หนึ่งทุ่มตรง
นิมมานก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเตรียมตัวกินอาหารมื้อค่ำด้วยกัน หลังจากนอนยาวถึงสองชั่วโมงเต็ม เจ้าก้อนกลมที่ซุกตัวในกองเสื้อผ้าและผ้าห่มปรือตามองอัลฟ่าหน้าโหดพร้อมทำหน้ายู่ ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เม้มริมฝีปากบางน้อย ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ไตรวิชญ์มองตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึมดุดัน จมูกได้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวนเร้าอารมณ์ของดอกมะลิฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ถ้าไม่ตั้งสติให้ดีคงเผลอหน้ามืดจับกดร่างบางกับเตียงแล้วโถมกระหน่ำความแกร่งร้อนเข้าไปเยือนความนุ่มแน่นคับแคบที่เขาชื่นชอบนักหนา
“งื้อออ!”
สายตาออดอ้อนเว้าวอนถูกส่งมาพร้อมสองมือที่ยื่นมาหาเขาให้ช่วยจับดึงออกจากกองผ้าที่ถล่มทับตัวเอง พอหลุดมาได้ก็รีบปีนขึ้นตัวเขา ตวัดแขนขากอดรัดไว้แน่นหนาเหมือนลูกลิง แล้วยังเอาหน้ามาเกยตรงอกกะพริบปริบ ๆ อย่างน่ารักน่าชัง ไม่ได้คิดถึงใจเขาเลยว่าจะทรมานรวดร้าวเพียงใด เมื่อเห็นของสวยงามอยู่ตรงหน้า แต่ไม่อาจจับต้องได้
ตอนไม่รู้ว่าท้องก็แล้วไปเถอะ พอรู้จะให้รังแกเหมือนอย่างที่เคยก็ทำไม่ได้ ถ้าเกิดเขายับยั้งใจไม่อยู่เผลอทำรุนแรงไป ทั้งไอ้เด็กมะลิและลูกจะเป็นอันตรายได้
“มึงหิวข้าวรึยัง นอนยาวปวดหัวมึนหัวไหม เดี๋ยวกูพาไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าให้ตาสว่างก่อน อีกสักพักถึงจะมีคนเอาอาหารขึ้นมาให้”
“นิมหิวมาก…แต่ไม่อยากเดิน อุ้มหน่อยนะ”
“โตแล้วก็เดินเองสิวะ จะพึ่งพาคนอื่นทำไม ไม่ใช่เด็กสามขวบจะได้มาอุ้มกระเตงเกาะกูเป็นลูกลิง”
“ผัวนิมเปล่า…หรือไม่ใช่ จะได้ไปหาคนอื่นขอให้อุ้มแทน”
“ไอ้มะลิ!” เสียงกัมปนาทดังสนั่นสั่นไหวด้วยความเดือดดาลหัวเสีย ใบหน้าคมเข้มดำทะมึนเหี้ยมเกรียมจ้องเขม็งคนที่กล้าท้าทายเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อจนเจ้าตัวสะดุ้งกระโจนหนีเร็วไว
หมับ!
ทว่า…ช้ากว่าไตรวิชญ์ไปหนึ่งก้าว ข้อมือบางถูกคว้าไว้แน่นกระชากตัวมานั่งลงบนตักแกร่งเหมือนเดิม
ชายหนุ่มกอดกระชับร่างนุ่มนิ่มที่ออกแรงดิ้นขลุกขลักพลางกางกรงเล็บข่วนเข้าที่แขนเขาให้ยอมปล่อยตัว ริมฝีปากหนาหยักกระตุกยิ้มเหี้ยม เอื้อมมือไปกุมปลายคางเจ้าลูกแกะเนื้อแน่นไว้ให้เงยขึ้นมองเขา ดวงตาดำขลับแวววาวเหมือนนัยน์ตากวางสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น
ทุกครั้งที่ถูกเขาตวาดเสียงดัง นิมมานจะเกิดอาการแบบนี้ทุกที
พอฮีทก็ยั่วเก่งอ่อยเก่ง แล้วยังชอบแหย่ให้อารมณ์ขึ้นจนอยากจับฟาดหนัก ๆ ให้ร้องไห้กระซิก ๆ เป็นลูกหมาเลย
“เมื่อกี้มึงพูดอะไร อยากโดนกูตีนักใช่ไหม!”
