ้าจนทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย บอสจอมบึ้งอยู่ในชุดสูทเรียบหรูสีน้ำเงินเข้ม ผมของเขาถูกหวีอย่างเรียบร้อย ใบหน้าก็หล่อเหลาราวกับพระเจ้ากรีก ถึงเขาจะมีท่าทีเฉยชาและมักทำหน้าดุ แต่ก็ดูเร้าใจแบบสุด ๆ
บอสอีกคนอยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้างดงามใจดีนั้นราวกับถูกแกะสลักมาอย่างสมบูรณ์แบบ ผมของเขายุ่งเหยิงดูเซ็กซีไม่เบา อีกทั้งเคราเขียวครึ้มยังส่งผลให้เขาดูเร่าร้อน ทำให้ฉันคิดถึงสิ่งที่ไม่ควรขึ้นมา
ฉันอยากรู้ว่าบอสจอมบึ้งอยู่ด้านบนใช่ไหม… หรือว่า… ฉันรีบไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากสมองเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาใกล้ โจนาธานเพียงพยักหน้าให้ฉันและเดินผ่านเลานจ์ไปยังห้องทำงานของเขาทันที
“มิสโลเปซ คุณทำให้ผมประหลาดใจมาก คุณมาถึงบริษัทแล้วแต่ผมเพิ่งจะอาบน้ำเอง!” เอไลจาห์ทักทาย เขายิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างขวา
ว่าแต่ทำไมเขาต้องพูดถึงเรื่องอาบน้ำด้วย!?…
“ฉันมาถึงเช้าดีกว่ามาสายในวันแรกใช่ไหมคะท่าน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมืออาชีพ
“โอ้ใช่ ถูกต้องเลย ผมยินดีที่คุณมาร่วมงานกับเรานะ!” เขาพูดพร้อมกับพาฉันเดินไปที่โต๊ะทำงานของฉัน
“ขอบคุณมากค่ะท่าน และอย่างที่คุณเห็น ฉันได้เรียนรู้งานบางส่วนที่คุณส่งไปให้ทางอีเมลแล้ว เห็นได้ชัดว่าพนักงานคนก่อนแสบมาก เขาสร้างความเสียหายไว้ให้บริษัทมากเลยค่ะ เอ่อ ขอโทษที่พูดออกมาตรง ๆ นะคะ”
ชายหนุ่มหัวเราะและโยกหัวไปมา เสียงหัวเราะของเขาช่างมีพลังนัก…
“เราจะพูดเรื่องนี้กันอีกครั้งมิสโลเปซ แต่ก่อนอื่นผมต้องการแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับกฎพื้นฐานสักเล็กน้อย ข้อที่หนึ่ง คุณต้องยืนห่างจากโจนาธานอย่างน้อยสี่ฟุตเป็นอย่างต่ำ เพราะเขาเป็นโรค Gynophobe ดังนั้นเขาจะไม่สบายเมื่อเขา…”
เสียงของเอไลจาห์หายไป สีหน้าดูลำบากใจที่จะกล่าวออกมา
“ผู้หญิง! เขาอยู่ใกล้ผู้หญิงมากเกินไปไม่ได้!” ฉันต่อประโยคของเขาให้จบ
บอสหนุ่มพยักหน้าให้ฉัน ก่อนจะกล่าวต่อ “ใช่ กับผู้หญิง ดังนั้นได้โปรดอย่าทำอะไรให้เขาอึดอัด และอย่าใส่ใจถ้าเขาไม่คุยหรือทักทายคุณ หากมีอะไรจะคุยกับเขาก็คุยผ่านผมได้เลย แต่ถ้าผมไม่อยู่ ก็ไปหามิคาอิได้เช่นกัน แล้วก็อย่าใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นฉุนมากเกินไปด้วย อ้อ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกฎสี่ฟุตนั่นมากนักหรอก เพราะผมจะอยู่ระหว่างคุณกับเขาเสมอ”
“...”
“ถ้าคุณจำเป็นต้องเอากาแฟไปวางบนโต๊ะของเขาในตอนเช้า ก็ระวังอย่าทิ้งเส้นผมหรืออะไรที่เกี่ยวกับผู้หญิงไว้ด้วย ยกเว้นแค่ห้องทำงานส่วนตัวของคุณ คุณสามารถวางแจกันดอกไม้หรือลิปสติกไว้ในห้องได้เลย... และสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ขอคุณอย่าได้ถือสาท่าทีบึ้งตึงไม่เป็นมิตรของโจนาธาน อีกเดี๋ยวก็จะคุ้นเคยไปเอง”
ฉันหัวเราะในประโยคสุดท้ายของเอไลจาห์
.......
