สายลมภายนอกเริ่มพัดแรง อากาศเริ่มแปรปรวน วันนี้มันก็ร้อนทั้งวัน ลมเย็น ๆ พัดเข้ามาทางหน้าต่าง หอบเอากลิ่นดินกลิ่นหญ้าเข้ามาด้วย แล้วยังพัดเอาเศษใบไม้ใบหญ้าเข้ามาในห้องอีก เธอหันไปมองหน้าต่าง ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีดูมืดลง และมันมีเมฆจับตัวกันเป็นก้อนทะมึน
เปรี๊ยะ... แสงสว่างจ้าวาบเข้ามา เธอรีบหลับตาปี๋
เปรี้ยง... ตามมาด้วยเสียงฟ้าลั่นเปรี้ยงปร้างขึ้น กุหลาบแก้วถึงกับสะดุ้งสุดตัว คู้ขาขึ้นมากอดโดยอัตโนมัติ พยายามจะใช้มือปิดหู แต่ก็ทำไม่ได้
เปรี๊ยะ... เปรี้ยง...
“กรี๊ด...” เธอกรีดร้องด้วยเสียงอันดัง เพราะฟ้าที่เลื่อนลั่นเป็นสิ่งที่หญิงสาวกลัวที่สุด และยิ่งอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ และยังตกอยู่ในสภาพแบบนี้อีก มันยิ่งน่าขลาดกลัวนัก
สายฝนเริ่มหล่นเทลงมาจากฟากฟ้าอย่างหนาแน่น เม็ดฝนเม็ดใหญ่ ๆ มาพร้อมกับสายลมแรง ๆ ที่กระโชกหอบเอาเม็ดฝนที่โปรยปรายเข้ามาทางหน้าต่างบานนั้น สายฝนกระทบตัวเธอ หญิงสาวหันหน้าออกไปมองด้านนอก ต้นไม้ที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ กระท่อมสั่นไหวส่งเสียงดัง กิ่งไม้ลู่ตามลมลั่นเลื่อน
“เป็นอะไร!” กัมปนาทวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนถาม เขาตกใจที่ได้ยินเสียงเธอร้องดัง
ปัง...
บานหน้าต่างถูกแรงลมกระแทกจนไม้ที่ค้ำเอาไว้อยู่ร่วงเข้ามาด้านใน เกือบโดนใบหน้าของกุหลาบแก้วที่กำลังนั่งขดตัวคู้อยู่ใกล้ ๆ
เปรี้ยง... เปรี๊ยะ... แสงสว่างวาบมาก่อนเสียงของสายฟ้าที่ฟาดลงไปกับต้นไม้ใหญ่ในป่าแห่งนี้ กระท่อมเล็กไหวโยกไปตามแรงลมเจ้าพายุที่กำลังเหมือนโมโหโกรธาใครสักคนหนึ่ง และต้องการทำลายล้างสิ่งที่ขวางกั้นให้แตกหักพังไป
“กรี๊ด...” เธอกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง หน้าซีดตัวสั่นไปหมด
“จะร้องกรี๊ดทำไม กรมอุตุว่าพายุจะเข้าวันนี้”
เขารีบเดินไปเก็บไม้ค้ำหน้าต่างวางไว้ชิดขอบฝา ปิดหน้าต่างลงกลอนให้สนิท หันมามองหญิงสาวตอนนี้เธอนั่งสั่นเป็นลูกนก
“ก็มันน่ากลัว” เธอบอกเขาออกไปด้วยอาการสั่นเทิ้ม
“คุณคะช่วยแก้มัดให้ฉันหน่อยเถอะ ฉันเมื่อยมาก”
หญิงสาวส่งสายตาอ้อนวอน นัยน์ตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
แวบนั้นเขานึกสงสาร แต่ก็แค่แวบเดียวในความคิดของเขา
‘ผู้หญิงคนนี้ทำให้พ่อต้องตาย มันว่าความจนชนะ แล้วทำให้พ่อแพ้คดี อย่าไปใจอ่อน’ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัว
เขาทำไม่สนใจ รีบเปิดประตูและเอาเครื่องนอนเข้ามาในห้อง ถ้าขืนวางไว้ข้างนอกมีหวังเปียกน้ำฝนหมดแน่ ๆ
หญิงสาวมองตามการกระทำของเขา กัมปนาทเดินไปที่โคมไฟพร้อมกับเชื่อมสายของมันเข้ากับแบตเตอรี่ที่เตรียมเอาไว้ ไฟแสงสลัวสว่างขึ้น ก็พอจะทำให้เห็นอะไรในห้องนี้ชัดได้บ้าง
“คุณคะ ฉันเมื่อยจริง ๆ นะคะ ทั้งเชือกและเหล็กนี่มันทำให้ตัวฉันเจ็บไปหมดแล้ว” เธอทำท่ายกแขนให้เขาดู เขาเดินเข้าไปหาหญิงสาว ก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ กุหลาบแก้วคลี่ยิ้มส่งมาให้เขา เธอยกมือให้เขาดูและชี้ไปที่ข้อเท้าที่มีเหล็กหนัก ๆ พันธนาการทำให้ข้อเท้าของเธอแดง แรงเสียดสีทำให้เกิดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมา
กัมปนาทไม่สนใจว่าเธอจะร้องขออะไร ท่าทีของเขาไม่ยี่หระ สายตาที่มองสบกับเธอมองแบบสะใจ เธอเริ่มร้องไห้กระซิก ๆ ขบเม้มริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้น แค้นใจที่เขาไม่ยอมแก้มัดให้ เห็นเธอเป็นทาสหรืออย่างไร
“ฝนตกฟ้าลั่นขนาดนี้ ฉันหนีคุณไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่าง ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนด้วย คุณขา คุณช่วยแกะแก้มัดให้ฉันเถอะ” น้ำเสียงช่างอ้อนวอน
“เจ็บแค่นี้มันไม่ทำให้เธอตายหรอกน่า เธอทำให้คนอื่นเขาเจ็บยิ่งกว่านี้อีก ฉันอยากจะให้เธอได้ลิ้มรสความเจ็บปวดว่ามันทรมานแค่ไหน”
“ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันรู้แล้ว วันนี้ทั้งวันฉันทรมานมาก ๆ ฉันรู้แล้ว” เธอยังคงร้องไห้
“มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ คนที่เธอทำเขาเจ็บคนนั้น เขาได้ตายไปแล้ว” เขาตะคอกใส่หน้า
เปรี้ยง...
