เช้าวันนี้อากาศช่างโปร่งใสยิ่งนักเหมาะแก่การเดินป่าหาสมุนไพร หม่าเหยียนเฟยที่ตอนนี้เสร็จจากการเตรียมส่วนผสมสำหรับทำสมุนไพรชนิดต่างๆจึงผัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่รัดกุมทะมัดทะแมงเตรียมตัวออกเดินทางเข้าป่าอีกครั้ง หยิบสัมภาระต่างๆที่จำเป็นขึ้นคาดเอวแล้วมุ่งหน้าออกจากบ้าน วันนี้เป็นวันที่ไม่ต้องไปหาลูกค้าที่หอนางโลมนางจึงให้เด็กสาวกับผู้ช่วยทั้งสองได้หยุดพัก คาดว่าป่านนี้ก็คงจะพากันไปเดินเล่นในตลาดที่มักจะครึกครื้นในช่วงใกล้เที่ยงเช่นนี้
ส่วนฝางฮูหยินก็ออกไปสวดมนต์ตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับก็คงช่วงบ่าย ดังนั้นนางจึงเข้าป่าหาสมุนไพรเพียงผู้เดียว ร่างเล็กเดินไปตามทางที่เริ่มชินจากการที่เข้ามาเป็นประจำ พลางกวาดสายตาเสาะหาสมุนไพรที่ต้องการ วันนี้นางตั้งใจจะเดินลึกเข้าไปถึงป่าด้านในที่ยังไม่เคยเข้าไปสำรวจ หญิงสาวลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เริ่มแปลกตาขึ้นแต่ก็ยังคงความเขียวฉอุ่มและอุดมสมบูรณ์ เดินลึกเข้าไปจนรู้สึกเหนื่อยจึงตั้งใจหาที่นั่งพัก แต่กลับได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดังมาจากอีกฝั่ง
นางค่อยๆย่องไปยังทิศทางที่มาของเสียง ก่อนจะก้มหลบตรงพุ่มไม้กอใหญ่ เมื่อมองไปเห็นชายสองคนกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด โดยชายชุดดำกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบถูกชายที่สวมชุดขาวล้วนที่ค่อนข้างจะเปรอะเปลื้อนลุกไล่อย่างรุนแรง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้หมายชีวิตจึงทำให้ชายชุดดำยังคงต่อสู้ได้อย่างทุลักทุเล
เหตุการณ์เป็นไปอย่างดุเดือด หม่าเหลียนเฟยจึงตัดสินใจที่จะหลบออกไปจากสถานการณ์นี้ที่ตนนั้นก็ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นคนดีและฝ่ายไหนเป็นคนร้าย เพราะหากถูกพบเห็นเข้าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตก็ได้ หญิงสาวถอยหลังแต่ด้วยอารามรีบร้อนจึงทำให้สะดุดล้มลงจนเกิดเสียง เป็นเหตุให้ชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันอยู่หยุดชะงักก่อนจะพากันหันมามองยังต้นตอของเสียง และจังหวะนี้เองทำให้ชายชุดดำที่กำลังเพลี่ยงพล้ำฉวยโอกาสซัดผงบางอย่างใส่ชายอีกคน เป็นเหตุให้ชายหนุ่มผู้นั้นต้องผละถอยออกห่าง ทำให้อีกฝ่ายได้โอกาสนี้กระโดดมาทางนางที่กำลังนั่งตกตะลึงอยู่ ชายชุดดำเอาดาบพาดคอนางทันควันพร้อมหันไปมองทางชายอีกคนที่ใช้ดาบยันพื้นพยุงร่างกายไม่ให้ล้มลง
”หยุดอยู่ตรงนั้นนะ หากเจ้าก้าวเข้ามาแม้เพียงก้าวเดียวข้าจะบั่นคอนังนี่ทิ้งแน่“ ชายชุดดำที่เลือดโทรมกายจากฝีมืออันร้ายกาจขององครักษ์หนุ่มจวนอ๋องสาม หวังยื้อเวลาต่อลมหายให้ตัวเอง มันรู้ดีว่า ชายหนุ่มตรงหน้ามีฝีมือดีกว่ามันมากนัก หากไม่ได้โอกาสสาดยาพิษเล่นลูกไม้ มีหรือที่มันจะไม่ถูกอีกฝ่ายจับกุมตัวได้