“ฮึก ไม่เอานะ…ไม่พูดแล้ว เฮียอย่าโกรธเลยนะ” นิมมานโผเข้ากอดคนพี่ไว้แนบแน่น หน้าซุกอกแกร่งออดอ้อนเอาใจ หวังให้อีกฝ่ายคลายโทสะที่ปะทุเดือดพล่านอยู่
“คราวหลังอย่ายั่วโมโหกูอีก ถ้ากูกำลังอารมณ์ไม่ดี มึงจะเจ็บตัว”
“เฮียก็ตามใจนิมสิ”
“ทำไมกูต้องตามใจมึงด้วย แค่นี้กูยังให้มึงไม่พอ?”
“เฮียให้อะไร” นิมมานพูดเสียงอู้อี้แทบฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เขายังพอมีสติอยู่บ้าง แต่พรุ่งนี้คงจะควบคุมตัวเองได้ยากหน่อย ต้องฝากให้คนพี่ช่วยดูแลแล้ว
“มึงท้องไง…ลูกของเรา”
“ฮะ ท้อง! ท้องจริง ๆ เหรอ เฮียจะบอกว่าในท้องนิมมีเด็กอยู่?!”
“เออ ตกใจอะไรของมึง กูเอามึงแทบทุกวันไม่ท้องสิแปลก”
“ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย”
“เด็กโง่ เพิ่งท้องได้เดือนเดียวจะไปป่องท้องโย้ได้ยังไง ดีแล้วที่ไม่แพ้ท้องช่วงนี้ กว่าจะหมดฮีทก็เจ็ดวัน อย่าให้กูต้องปวดหัวกับมึงไปมากกว่านี้เลย ประสาทจะกินแล้ว”
“ใส่ร้ายคนอื่นได้หน้าตาเฉยเลยนะเฮีย นิมไม่ได้เป็นคนนิสัยแบบนั้น”
ตุบ
“มือมึงนี่นะ ตัดทิ้งมันซะเลยดีไหม ชอบทุบกูนัก!” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมดุดันเอ่ยบอกพลางคว้ามือข้างที่ทุบตีเขามากัดแทะเล่น เห็นมันช้อนตามองใสแจ๋วยอมให้ทำโดยไม่ชักมือกลับก็อบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“อร่อยไหม จะนิมเปล่า”
“มึงท้องอยู่ พรุ่งนี้ถ้ามึงทนไม่ไหวกูจะหาของเล่นมาให้”
“ของเล่น?”
“เซ็กซ์ทอย ไม่รู้จักรึไง”
“ก็เคยได้ยินอยู่ แต่ไม่เคยใช้” นิมมานส่ายหน้าพรืดคิดไปถึงอุปกรณ์ช่วยตัวเองที่พวกเพื่อนในโรงเรียนมัธยมแนะนำมา แต่เขาไม่กล้าใช้ มันรู้สึกแปลก ๆ ถ้าต้องเอาอะไรมายัดช่องทางด้านหลัง
“ของปลอมคงสู้ของจริงไม่ได้ แต่พรุ่งนี้กูจะขนมาให้ กูไม่อยากทำรุนแรงกับมึงในตอนที่เผลอลืมตัว ถึงจะฉีดยาระงับรัทก็ไม่แน่ว่ากูจะควบคุมตัวเองได้ มึงยิ่งขี้อ่อยอยู่ด้วย ถ้ายั่วกูมาก ๆ จะอดใจไม่ขย้ำจมเขี้ยวได้ไง”
ฝ่ามือใหญ่วางทางบนศีรษะคนน้องพลางลูบเส้นผมนุ่มลื่นยาวระต้นคอแผ่วเบา ทำให้โอเมก้าตัวบางหลับตาพริ้มส่งเสียงครางในคอ เอาหัว
ถู ๆ กับมือเขา
“อื้อออ…ลูบอีก”
