เริ่มงานวันแรก #1

1262 คำ
โจนาธาน Talk: เมดิลีนเป็นคนที่ผมคาดไม่ถึง คิดว่าจะได้เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่พูดติดอ่าง หรือมือที่อยู่ไม่สุขขณะที่เธอตอบคำถาม แต่ไม่เลย! เธอสบตากับเอไลจาห์และผู้จัดการอีกคนในระหว่างการสัมภาษณ์ตลอดเวลา และใช่ เธอฉลาด! วิธีการที่เธอตอบคำถามนั้นดูเป็นมืออาชีพชัดเจน และมีบุคลิกท่าทางมั่นใจ ผมสังเกตได้ว่าเอไลจาห์ชอบพูดกับเมดิลีนมาก แต่ก็ไม่คิดโทษเขาหรอก เพราะเธอเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์จริง ๆ นี่ยังไม่รวมรูปร่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ทั้งเอวคอดกิ่ว มีเส้นโค้งเว้าชัดเจนรับกับสะโพกผายงอนงาม รวมถึงหน้าอกที่ใหญ่ขนาดพอดีมือ เธอทำให้ผมและเอไลจาห์แข็งได้อย่างไม่ต้องสงสัย การประชุมผ่านไปอย่างงุนงงเพราะจิตใจของผมอยู่ที่อื่น ผมรู้สึกว่าเมดิลีนกำลังจะมาเปลี่ยนอะไรบางอย่างระหว่างเรา และผมอดคิดไม่ได้ว่าเอไลจาห์จะถูกเธอพรากไป เมดิลีนกำลังจะมาเปลี่ยนโลกของเราให้กลับหัวกลับหาง นี่เราตัดสินใจถูกต้องใช่ไหม หลังจบการประชุมผมรวบรวมเอกสารและกลับไปที่ห้องทำงาน โดยมีมิคาอิเดินตามพลางสรุปผลการประชุมให้ฟังอย่างคร่าว ๆ เมื่อเข้ามาในห้องทำงานแล้วผมก็เดินไปยืนที่หน้าต่าง พลางมองวิวด้านล่างอย่างใช้ความคิด ผมจะอยู่ใกล้เมดิลีนโดยไม่แสดงอาการผิดปกติได้อย่างไร เมื่อตอนอายุสิบสองปี ผมสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับน้าของผม ในขณะที่แม่ก็นั่งอยู่ตรงนั้นและมองดูน้ากระทำสิ่งที่ชั่วร้ายโดยไม่สนใจเลยว่าผมเป็นลูกชายของเธอ มันน่ากลัวมาก และทำให้ผมย่ำแย่! นั่นคือจุดเริ่มต้นฝันร้ายของผม!… ทุกคืนแม่และน้าจะมาหาผมในตอนดึกและบังคับให้มีอะไรกับพวกเธอ โดยอ้างความเชื่อไร้สาระจากบรรพบุรุษว่าการทำแบบนี้จะทำให้ตรงนั้นของผมใหญ่ ‘นรกเอ๊ย!… ผมอยากไปจากครอบครัวเฮงซวยนี้’ มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของผมทุกคืนที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ชีวิตผมวนลูปอยู่กับการไปโรงเรียนและกลับมาบ้านเพื่อให้พวกเธอสมสู่อย่างน่าสะอิดสะเอียน และแล้วชีวิตบัดซบนั้นก็จบลงเมื่อผมเดินสะดุดกับเด็กชายคนหนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ต เขาหล่อ! หล่อมาก! จำได้ว่าตัวเองยืนมองเขาเลือกขนมบนชั้นอยู่อย่างนั้น สะดุดตากับรอยยิ้มเล็ก ๆ เมื่อเขาเจอขนมที่ต้องการ เด็กคนนี้ดูสดใสมีชีวิตชีวาจนผมแทบลืมชีวิตอันแสนมืดมนของตัวเองไปเลย รู้ตัวอีกทีเขาก็ดึงผมออกไปด้านนอก และตรงไปยังสวนสาธารณะ ผมนั่งฟังเขาพูดถึงชีวิตอิสระที่น่าอิจฉาอย่างสนใจและตื่นเต้นไปพร้อมกัน ครอบครัวของเขาเพิ่งไปพักร้อนที่ญี่ปุ่นมา ในขณะที่ผมไม่เคยได้ไปไหนเลยนอกจากบ้านกับโรงเรียน ถ้าผมอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง แม่กับน้าจะยอมไหม!… ผมยกยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงครั้งแรกที่ได้เจอชายคนรัก เอไลจาห์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผม คือคนสำคัญราวกับเป็นอากาศที่ผมขาดไม่ได้ เขาคอยปกป้องดูแลและให้ผมได้ใช้ชีวิตราวกับอยู่ในความฝัน มันสมบูรณ์แบบมาก แน่นอนว่าผมไม่มีทางปล่อยเขาไปให้ใครเด็ดขาด… เพราะเขาเป็นของผม…ของผมคนเดียวเท่านั้น! ........ เมดิลีน Talk: บางทีคนเราก็ต้องการสารที่ทำให้มีความสุข ความสุขที่ทำให้ฉันตื่นเต้นขณะกำลังอาบน้ำ เตรียมเริ่มงานวันแรกกับที่ทำงานแห่งใหม่ หลังจากสัมภาษณ์งานเสร็จ ผ่านไปได้เพียงสองวันต่อมาฉันก็ได้รับอีเมลว่าให้เริ่มงานได้ ฉันกำลังจะได้ทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหารและมีบอสที่หล่อเหลาร้อนแรงถึงสองคน ในโลกแห่งแฟชั่นแบรนด์ดัง ไม่นานฉันก็มาถึงบริษัท เดินผ่านประตูกระจกขนาดใหญ่ไปยังลิฟต์ผู้บริหาร ฉันได้อ่านกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่เข้มงวดมาแล้ว แต่ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรกับกฎเหล่านั้น ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองฉันอย่างสงสัย ทว่าฉันไม่สนใจ ยังคงจ้องมองไปที่บานประตูลิฟต์อย่างใจเย็น ถามว่ากังวลไหม... ไม่เลย! ฉันไม่ได้กังวลอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ตื่นเต้นมากกว่า “ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง แต่นี่คือลิฟต์ส่วนตัวสำหรับผู้บริหารและเลขาฯ ของพวกท่านเท่านั้น คุณต้องใช้ลิฟต์อีกตัวนะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินมาบอกและยิ้มให้เล็กน้อย ยังดีที่เขาสุภาพกับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงมีปัญหาตั้งแต่วันแรก “ใช่ค่ะ ฉันรู้ ฉันเป็นผู้ช่วยผู้บริหารคนใหม่ เพิ่งเริ่มงานวันแรกค่ะ ฉันต้องปฏิบัติตามกฎที่ทางผู้บริหารแจ้งไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้ลิฟต์ผู้บริหาร” ฉันตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร เขามองมาที่ฉันอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรศัพท์หาใครบางคน “ใช่ครับ มีคุณผู้หญิงมายืนรอลิฟต์ผู้บริหารอยู่... ได้ครับ ผมจะปล่อยเธอขึ้นไป” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหันมายิ้มให้ฉันอย่างขอโทษ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงแล้วผายมือให้ฉันตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออก “ผมต้องขอโทษคุณผู้หญิงจริง ๆ ครับ แต่ผมจำเป็นต้องตรวจสอบก่อนเพื่อความปลอดภัย” “ฉันเข้าใจดีค่ะ อย่ากังวลไปเลย” ไม่นานลิฟต์ก็พาฉันขึ้นไปที่ชั้นผู้บริหาร ซึ่งห้ามมิให้พนักงานผู้หญิงขึ้นมา ยอมรับว่ากฎนี้มันรบกวนจิตใจฉันเล็กน้อย เพราะฉันจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำงานอยู่บนชั้นนั้น ไม่กี่นาทีประตูลิฟต์ก็เปิดกว้าง เผยให้เห็นผนังสีเข้มหรูหราของชั้นผู้บริหาร ฉันเดินออกไปและมองสำรวจรอบ ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ ทั้งหรูหราและกว้างขวางราวกับอยู่ในโรงแรมหกดาว ทางขวาของลิฟต์เป็นเลานจ์รับรอง มีโซฟาราคาแพงเข้าชุดขนาดใหญ่สีเทาตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ พร้อมโต๊ะกาแฟและที่วางแก้วสวยงามอยู่ข้าง ๆ ฉันเดินไปยังแผนกต้อนรับส่วนหน้าซึ่งเป็นเคาน์เตอร์หินอ่อนสีดำ ตกแต่งบนผนังด้านหลังด้วยโลโก้ JE สีทอง ฉันมองไปยังห้องโถงที่มีประตูห้องทำงานสองห้อง ซึ่งมีชื่อของผู้บริหารทั้งสองแปะไว้อย่างชัดเจนด้วยตัวอักษรหรูหรา ด้านขวามือเป็นห้องทำงานของเจ้านายจอมบึ้ง ส่วนอีกห้องเป็นของเจ้านายใจดีดูเป็นมิตร ที่คอยถามคำถามฉันตอนสัมภาษณ์งาน ตรงข้ามกับห้องของเจ้านายขี้โมโหมีประตูอีกบานหนึ่ง น่าจะเป็นห้องทำงานใหม่ของฉัน... ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงที่ไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานจะได้งานในบริษัทใหญ่โตแห่งนี้ หลังสำรวจพื้นที่ในชั้นนี้คร่าว ๆ ฉันก็เดินกลับไปนั่งที่เลานจ์ ฉันมาเร็วเกินไปหน่อย แต่มันน่าจะดีกว่ามาช้าในวันแรกของการทำงาน ฉันเหลือบมองดูนาฬิกาซึ่งบอกว่ายังเหลือเวลาอยู่กับตัวเองอีกประมาณสิบนาที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม