เอไลจาห์ Talk:
ผมกระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างในห้องทำงาน วันนี้เป็นวันวุ่นวายนรกแตก เนื่องจากผู้ช่วยส่วนตัวแอบขายไฟล์ลับของบริษัทเรา
เมื่อคืนนี้ผมโกรธมากตอนพบว่าเขาขายไฟล์ให้สื่อเพราะต้องการเงินไปจ่ายหนี้การพนัน และโจนาธานยังเกือบพลั้งมือฆ่าผู้ช่วยคนนั้นไปแล้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในบริษัทต้องทำงานกันตลอดทั้งคืน เพื่อควบคุมความเสียหายที่ไอ้ผู้ช่วยสารเลวนั่นทำไว้
หุ้นของเราร่วงในทันที และเรายังสูญเสียเงินอีกสี่ล้านปอนด์เพื่อปิดข่าวที่กำลังแพร่กระจายอยู่ตอนนี้ นึกแล้วอยากจะฆ่าไอ้สารเลวนั่นจริง ๆ แต่ให้มันไปนอนอยู่ในคุกคงดีกว่า
“ท่านครับ?” ผมตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเลขาฯ ก่อนจะถามกลับไปโดยไม่หันไปมอง “มีอะไรมิคาอิ“ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเมินอีกฝ่ายหรอก แต่เวลานี้ผมกำลังพยายามจัดการกับอารมณ์ตัวเองอยู่ และคนเดียวที่จะเข้าถึงผมได้ในตอนนี้มีแค่โจนาธานเท่านั้น
“นี่รายชื่อของผู้สมัครตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ครับ เป็นผู้ชายห้าคน และผู้หญิงหนึ่งคน” มิคาอิกระซิบประโยคสุดท้ายราวกับว่ากลัวผมจะโกรธ อีกฝ่ายรู้ดีว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนได้ทำงานบนชั้นนี้
นั่นเป็นเพราะโจนาธานไม่ชอบอยู่ใกล้ผู้หญิง ด้วยรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้น ผมจึงหันไปมองหน้ามิคาอิแล้วเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“นายรู้ใช่ไหมมิคาอิว่าต้องจัดการอย่างไร... หรือนายไม่รู้?”
“ผมทราบครับท่าน! ผมถึงคิดว่าท่านควรได้ดูสิ่งนี้ก่อน เพราะผู้สมัครที่เป็นผู้ชายทั้งห้าคนนั้นไม่มีใครเหมาะกับงานนี้เลย แม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์มากก็ตาม แต่ผู้หญิงคนนี้...“ มิคาอิหยุดสักพัก ก่อนจะพูดต่อว่า “ผมเชื่อว่าเธอจะสามารถช่วยเราให้ผ่านวิกฤตที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ได้ครับ”
ผมจ้องมองมิคาอิแล้วยื่นมือออกไปรับแท็บเล็ตจากอีกฝ่าย ก่อนจะเริ่มอ่านสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้
ผู้สมัครคนที่ 1: มีประสบการณ์ 7 ปี ผมเป็นคนทำงานหนัก ตั้งใจ มุ่งมั่น บลา! บลา!…
ผู้สมัครคนที่ 2: ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง…
ผู้สมัครคนที่ 3: ผมทำงานด้านการบริหารจัดการมาเป็นเวลานาน และผมรับประกันได้เลยว่า ...
ผมข้ามผู้ชายอีกสองคนก่อนจะคลิกไปดูผู้สมัครผู้หญิงคนสุดท้าย ดวงตาสีฟ้าจ้องมองมาที่ผม มีบางอย่างที่ทำให้ผมสะดุดตา ผมอ่านคุณสมบัติของเธอก่อนจะปิดแท็บเล็ต
“เรียกตัวเธอมาสัมภาษณ์” ผมส่งแท็บเล็ตคืนให้มิคาอิ
เขาเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนจะรีบออกจากห้องทำงานของไป
ผมสงสัยว่าโจนาธานจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ จึงรีบไปหาเขาที่อยู่ในห้องติดกัน ผมเข้าไปโดยไม่ได้เคาะประตู และพบว่าคนของผมนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน กำลังเคร่งเครียดกับหน้าจอสี่เหลี่ยม
เขาดูหล่อมากขึ้นเวลาอยู่ในโหมดจริงจังแบบนี้ ให้ตายสิ!… เขาเป็นคนจริงจังเสมอเลย ส่วนอ่อนไหวของผมเริ่มขยายตัว เมื่อนึกว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรเวลาถูกผมสอดใส่เข้าไปในก้นบนโต๊ะนั้น
“ผมรู้นะว่าคุณกำลังจ้องผมอยู่!” โจนาธานพูดโดยไม่มองมาทางผม ยังคงกดแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
ผมหัวเราะเบา ๆ และเดินไปหาเขา ก่อนจะดึงเก้าอี้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้เพื่อดึงความสนใจ
ดวงตาสีเฮเซลจ้องมองมา โจนาธานดูดีมากเมื่อมีแสงอาทิตย์ยามห้าโมงเย็นสาดส่องผ่านกระจกใสเข้ามากระทบกับใบหน้าเหล่อเหลานั้น ผมจูบจมูกโด่งของอีกฝ่ายก่อนจะคุกเข่าลง
“ผมเพิ่งตัดสินใจบางอย่างไป และมันอาจทำให้คุณเกลียดผม” ผมสารภาพ ทันใดนั้นก็รู้สึกใจหวิวขึ้นมา หวังว่าสถานการณ์จะไม่เลวร้ายจนเกินไปหรอกนะ
“คุณทำอะไรลงไปงั้นเหรอ” โจนาธานถามพร้อมขมวดคิ้ว ผมจึงเอื้อมมือไปลูบไล้หน้าผากเขาเบา ๆ ส่งผลให้อีกฝ่ายผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว และหันมาจูบข้อมือผม พระเจ้า! ผมหลงเขาจนไม่รู้จะหลงอย่างไรแล้ว
“คุณก็รู้ว่าเราอยากได้ผู้ช่วยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ใช่ไหม” ผมวางมือลงบนตักเขา
“ใช่ ทำไมเหรอ”
“ไม่มีผู้สมัครคนไหนเหมาะสมเลย เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงของเราตอนนี้... แต่ผมพบใครบางคนที่เหมาะกับงานของเรามาก” ผมบอกขณะที่ฝ่ามือเริ่มมีเหงื่อซึม
“ดีเลย งั้นตอนนี้ปัญหาของเราก็แก้ไปได้อีกหนึ่งเรื่อง” โจนาธานว่าพร้อมลูบมือผม
“แต่เธอเป็นผู้หญิง!”
คนตรงหน้าตัวเกร็งขึ้นมาทันที ผมกลั้นลมหายใจรอให้เขาตะโกนใส่ แต่กลับผิดคาด เขาเพียงจ้องมองผมเงียบ ๆ ไม่กี่วินาที ก่อนจะยืนขึ้นและออกจากห้องทำงานไปทันที
ผมยังคงคุกเข่าอยู่อย่างนั้น รู้ดีว่าตัวเองทำเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหน แม้รู้ว่าโจนาธานเข้ากับผู้หญิงไม่ได้ แต่ผมก็ยังตัดสินใจแบบนี้
กระนั้นผมจะไม่ยอมสูญเสียคนรักเพียงเพื่อผู้หญิงที่จะมาสัมภาษณ์งานอย่างแน่นอน
ผมลุกขึ้นแล้วตรงไปหามิคาอิ ทว่าโชคไม่เข้าข้างเพราะเขาไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงาน ผมจึงดึงโทรศัพท์ออกมาโทร.หา แต่เขาก็ดันไม่รับสาย… บ้าจริง!