ฟ้าผ่าลงใกล้ ๆ แต่ไม่รู้ที่ไหน หญิงสาวกลัวสุดขีดผวาเข้าไปหาเขาทั้งตัว เนื้อตัวของเธอสั่นเทาพยายามซุกหาเขาเป็นที่พึ่ง เขาผลักเธอออกอย่างรังเกียจ
“โอ๊ย...” ร่างเล็กเซลงไปกระแทกกับฝาบ้าน เนื้อไม้ไผ่บาดเนื้อหลังบาง ๆ ของเธอนั้น
ฉึบ... ทั้งเจ็บทั้งแสบ กุหลาบแก้วโกรธ เธอพยายามยกสองมือที่ถูกพันธนาการทุบตีเขา กัมปนาทรวบรัดข้อมือของเธอเอาไว้แน่น หญิงสาวได้แต่จ้องหน้าของเขาด้วยความเคียดแค้น จึงแสดงมันออกมาทางคำพูด
“คุณมันบ้าไปแล้วแน่ ๆ คุณมีสิทธิ์อะไรจับฉันมาขังแบบนี้ ไอ้คนเลว มาทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันเป็นคนนะ มีเลือด มีเนื้อ มีชีวิต แบบนี้มันกักขังหน่วงเหนี่ยวและทรมานกันชัด ๆ นายต้องการอะไร นายก็พูดออกมาสิ”
“นี่ไง นี่เธอยังจะบังอาจมาตีฉันอีก ขนาดโดนแบบนี้แล้วยังฤทธิ์เยอะ”
“ฉันเป็นคนนะ ฉันมีความรู้สึกนะ ตอนนี้ฉันทั้งหิวน้ำ ทั้งหิวข้าว นายรู้ไหม”
“ฮา... เธอได้รับรู้ถึงความลำบากของคนอื่นแล้วสิ คิดดูสิ ครอบครัวไหนบ้างที่พ่อของเธอ และเธอทำให้ล้มละลาย ไม่มีแม้แต่บ้านจะซุกหัวนอน และไม่มีเงินแม้กระทั่งจะซื้อข้าวกิน หนีซมซาน จนเป็นบ้า ใครมันเลวกว่ากัน”
“แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงว่าฉันไปทำอะไรให้ครอบครัวคุณตอนไหน คุณบอกมาสิ เผื่อฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“เหรอ... มันน่าสมเพชจริง ๆ คุณทนาย เกิดจะมาสำนึกเอาตอนนี้”
เขาหัวเราะหยัน ๆ มองหน้าของกุหลาบแก้วด้วยความสะใจ
“คุณกุหลาบแก้ว จักราวุธ ผมจะไล่เลียงให้ฟังนะว่ามีใครบ้าง ที่พวกคุณทำให้พวกเขาป่นปี้ฉิบหายและอยู่แบบไร้ศักดิ์ศรี ตระกูลเฟื้องระย้า บ้านอัษฎา บริษัทเครือหล่มสักทอง แล้วก็อีกเยอะแยะ ที่ต่างพ่ายแพ้ต่อคุณและพ่อของคุณ จนเป็นบุคคลล้มละลาย”
“มันเป็นเรื่องของธุรกิจทั้งนั้น” เธอเถียงขาดใจ
“ธุรกิจหน้าเลือดไร้ความปรานีน่ะสิ เพื่อนที่ไหนเขาฆ่าเพื่อนกันได้ลงคอ แสดงว่าพวกคุณมันไม่เคยคิดที่จะดูดำดูดีหรือเห็นใจพวกนั้นจริง ๆ เลยละสิ ที่น่าอดสูใจที่สุดตอนไหนรู้ไหม หลังจากที่พวกคุณทำให้พวกเขาตกต่ำสุด ๆ ก็ยังตามไล่บี้พวกนั้นกระทั่งจนตรอก หาทางออกไม่เจอ ต้องจำนนกับทุกอย่าง ยอมสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรเลย แล้วพวกเธอยังนั่งนอนเสวยสุขท่ามกลางเสียงสาปแช่งของผู้คนได้อย่างหน้าชื่นตาบาน อิ่มเอมมากสินะคุณทนาย”