เอไลจาห์ Talk:
“เฮ่!… เบบี๋ ทำอะไรอยู่” ผมพูดเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของโจนาธาน เขากำลังรัวนิ้วพิมพ์งานอยู่อย่างเคร่งเครียด
โจนาธานพึมพำอะไรบางอย่างและมองมาทางผม ก่อนจะรีบหันกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ เฮ้อ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยพักผ่อนเลยจริง ๆ เขาทุ่มเททำงานหนักตลอด
ผมเดินไปข้างหลังโต๊ะทำงานและเริ่มนวดไหล่กว้างให้คนรัก ซึ่งเขาดูพอใจมาก ร่างสูงเอนตัวมาหามากขึ้น ผมจึงนวดและเคาะไหล่เขาเบา ๆ ด้วยกำปั้น
“คุณจัดการธุระกับผู้หญิงของคุณเสร็จแล้วเหรอ” โจนาธานถามด้วยเสียงทุ้มลึกที่ผมรักมาก ทุกอย่างเกี่ยวกับโจนาธานทำให้ผมอยากเสมอ เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมเกร็งกล้ามเนื้อเมื่อผมกอดรัดเขา
“ผู้หญิงของเราต่างหากโจนาธาน ตอนนี้ผมให้มิคาอิพาเธอเดินชมรอบ ๆ บริษัทก่อนจะเริ่มงาน แล้วผมก็ได้แจ้งกฎเกี่ยวกับเราให้เธอรับรู้แล้ว วันแรกของเธอจึงค่อนข้างจะวุ่นวายนิดหน่อย” ผมตอบคำถามแล้วดูดเลียติ่งหูอีกฝ่าย
“อย่าทำอย่างนั้นที่รัก ผมกำลังยุ่งกับงานอยู่” เขาเตือนด้วยเสียงแหบพร่า ทำเอาผมหลุดหัวเราะ
“โอเคโจนาธาน ผมหยุดก็ได้... ว่าแต่คุณทำงานอะไรอยู่” ผมถามพลางมองเอกสารบนโต๊ะ
“ข้อเสนอสำหรับซัปพลายเออร์รายใหม่ของเราน่ะ โชคดีที่มีเจ้าใหม่ติดต่อมา” เขาลูบกรามไปมา
“เชี่ย!” เวลานี้ผมพูดได้คำเดียวเลยจริง ๆ
“ใช่ ไอ้สารเลวนั่นทำไว้แสบมากจริง ๆ”
“เมดิลีนก็พูดแบบนี้เหมือนกัน!” ผมแอบขำเมื่อนึกถึงตอนเธอพูดถึงพนักงานคนเก่า
โจนาธานคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมต้องสะดุ้ง
“เธอดูร้อนแรงมากใช่ไหมล่ะ!” เขาจ้องมองผมพลางถอยออกห่าง “เอไลจาห์ ผมเป็นโรคกลัวผู้หญิงก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้จักผู้หญิงร้อนแรง เมดิลีนคือผู้หญิงที่ร้อนแรงที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลย... อย่าบอกนะว่าคุณสัมผัสไม่ได้ว่าเธอมีเสน่ห์มากแค่ไหน ผมรู้ว่าคุณแข็งเมื่อคิดถึงเธอ” โจนาธานชี้ให้เห็นและกระตุกยิ้ม
ผมตกใจมากจนนิ่งไปครู่หนึ่ง คิดไว้แล้วว่าเมดิลีนจะสร้างปัญหาให้เราไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
“เบบี๋ ผมไม่ได้คิดหรือรู้สึกอะไรกับเธอจริง ๆ นะ” ผมพยายามจะอธิบาย
“มานี่สิ ทำให้ผมเห็นหน่อย” เขาเรียกพร้อมกับดึงผมไปนั่งตัก ผมจึงโอบแขนรอบคอหนา ในขณะที่เขาพิมพ์บางอย่างก่อนจะปรากฏภาพห้องทำงานของเมดิลีนในจอคอมพิวเตอร์
“คุณติดกล้องวงจรปิดในห้องทำงานของเธอ?” ผมถามพร้อมเบิกตากว้าง
“ใช่ เพราะมันจะทำให้ผมรู้สึกสบายใจ และคุ้นเคยกับเธอได้ง่ายมากขึ้น”
ผมจ้องมองไปที่หน้าจอครู่หนึ่งเมดิลีนก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง หญิงสาวสวมชุดกระโปรงชุดสีดำเรียบร้อยเข้ากับเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน ส่วนผมถูกรวบตึงไว้เป็นหางม้า มองเห็นหน้าอกกลมกลึงซึ่งมีขนาดพอดีกับร่างกาย รวมถึงก้นงอนงามที่เข้ารูปรับกับสะโพกผายได้อย่างลงตัว
เมดิลีนก้มลงไปหยิบอะไรบางอย่างที่ตกลงบนพื้น ก้นงอนงามจึงหันมาทางกล้องพอดี วินาทีนั้นผมเผลอจินตนาการเวลาเอากับก้นสวย ๆ ของเธอ
‘เชี่ย!… คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย’ ผมรีบสลัดความคิดสกปรกออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว
“บอกผมสิว่าคุณไม่ได้กำลังคิดอึ๊บก้นเธออยู่” โจนาธานพูดราวกับอ่านใจได้ และเขาก็กดปิดหน้าจอให้กลายเป็นสีดำ
“เบบี๋ คุณคิดผิดแล้ว!” ผมกำลังต่อสู้กับการสู้รบที่อย่างไรก็แพ้ เพราะเขารู้ใจผมมากที่สุด
“งั้นมาดูกัน!”
เขาใช้นิ้วแหย่เข้ามาในหูผม และส่วนล่างก็พลันขยับขยายดุนดันกางเกง ลมหายใจของผมสะดุด ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะอยู่ข้างหู ส่งผลให้กล้ามเนื้อยิ่งเกร็ง
“โกหก!”