ชายหนุ่มชุดขาวที่เริ่มทรุดตัวลงกับพื้น แต่ยังพยายามฝืนร่างกายที่เริ่มอ่อนแรงลงจากฤทธิ์ของยาที่ถูกสาดเข้ามาถูกตัวเพียงนิด แต่เหมือนมีไฟลุกใหม้ทั้งแสบร้อนในบริเวณผิวหนังที่ต้องฤทธิ์ยา มีเพียงดวงตาคมกริบคู่นั้นที่ยังไม่ละไปจากต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องชะงักและกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบที่กำลังโดนดาบพาดคออยู่ ดูท่าว่าน่าจะเป็นหญิงสาวชาวบ้านที่เข้าป่ามาหาสมุนไพรเป็นแน่ แต่น่าจะดีกว่านี้หากนางไม่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องพิษและกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
”ปล่อยคน แล้วเรามาสู้กันอย่างลูกผู้ชายดีกว่า นางไม่เกี่ยวอะไรด้วย“ ชายหนุ่มพยายามสะกดกลั้นความเจ็บ พูดเสียงลอดไรฟัน
“ฮะฮะๆ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะโง่สู้ต่อ แม้ฝีมือของเจ้าจะร้ายกาจกว่าข้ามากนัก แต่ตอนนี้เจ้าถูกผงพิษของข้าแล้ว อีกไม่ถึงครึ่งเสี้ยวชั่วยาม(15นาที)หากไม่ได้ยาแก้ เจ้าจะต้องอ่อนแรงลงเรื่อยๆจนกระทั่งแม้แต่แรงที่จะหายใจก็ยังไม่มี ข้าจะเสียเวลาสู้ต่อทำไมให้เหนื่อยแรง มิสู้คอยอีกนิดข้าก็จะตัดหัวเจ้าไปให้นายของข้าชมได้อย่างง่ายๆ มิต้องเปลืองแรงไม่ดีกว่ารึ ฮะฮะๆโอ้ยยย!!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากปากชายชุดดำ โดยที่ไม่ทันระวังตัว หญิงชาวบ้านที่มันคิดว่าไร้พิษสง กลับใช้มีดพกเล่มเล็กที่นางฉวยโอกาสตอนที่มันเผลอพูดโต้ตอบกับองครักษ์หนุ่ม แทงลงบนหน้าขาพร้อมทั้งสาดผงบางอย่างตรงไปที่ใบหน้าของมัน
เพียงผงประหลาดสาดโดนร่างกายและใบหน้าก็ทำให้มันรู้สึกคัน ทั้งปวดแสบปวดร้อนจนมันต้องทิ้งดาบและทิ้งกายลงบนพื้นดินพร้อมทั้งเริ่มเกาอย่างหนักหน่วง จนร่างกายที่มีบาดแผลจากการต่อสู้ยิ่งฉีกขาดเลือดสดๆยิ่งไหลคละคลุ้งไปทั่วร่างกาย
หม่าเหลียนเฟยหอบร่างกายที่สั่นสะท้านน้อยๆถอยออกห่างจากเจ้าคนชุดดำที่ตอนนี้นางเริ่มแน่ใจแล้วว่า น่าจะเป็นคนร้ายมากกว่าคนดี หญิงสาวมองพลางขยับกายหนีไปทางชายหนุ่มอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งตะลึงมองนางนิ่งๆอยู่ และเมื่อเห็นนางขยับกายเข้าใกล้ ชายหนุ่มผู้นั้นยังยกดาบขึ้นชี้หน้านางทั้งที่ดูแล้วไม่น่าจะเหลือเรี่ยวแรงทำสิ่งใดได้เสียด้วยซ้ำ
“ให้ข้าดูแผลท่านหน่อยเถิด ข้ามีสมุนไพรหลายชนิดที่อาจจะช่วยท่านได้” นางว่าพลางชูมือขึ้นเหนือศีรษะทั้งสองข้างเป็นสัญลักษณ์ว่านางไร้อาวุธที่อาจทำอันตรายแก่เขาได้
”หวังว่าคงจะไม่ใช่ชนิดเดียวกันกับที่สาดใส่ชายผู้นั้นหรอกนะ”ชายหนุ่มพูดพลางยกยิ้มน้อยๆจนเห็นลักยิ้มมุมปาก
*…*