“ไม่ต้องอ้อนกูเลย” มุมปากของไตรวิชญ์ผุดยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะโอบอุ้มเจ้าลูกแกะเนื้อหอมหวานกระเตงไปยังห้องน้ำ
นิมมานซบลงบนบ่ากว้างบ่นงึมงำเสียงเบาอยู่ข้างหู คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากัน ยกมือตบบั้นท้ายงอนไปทีหนึ่งให้หยุดพูดเพราะฟังไม่รู้เรื่องแล้วยังชวนจั๊กจี้อีก เปลวไฟปรารถนาที่เพิ่งสงบลงไม่นานเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง จากที่จะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกมากินข้าว มันจะถูกเขาจับกลืนกินลงท้องทั้งตัว ไม่ได้ก้าวออกมาอีกเป็นชั่วโมง
“ไอ้ตัวป่วน อย่าพยายามหาเรื่องใส่ตัวสิวะ ไม่อยากรังแกคนท้องอ่อน เดี๋ยวลูกหลุด”
“งื้ออ…รังแกได้”
“ไม่ได้โว้ย! แค่นี้ไอ้กวินก็เทศนากูยาวแล้ว ไม่อยากนั่งฟังมันบ่นหูชาอีกรอบ มึงอย่ามาได้ใจไปหน่อยเลย เดี๋ยวกูทำจริงขึ้นมามึงจะร้องไห้งอแงอีก รำคาญ! “
“ไม่ร้องหรอก เชื่อสิ”
ไอ้เด็กมะลิดันตัวถอยหลังมามองหน้าเขาด้วยแววตาระยิบระยิบเจิดจ้าจนรู้สึกแสบตาต้องรีบเบือนหน้าหนี
ไตรวิชญ์หลับตาลงกัดฟันแน่นพยายามข่มกลั้นความรู้สึกที่อยากจะเล่นงานเจ้าของร่างบอบบางหอมฟุ้งกลิ่นมะลิด้วยความกระหายหิว จิตใจกระสับกระส่ายงุ่นง่าน ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะหายจากอาการนี้ ถึงรู้ก็ทำตามอย่างที่ใจคิดไม่ได้ เพราะเสียงไอ้กวินลอยเข้าหัวมาเรื่อย ๆ คอยย้ำเตือนสติให้เขาระวังอย่าเผลอใจลงมือขย้ำไอ้ตัวดีนี่เข้า
ใบหน้าหล่อเหลาติดดิบเถื่อนเร้าใจขรึมลง ตัดสินใจไม่จ้องหน้าไม่มองตา ไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของคนตัวเล็กที่เพียรพยายามส่งเสียงอืออา ส่งสายตาเว้าวอนมาให้จนใจกระตุกไปวูบหนึ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดงเข้มจัดวาวโรจน์ด้วยความปรารถนาลึกล้ำยากจะควบคุม
ไตรวิชญ์วางร่างของนิมมานนั่งลงบนเคาน์เตอร์ตรงอ่างล้างหน้าพลางฟุบหน้าลงกับลาดไหล่เล็ก สองแขนกอดรัดเอวบางไว้ กดจมูกตรงซอกคอขาวพร้อมสูดลมหายใจลึก ๆ ให้กลิ่นหอมหวานแผ่ซ่านเข้าไปข้างในจนชุ่มฉ่ำปอด สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะดันตัวออกแล้วเตรียมอุปกรณ์สำหรับแปรงฟันยื่นให้เด็กน้อยตาใสแป๋วมารับเพื่อจัดการตัวเอง
“อ้า…”
“...”
