“เฮียรู้ได้ไงว่านิมจะท้อง”
“กูไม่โง่เหมือนมึง”
“เฮียว่านิมโง่อีกแล้วนะ ไม่เบื่อบ้างหรือไง คิดว่าด่าทุกวันแล้วนิมจะฉลาดขึ้นไหม?”
“มึงไม่ต้องมาฉลาดกับกูหรอก ทำตัวโง่ ๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว” มือหนาวางแปะบนศีรษะเล็กอย่างเอ็นดูพลางโยกไปมาเบา ๆ
“นิมไม่ท้องหรอก”
“น้ำเชื้อกูแรงจะตายไป ป่านนี้คงก่อตัวเป็นก้อนเลือดอยู่ในมดลูกมึงแล้วมั้ง มึงทำใจยอมรับชะตากรรมซะเถอะ ยังไงก็หนีกูไม่พ้น” เสียงเข้มกลั้วหัวเราะราวกับผู้ชนะ ทำเอาคนฟังอย่างนิมมานเกิดอาการหมั่นไส้อีกครั้งเอื้อมมือไปหยิกท่อนแขนล่ำ ๆ ทีหนึ่ง “กล้าทำร้ายกูเหรอ ไอ้เด็กมะลิ!”
“หนังหนาขนาดนี้ไม่รู้สึกเจ็บไม่รู้สึกคันหรอก อีกอย่างเมื่อกี้เฮียก็พูดจาน่าเกลียดด้วย ไม่น่าฟังเลย”
“ไม่น่าฟังแล้วไง กูพูดเรื่องจริง ตอนนี้ในท้องมึงมีลูกกูอยู่แน่ กูมั่นใจเพราะกูตั้งใจทำ” ไตรวิชญ์โน้มหน้าลงมามองท้องน้อยของนิมมานที่ยังแบนอยู่ แต่ไม่มีทางที่มันจะว่างเปล่าเด็ดขาด
หากคำนวณจากหลาย ๆ อย่างร่างกายเด็กนี่ก็น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ นี้
อุ้งมือใหญ่วางทาบลงไปแผ่วเบา ความอบอุ่นส่งผ่านมายังท้องของนิมมาน ดวงตาดำขลับเบิกกว้างเล็กน้อย ริมฝีปากขยับยิ้มกว้างขึ้นรู้สึกดีมาก ๆ กับสัมผัสอ่อนโยนจากคนพี่ ไตรวิชญ์อาจน่ากลัวในบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้ไร้เหตุผลทั้งหมด ส่วนตอนแรกน่ะร้ายสุด ๆ จนไม่อยากเข้าใกล้เลยเชียว ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาสองคนจะเข้ากันได้ดีอย่างนี้ เป็นเรื่องที่
น่าเหลือเชื่อมาก ๆ เลย
“แต่ยังไม่เห็นมีอาการอะไรเลย บางทีอาจจะไม่ท้องก็ได้”
“ไม่อยากมีลูก?”
