โจนาธาน Talk:
ผมเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่โดนคนรักหักหลัง!
คนรักกันต้องพูดคุยกันก่อนจะตัดสินใจอะไรใช่ไหม โดยเฉพาะคู่ที่แต่งงานกันแล้วอย่างผมกับเอไลจาห์
แต่เขากลับตัดสินใจเชิญผู้หญิงคนนั้นมาสัมภาษณ์ในตำแหน่งผู้ช่วยของเราโดยไม่ถามกันสักผม ใช่ ผมโกรธ! โกรธมาก! เขาก็รู้ดีว่าผมจะเป็นอย่างไรถ้ามีผู้หญิงอยู่รอบ ๆ ตัว ทำไมถึงไม่คำนึงถึงเรื่องนี้เลย
ผมเดินออกจากลิฟต์กำลังจะไปที่รถ แต่แล้วเสียงของมิคาอิก็หยุดผมไว้ก่อน
“ท่านครับ?” มิคาอิวิ่งมาข้างหน้าผมก่อนส่งแท็บเล็ตให้
ผมรับมันมาด้วยความงงงวย ขมวดคิ้วและคลายมันออก ขณะมองภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองมาด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง บวกกับใบหน้าได้รูปนั้นสวยมากจนเกือบกระชากลมหายใจของผมไป
“ผมไม่แน่ใจว่าท่านมาร์ติเนซบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือยัง แต่ผมอยากแนะนำจริง ๆ ครับว่าเราควรให้โอกาสมิสโลเปซ เธอคือคนที่เราต้องการในช่วงที่กำลังวิกฤตนี้ ผมเชื่อว่าเธอจะช่วยเราได้มากแน่นอนครับ”
ผมฟังมิคาอิแต่ไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ ตอบกลับไป รู้ดีว่าอีกฝ่ายทำตามสัญชาตญาณ และมองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง
ผมเลื่อนสายตาลงมาอ่าน CV ของเธอสองสามบรรทัด และก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเธอไม่มีประสบการณ์ในการจัดการงานด้านผู้บริหารมาก่อน ทว่ากลับเขียนประวัติแนะนำตัวอย่างเป็นมืออาชีพ ให้ตายเถอะ… ดูเหมือนเธอจะรู้ดีว่าตัวเองเกิดมาเพื่อทำงานนี้
ความโกรธพลันหายวับไปทันที บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ดึงดูดผมเข้าอย่างจัง รับรู้ได้เลยว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น เมดิลีนคงไม่ทำให้ผมเกลียดเธอหรอก เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงพยักหน้าเล็ก ๆ ให้มิคาอิก่อนจะคืนแท็บเล็ตให้เขา
“ฝากบอกเอไลจาห์ทีว่าผมอาจจะกลับบ้านช้าสักหน่อย” พูดจบผมก็เดินไปที่รถโดยมีมิคาอิเดินตามมาเพื่อเปิดประตูให้
ผู้ชายคนนี้รู้ดีว่าควรทำอะไรบ้าง เขาเป็นคนทำงานเก่งคนหนึ่ง อีกทั้งยังซื่อสัตย์และตรงต่อเวลา ไม่แปลกที่ผมจะชื่นชมเขา
ผมสตาร์ตรถก่อนจะขับออกไปจากตึกอย่างรวดเร็ว โดยที่ยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง ผมขับไปตามทางปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปยังผู้หญิงที่น่าสนใจคนนั้น
ความโกรธที่มีต่อเอไลจาห์นั้นจางหายไปหมดแล้ว ผมรู้ว่าเขารักผมมาก ชนิดที่สามารถตายแทนได้ แต่จะดีกว่านี้ถ้าเขาบอกผมก่อน
เซนส์ผมบอกว่าเธอแตกต่างออกไป... แต่ต่างอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน
ยี่สิบห้านาทีต่อมาผมก็มาจอดรถอยู่ด้านข้างของประตูโรงงานร้างแห่งหนึ่ง แล้วคิดย้อนกลับไปตอนที่เอไลจาห์คุกเข่าลงตรงหน้าและสารภาพในสิ่งที่เขาทำ
ผมรักเขามากจริง ๆ
ผมลูบหน้าและคลึงต้นคอที่ตึงเครียดสะสมมาทั้งวัน สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาเรียกว่านรกแตกสำหรับพวกเรา จนไม่มีเวลาได้กอดกัน รวมถึงไม่มีเวลาให้กับตัวเองด้วย ต้องต่อสู้กับความเสียหายที่ผู้ช่วยคนก่อนหน้าก่อไว้
โชคดีที่เอไลจาห์ห้ามผมไว้ ไม่อย่างนั้นไอ้สารเลวนั่นคงโดนผมฆ่าตายไปแล้ว หลังจับได้ว่ามันกล้ายุ่งกับไฟล์งานลับของเรา
ทันใดนั้นผมก็ตื่นจากภวังค์หลังโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นครืด ๆ เมื่อหยิบมันออกมาก็เห็นสิบแปดสายที่ไม่ได้รับและสิบสามข้อความจากเอไลจาห์
ผมหัวเราะเบา ๆ เขาคงรู้สึกแย่มากที่จู่ ๆ ผมก็หนีออกมาโดยไม่ได้พูดอะไร และยังไม่ยอมรับสายอีก