“...เปล่าสักหน่อย”
“โกหกไม่เนียน มึงกังวลเรื่องที่เด็กคนนี้จะเกิดมาเป็นอัลฟ่าหรือ
โอเมก้าใช่ไหม”
เหมือนมานั่งอยู่กลางใจนิมมาน ไตรวิชญ์รับรู้ถึงความกังวลของ
โอเมก้าน้อยในอ้อมแขนชัดเจน กลิ่นที่ส่งผ่านมาตามรอยพันธะมีทั้งความกลัว ความไม่สบายใจ และหวาดระแวง ราวกับสัตว์ตัวเล็กที่ความรู้สึกไวต่อภัยคุกคาม มันจึงพยายามหลบซ่อนตัวให้หายไปจากสายตาของทุกคน ไม่ทำตัวเด่นให้เป็นจุดสนใจ
แต่วันนี้กลับถูกเขาทำลายแผนการไม่มีเหลือ แล้วยังจงใจเปิดเผยสถานะพิเศษให้ทุกคนได้รู้จักอีก เด็กนี่ก็เลยทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมขี้ระแวง จนเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอันธพาลร้ายชั่วช้าคอยกลั่นแกล้งเด็กดีอย่างมัน
“ก็ถ้าเป็นโอเมก้า…” เสียงหวานหยุดลงด้วยใบหน้าเคร่งเครียดคิดไม่ตก เรื่องนี้ไม่มีใครกำหนดได้ มีแต่ต้องพึ่งโชคชะตาของตัวเด็กคนนี้เองว่าจะเลือกให้อยู่ฝั่งไหน
“มึงอย่าเพิ่งคิดไกลเกินไป จะโอเมก้าหรืออัลฟ่าแล้วมันต่างกันยังไง ไม่ใช่ลูกของกูกับมึงเหรอ”
“เฮียไม่เกลียดโอเมก้า?” นัยน์ตาเรียวสวยฉายแววสงสัยรู้สึกลุ้นระทึกและคาดหวังในคำตอบของคนพี่อย่างบอกไม่ถูก
นี่เป็นครั้งแรกที่อัลฟ่าหน้าดุยอมเปิดใจคุยกับเขาตรงๆ อยากจะรู้จริง ๆ ว่าคนคนนี้มีทัศนคติในเรื่องเพศสภาพรองยังไง
“พวกมันไม่ได้มาทำอะไรกู แล้วทำไมกูจะต้องเกลียดพวกมัน อาจมีบ้างที่ไม่ชอบใจไม่อยากอยู่ใกล้ แต่ก็ไม่ได้ความรังเกียจจนถึงขั้นที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ มึงก็รู้ว่าไม่ใช่โอเมก้าทุกคนจะซื่อบื้อเหมือนมึง พวกที่ฉลาดเป็นกรดก็ใช้กลิ่นฟีโรโมนมาควบคุมพวกอัลฟ่า ถ้าจะมองว่าใครผิดก็คงพูดได้ไม่ชัดเจน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ทำไปตามสัญชาตญาณ เพื่อต้องการเอาตัวรอด”
“โอเมก้าก็แค่กลุ่มคนอ่อนแอ จะร้ายยังไง ใช้กลิ่นฟีโรโมนมายั่วยวนควบคุมเหล่าอัลฟ่าได้มากแค่ไหน สุดท้ายก็แพ้อยู่ดี เฮียก็รู้ว่าพวกเราเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าไม่ได้ แค่จะเอาตัวเองให้รอดในแต่ละวันยังยากเลย”
เด็กหนุ่มโอเมก้าเปลี่ยนมานั่งในท่าชันเข่ากอดขาตัวเอง ทั้งที่ยังอยู่บนตักของอัลฟ่าเถื่อน กลิ่นความเศร้าคละคลุ้งมากับกลิ่นหอมหวานชวนละลาย นัยน์ตาคมกริบส่องประกายวูบไหวเหมือนกับมีบางอย่างครุ่นคิดในใจ อ้อมแขนอบอุ่นกอดรัดร่างบอบบางไว้ในอ้อมอกที่ซึ่งอีกคนสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเจ้าของอ้อมกอดนี้ทำร้ายให้ต้องเจ็บตัว
“เดี๋ยวไปล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จ แล้วลงไปหาอะไรกินข้างล่าง มัวแต่อุดอู้อยู่ในห้องกูกลัวว่ามึงจะเฉาตายซะก่อน”
“นิมก็บอกเฮียตั้งแต่แรกแล้วไหมว่าหิวข้าว เฮียนั่นแหละที่ไม่ยอมปล่อยตัวสักที ไม่รู้จะหื่นหิวกินจุไปถึงไหน”
“เห็นทำหน้าเศร้าเหมือนหมาน้อยโดนเจ้าของทิ้งเลยเกิดความสงสาร แต่ถ้าอ้าปากแล้วจะกวนตีนกูได้ขนาดนี้ ไม่ต้องลงไปข้างล่างแล้วดีไหม กูอยากจะสั่งสอนเด็กอวดดีให้หลาบจำว่าควรต้องปฏิบัติตัวกับกูยังไง ถึงจะได้รับความรักความเอ็นดูจากกู” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมกระซิบชิดใบหูของโอเมก้าตัวบาง แวบแรกเหมือนกับจะข่มขู่ให้กลัว แต่สัมผัสจากมือหนาใต้น้ำที่บีบคลึงตรงขาอ่อนก็ทำเอานิมมานสะดุ้งขนลุกซู่รีบคว้ามือซุกซนของคนพี่แทบไม่ทัน
“เฮียไตร นิมหิวแล้วจริง ๆ นะ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ” ใบหน้าสวยหวานเอี้ยวกลับมาด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวานสดใสเหมือนแสงอรุณ ใครเห็นเข้าจะไม่ลุ่มหลงมัวเมาได้อย่างไร
“มึงอย่าหาเรื่องเจ็บตัว เดี๋ยวจะไม่ได้ออกจากห้องจนถึงเช้า”
“น่ากลัวมาก”
นิมมานยักคิ้วซ้ายให้ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นยืนก้าวออกจากอ่างไปยืนใต้ฝักบัวติดผนังด้านข้างเพื่อล้างตัว สักพักร่างสูงใหญ่เปลือยแผงอก
ล่ำ ๆ เป็นมัดกล้ามก้าวเข้ามายืนซ้อนหลัง แล้วแทนที่จะล้างตัวดี ๆ ก็ดันมายุ่มย่ามกับร่างกายเขา ฝ่ามือร้อนจัดลูบไล้ไปทั่วเหมือนกับจะขัดถูให้สะอาดทุกซอกทุกมุม โดยไม่สนใจอาการตัวสั่นระริกและเสียงครางผะแผ่วอย่างยากจะอดกลั้นไว้ เพราะถูกกระตุ้นเล้าโลมให้อารมณ์เตลิดเกือบเผลอเคลิ้มตามจนได้
คนคนนี้จะล้างตัวหรือหลอกลวนลามแต๊ะอั๋งเขากันแน่ นี่มันเข้าข่ายโรคจิตแล้ว! คนหื่นกามหิวเซ็กซ์!
หลังจากอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นผ่อนคลายความเหนื่อยล้าแล้ว ทั้งสองคนก็ลงมายังชั้นล่างตรงเข้าโรงอาหารส่วนกลางซึ่งโล่งกว้างแทบไม่มีคนจนนิมมานรู้สึกวังเวง แต่แอบโล่งใจที่ไม่ต้องอยู่รวมกับคน
เยอะ ๆ ตอนนี้ ก่อนจะได้รับการไขข้อข้องใจจากไตรวิชญ์ที่ก้าวนำไปยังโซนอาหารไทย เนื่องจากจำได้ว่าคนน้องชอบกินมากกว่าอาหารฝรั่ง
ที่ช่วงเวลานี้คนน้อยก็เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่เลือกจะไปเดินเที่ยวห้างเข้าไปรับประทานอาหารในภัตตาคารหรูๆ บรรยากาศดี ๆ ขณะที่บางคนก็ชอบความสงบไม่ชอบสุงสิงกับใครจึงซื้อของกินกลับขึ้นห้องพัก
ดวงตาดำขลับเปล่งประกายระยิบระยับก้มมองเมนูอาหารในแฟ้ม แต่ละอย่างน่ากินชวนน้ำลายสอทั้งนั้น ทำเอาอัลฟ่าหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาเรียบนิ่งจับจ้องใบหน้าตื่นเต้นดีใจราวกับเด็กกำลังจะได้รับของขวัญจากผู้ใหญ่ ขณะที่รอยยิ้มบนริมฝีปากบางก็ขยับกว้างขึ้น กระตุกหัวใจแข็งกระด้างเลือดเย็นให้สั่นไหว เหมือนกับมีก้อนหินโยนลงไปในน้ำเกิดเป็นคลื่นสะท้อนต่อ ๆ กัน
ไอ้เด็กมะลินี่…แค่ยิ้มก็ทำให้คนรอบข้างหลงรักได้แล้ว
“สั่งมาหลายอย่างจะกินหมด”
“กินไม่หมดเอาขึ้นห้องได้ไหม?” เสียงหวานละมุนกระซิบถามหลังจากยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมหวานลอยมายั่วน้ำลาย
“ไม่ได้ สั่งเท่าที่กินไหว ถ้าหิวกลางดึกค่อยลงมาหาของกินอย่างอื่นเอา ที่นี่ไม่มีใครทำตัวแบบมึง อย่าแปลกแยกให้โดนดูถูก”
ร่างสูงใหญ่สวมใส่เพียงเสื้อยืดสีอิฐกับกางเกงยีนสีซีด รองเท้าผ้าใบสีเทาสุดเท่คู่หนึ่ง แม้การแต่งตัวจะดูธรรมดามาก แต่ไม่กลับกลบรัศมีความน่าเกรงขามและความร่ำรวยมั่งคั่งของชายหนุ่มไม่ได้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เด่นสะดุดตา แถมยังเป็นคนดังของมหาวิทยาลัย ทำให้สาวสวยที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในห้องอาหารเริ่มหันมาสนใจพร้อมส่งสายตาเชิญชวนกันเป็นว่าเล่น ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนจ้องมองโอเมก้าหน้าสวยตัวบาง ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ได้นั่งร่วมโต๊ะกับคนดัง
พวกเขาจำได้ว่าโอเมก้าชั้นต่ำนี่เป็นคู่แห่งโชคชะตาของไตรวิชญ์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหนเหมือนกัน อย่างมากก็คงเก็บไว้กินแก้เบื่อสักสองสามเดือน พอหมดความอร่อยก็คงถูกเฉดหัวทิ้ง
ไตรวิชญ์เป็นถึงทายาทตระกูลดังในเขตภาคกลาง มีทั้งอำนาจและเงินทองมากมาย ไม่มีทางชอบพอพวกอ่อนแอไร้ค่าได้นานหรอก ยิ่งใกล้จะถึงวันเลือกผู้นำจ่าฝูงด้วยแล้วก็ย่อมต้องหาผู้ที่เหมาะสมคู่ควรมายืนเคียงข้างกันให้สมฐานะ ไม่ใช่คว้าโอเมก้าร่าน ๆ ไม่รู้จักเจียมตัวขึ้นมายกย่องเป็นภรรยาให้อายคนอื่น
“ตัวนิมจะพรุนแล้วเฮีย ความอิจฉาริษยาของพวกผู้หญิงนี่น่ากลัวจริง ๆ” นิมมานพูดเสียงเบาทำเป็นไม่เห็นสายตาแหลมคมเหมือนคมมีดจ้วงแทงลงมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงเขาจะอ่อนแอด้วยสายเลือดของโอเมก้า แต่ในเวลาปกติก็ยังเป็นผู้ชายที่มีแรงเยอะกว่าผู้หญิง
“ฝึกฝนการรับมือกับแรงกดดันจากคนรอบข้างไว้ มันจะช่วยให้มึงอยู่ที่นี่ได้ง่ายขึ้น”
“นี่คือวิธีช่วยเหลือของเฮีย?”
“มันคือบททดสอบที่กูมอบให้มึง”
“ข้ออ้างชัด ๆ ไม่อยากช่วยก็บอก ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่เลย”
เด็กหนุ่มย่นจมูกใส่เล็กน้อย ก่อนจะตักข้าวเข้าปากอย่างไม่สนใจอะไร เขาไม่อยากทำตัวหงอให้พวกนั้นยิ่งได้ใจ คิดว่าจะข่มขวัญเขาเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เขาอาจจะดูเปราะบางแตกหักง่าย แต่ไม่ได้มือไม้อ่อนปวกเปียกสู้ใครไม่เป็น
อัลฟ่าอาจมีพละกำลังมากกว่า แต่ทักษะการต่อสู้ที่เขาได้ติดตัวมาจากการฝึกซ้อมกับไตรวิชญ์อย่างหฤโหดเกือบเดือน ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ใครหน้าไหนง่าย ๆ อย่างน้อยก็พอเอาตัวรอดในสถานการณ์คับคันได้แล้วกัน ยกเว้นอีกฝ่ายจะยกพวกมาเป็นโขยง แบบนั้นต่อให้เก่งแค่ไหนก็สู้ไม่ไหวหรอก
“อร่อยหมดทุกอย่างเลยแฮะ อันนี้ก็น่ากิน นี่ก็ด้วย นั่นก็กลิ่นหอม อื้ออ ฟินอะ”
ดวงตาวิบวับส่องประกายสวยงามของคนน้อง ทำให้คนพี่เลิกคิ้วอย่างสนใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาดื้อ ๆ ไตรวิชญ์จึงเริ่มลงมือกับอาหารหลากหลายเมนูเบื้องหน้าติดตามนิมมานไป บรรยากาศรอบตัวของทั้งสองคนดูเป็นธรรมชาติให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกำลังกินข้าวกับคนในครอบครัว มีบ้างที่อัลฟ่าหนุ่มหล่อเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอมแดงจะแสดงท่าทางใจดีตักข้าวป้อนคนแก้มตุ่ย กำลังเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยความเอร็ดอร่อยไม่สนใจคนรอบข้างอย่างนึกเอ็นดู
“อิ่มจังเลย ท้องจะแตกแล้ว ทำไมที่นี่ถึงมีแต่อาหารอร่อย ๆ น่ากินทั้งนั้น”
“กินเยอะเกินไป ระวังท้องจะแตก” รอยยิ้มล้อเลียนถูกส่งมาช่วยเตือนความจำโอเมก้าหน้าสวยให้นึกถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำก่อนที่พวกเขาจะลงมาหาอะไรกิน
“ฮึ่ย!” นิมมานไม่รู้จะเถียงคำไหนกลับไป เพราะถึงพูดอะไรไปก็เข้าตัวหมด มีแต่จะทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่อับอายซะเอง สู้เขาปิดปากเงียบทำหน้านิ่ง ๆ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยินซะ เดี๋ยวอีกฝ่ายก็หงุดหงิดยอมล่าถอยไปเองนั่นแหละ
พอไม่มีคนให้ล้อ ใบหน้าหล่อเหลาดุเข้มก็เย็นชาเรียบตึงเหมือนถูกปูนฉาบ เปลือกตาไม่ขยับ มุมปากไม่กระดิกเลยสักนิด ทำตัวราวกับรูปปั้นหินไร้ชีวิตไร้จิตวิญญาณจนคนที่เช็ดปากอยู่เงยหน้าขึ้นมองอย่างฉงน พอเห็นกระแสไอเย็นส่งผ่านมาทางสายตาก็รู้ว่าคนคนนี้กำลังเดือดจัดพร้อมกระชากใครก็ได้ให้หลุดติดมือ
คิดว่าหัวใครที่ว่าอาจจะเป็นหัวเขาก็ได้มั้ง
“ไปเดินย่อยอาหารกันดีกว่า”
นิมมานรีบลุกขึ้นยืนเดินหนีออกไปก่อน เพราะขืนอยู่นานกว่านี้ชีวิตน้อย ๆ ของเขาอาจไม่ปลอดภัย แต่แค่แป๊บเดียวคนตัวสูงก็ตามมาทัน ถึงจะไม่ได้กระลากแขนกอดเอว ทว่ารังสีที่แผ่ออกมาก็เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นมากอดรัดตัวเขาไว้ หายใจเข้าออกลำบากเหมือนถูกมือใครบีบคออยู่
นี่คือความสามารถของพวกอัลฟ่าในการใช้กลิ่นกดดันศัตรูให้รู้สึกกลัวเกรงพลังอำนาจที่เหนือกว่าตน
เมื่อเอาชนะไม่ได้ก็ต้องทำตัวโอนอ่อนเอาอกเอาใจอัลฟ่าโหดให้คลายความโกรธลง นิมมานผู้ฉลาดหลักแหลมและหัวไวมากจึงกวาดตามองไปรอบ ๆ จนมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ก็เขย่งปลายเท้ายืดตัวขึ้นไปจุ๊บแก้มคนขี้งอนตาดุทีหนึ่งแล้วรีบผละออกมา ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวหนีจากคนพี่ด้วยความเขินอายสุดขีด ใบหน้าแดงก่ำร้อนจนแทบไหม้ รู้สึกรับไม่ได้ที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนซะเอง
เขาในตอนที่มีสติครบถ้วนไม่น่าจะทำอะไรอย่างนี้ได้ โดยเฉพาะในที่สาธารณะแบบนี้ด้วย ช่างน่าอับอายจริง ๆ!