หน้าตาคนพี่เหมือนกลืนยาขม ทันทีที่เห็นคนน้องอ้าปากรอแทนที่จะแปรงฟันเอง ไตรวิชญ์พ่นลมหายใจใส่หน้าโอเมก้าจอมขี้เกียจจนผมหน้าม้าปลิวสะบัดเห็นหน้าผาก วงคิ้วเรียวสวย เขาอดใจไม่ไหวตีเหม่งมันเบา ๆ แล้วส่งแก้วน้ำให้ล้างปาก
“ไอ้เด็กไม่รู้จักโต ฮีททีก็กลายเป็นเด็กเอ๋อสามขวบเลยนะมึง”
บ่นเสร็จก็บีบยาสีฟันลงบนแปรง รอมันบ้วนน้ำทิ้งหันมาอ้าปากให้ เขาถึงรับหน้าที่ต่อ
คราวก่อนก็เป็นแบบนี้ ช่วงฮีทมันจะสติเบลอ ๆ ไร้เรี่ยวแรง ทำอะไรเองไม่ได้ ต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ จับอาบน้ำแต่งตัวพาเข้านอนเหมือนเด็กเล็ก
หลังจากช่องปากสะอาดมีกลิ่นหอมสดชื่นแล้ว ไตรวิชญ์ก็อุ้มไอ้ตัวปัญหาเรื่องเยอะไปนั่งที่โซฟา รอกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นถึงผละไป คนที่นำอาหารมาส่งคือป้าอุ่นคนเก่าคนแก่อยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ของเขากับสาวใช้ชื่อมะปรางที่เป็นหลาน ทั้งสองคนเป็นเบต้าถึงไว้ใจให้ทำงานในบ้านได้
“คุณผู้หญิงฝากบอกให้คุณชายลงไปพบข้างล่างหลังจากว่างแล้วค่ะ”
“อีกสักพักผมลงไปครับ ฝากบอกท่านด้วย”
“ค่ะ”
อุ่นใจหยิบถาดสี่เหลี่ยมลายดอกไม้ส่งคุณชายรอง ก่อนจะถอยออกมาโดยที่สายตาเหลือบมองเข้าไปในห้องเห็นเงาร่างเล็กบางนั่งเล่นตรงโซฟาเบด พอเห็นเธอเข้าก็ส่งยิ้มอ่อนหวานจริงใจให้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู เธอผงกหัวเล็กน้อยทักทายกลับไป
ไตรวิชญ์มองตามสายตาของหญิงสูงวัยเห็นรอยยิ้มสดใสเปล่งประกายเหมือนดอกทานตะวันหันหาแสงอาทิตย์ งดงามเจิดจ้าทำมองตาพร่า หัวใจกระตุกสั่นไหว เมื่ออุ่นใจกับมะปรางเดินจากไปแล้วชายหนุ่มก็สูดหายใจเข้าและผ่อนออกยาว ๆ เขาที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับใครนอกจากคนในครอบครัว ค่อย ๆ เปิดรับเด็กนี่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
เขาต้องการจะปกป้องนิมมานอย่างไร้เงื่อนไข แค่เด็กนี่เท่านั้นที่เขายอมปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด
ปัง
ประตูปิดลงเหลือเพียงคนสองคนที่นั่งกินข้าวด้วยกันในห้อง บรรยากาศที่เคยอึดอัดมีแต่ความไม่เข้าใจกันและความสับสนเหมือนครั้งแรกที่อยู่ด้วยกันค่อย ๆ สลายหายไป เหลือทิ้งไว้แค่ความอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจของพวกเขาสองคน
หลังจากส่งน้องเข้านอนอีกครั้งตอนสามทุ่ม ไตรวิชญ์ก็เดินลงมายังชั้นล่าง ร่างสูงกำยำสวมใส่เสื้อยืดสีโทนสว่างอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็นก้าวเข้าไปในห้องโถงซึ่งอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาหมดทุกคน ทั้งพ่อแม่พี่น้องและลุงป้าน้าอาต่างพากันมานั่งออกันกลุ่มใหญ่ หลังจากทราบข่าวว่านิมมานตั้งครรภ์ ถ้าเป็นคนอื่นท้องคงทำให้ใครบางคนในนี้ยอมโผล่หน้าออกมาไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าโอเมก้าที่ท้องเป็นคนของเขา
สามตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลในเขตภาคกลาง นอกจาก ‘หิรัญรชต’ ก็ยังมี ‘ธรรมนิตย์ธารา’ และ ‘จันทรรัตน์กนก’ ที่คานอำนาจกัน เป็นสามตระกูลเก่าแก่ที่อยู่มานานนับร้อย ๆ ปี มีกิจการมั่งคั่งร่ำรวย มีอิทธิพลและอำนาจล้นมือ สามารถชี้เป็นชี้ตายคนอื่นได้เพียงแค่เปิดปากสั่ง โดยเบื้องหลังแอบห้ำหั่นกันเองอย่างลับ ๆ ไม่เปิดเผยตัว
หลายปีมานี้แต่ละฝ่ายก็แอบชุบเลี้ยงคนเก่งมีฝีมือไว้ใช้งาน รอเวลาได้ลงสนามแข่งขันแย่งชิงอำนาจกันอีกครั้ง ดังนั้นทุกตระกูลจึงให้ความสำคัญเรื่องการให้กำเนิดทายาทเป็นอย่างมาก หากเด็กที่เกิดมาเป็นอัลฟ่าก็จะช่วยเพิ่มขุมพลังความแข็งแกร่งให้ตระกูลนั้น ๆ แต่หากเด็กคนนั้นเป็นโอเมก้าก็คือคนไร้ค่าที่ไม่มีตระกูลใดต้องการ
ไม่ต้องการ…ก็หมายถึงให้กำจัดทิ้ง
สัปดาห์ก่อนพวกจากเขตอื่นเริ่มมาระรานคนในเขต ถึงจะมีตำรวจคอยรักษาความสงบก็จัดการได้ไม่ทั่วถึง คนจากฝั่งเขาก็ถูกเล่นงานไปแล้วหลายคนกลับจับมือใครดมไม่ได้ พวกเขาจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจมีคนในคอยให้ความร่วมมืออยู่
คนทรยศในตระกูลคงไม่มี แต่คนจากอีกสองตระกูลที่เหลือก็ไม่แน่ พวกธรรมนิตย์ธารารักความสงบชอบอยู่อย่างสันติจึงถือตัวเป็นกลาง เขาจึงสงสัยว่าฝ่ายที่คิดทำลายพวกเขาคือจันทรรัตน์กนกที่เป็นศัตรูกับหิรัญรชตมาช้านานทุกรุ่นทุกสมัย
ฉากหน้าอาจแสร้งเล่นละครตบตาคนอื่นว่ายังพอพูดจาดีต่อกันได้ ทว่าลับหลังกลับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทั้งมือสังหาร ทั้งมือปืนแอบปะทะกันไม่เว้นแต่ละวัน แพ้ชนะสลับกันไป แต่ส่วนใหญ่ฝ่ายเขาจะชนะซะมากกว่า
วันนี้ที่มารวมตัวกันได้ก็แค่จะถามหาคำตอบที่แน่ชัดจากเขา และในกรณีที่ลูกของนิมมานเป็นโอเมก้าควรทำอย่างไร
ลุงป้าน้าอาเขาคงไม่ปลื้มใจสักเท่าไหร่ ถ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่อัลฟ่า
ไตรวิชญ์นั่งลงบนโซฟาเดี่ยวด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา ไม่ได้แสดงออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน การประชุมแต่ละครั้งมักมีเรื่องให้โต้เถียงกันยาว ถึงจะเป็นเครือญาติกันก็คิดแต่จะฉกฉวยผลประโยชน์ใส่ตัวมากกว่าสนใจเรื่องอื่น ชอบอ้างว่าทำเพื่อตระกูล แต่ความจริงก็แค่อยากรักษาผลประโยชน์ของตัวเองไว้ไม่ให้ถูกใครแย่งเอาไป
เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาเห็นแม่กับพ่อมีปากเสียงกันรุนแรง เหมือนจะเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของพวกท่านที่มีพวกลุงป้าน้าอาเข้ามาเกี่ยวข้อง
เรื่องเก่าเขาไม่อยากพูดถึงเพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ถ้ามายุ่งเรื่องของเขา บัญชีเก่าใหม่จะสะสางให้จบในคราวเดียว!
“สรุปว่าเด็กคนนั้นท้องลูกของหลานจริง ๆ เหรอ มั่นใจแล้วหรือว่าใช่แน่ ๆ น่ะ!” ‘ตรีประดับ’ พี่สาวของไตรวุฒิเอ่ยถามเป็นคนแรก
“ย่อมต้องใช่อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่จะกักตัวไว้ที่นี่ทำไม” ดาหลาชิงตอบคำถามก่อนลูกชายด้วยน้ำเสียงเย็นชาพลางตวัดสายตาคมกริบมองหน้าพี่สาวของสามี
เรื่องในคราวนั้นต่อให้ผ่านไปกี่ปีก็จำได้ไม่มีลืม เพราะคำยุยงของคนบางคนในนี้ทำให้เธอต้องหอบลูกในท้องหนีไป เธอถูกคนพวกนี้พูดกรอกใส่หูแทบทุกวันว่าไม่มีอะไรเหมาะสมคู่ควรกับไตรวุฒิสักอย่าง
หิรัญรชตไม่ได้ต้องการเงินทอง แต่ต้องการอำนาจและอิทธิพลมาเกื้อหนุนวงศ์ตระกูล
ตอนนั้นเธอทั้งเจ็บใจทั้งเกลียดชังเหล่าญาติพี่น้องของสามี โดยเฉพาะตรีประภาที่เล่นงานเธอหนักยิ่งกว่าใคร แต่ในเมื่อเรื่องมันผ่านมาตั้งยี่สิบปีแล้วจะรื้อฟื้นให้ได้อะไร เธอถึงพยายามปล่อยวางความโกรธเคืองนั้น แต่ถ้าคิดจะทำร้ายลูกชายและลูกสะใภ้ของเธอ เธอกับผู้หญิงใจมารคนนี้ต้องได้เห็นดีกัน!
“จงเกลียดจงชังอะไรฉันนักหนา เรื่องมันผ่านไปตั้งนานแล้วนะ”
“ถามตัวเองก่อนเถอะแล้วค่อยมาถามคำถามนี้กับฉัน และหนูนิมก็ท้องลูกของตาไตรจริง ๆ ถึงไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอก็รู้ได้ทันที โอเมก้าที่ถูกมีรอยพันธะแล้วจะไปมีอะไรกับใครได้ยังไง ที่ถามเพราะไม่รู้หรือตั้งใจจะหาเรื่องกันแน่”
“ฉันก็แค่ถามเฉย ๆ เธอจะจ้องจับผิดคำพูดฉันให้ได้อะไร!”
“ฉันไม่ได้จ้องจับผิด แต่พฤติกรรมเธอชวนให้คิดว่ากำลังทำแบบนั้นอยู่จริง ๆ”
“หยุดเถียงกันสักที โตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังมานั่งเถียงกันทะเลาะกันต่อหน้าเด็ก ๆ อีก รู้จักละอายใจกันบ้างไหม อายเด็กมันด้วย” ติณณภพ พี่ชายคนโตของไตรวุฒิตวาดเสียงดังอย่างหงุดหงิด
นิสัยของพวกผู้หญิงน่ารำคาญแบบนี้เสมอ แล้วยังขยันขุดคุ้ยเรื่องเก่า ๆ มาพูดให้อารมณ์เสียใส่กันอีก
“รีบเข้าเรื่องเถอะ ผมยังมีธุระต้องไปทำต่ออีก” ติณณพัฒน์ น้องชายคนสุดท้องพูดแทรก หลังจากฟังพี่สาวกับพี่สะใภ้ประชันฝีปากกันจนพี่ชายคนโตต้องออกหน้าห้ามปราม
เมื่อยี่สิบปีพวกเขาแต่ละคนล้วนลงความเห็นว่าต้องการให้พี่รอง ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันได้แต่งงานกับผู้หญิงอีกคนที่ฐานะชาติตระกูลดี เบื้องหลังครอบครัวมีทั้งอำนาจและอิทธิพลไม่ต่างจากตระกูลเขา พี่รองเกิดไขว้เขวไปชั่ววูบ หลงเชื่อคำพูดพวกคุณลุงคุณป้ากับพวกเขาจนทำให้พี่สะใภ้เสียใจมากตัดใจหนีไป กว่าจะตามตัวงอนง้อกลับมาได้ก็ยากเย็นแสนเข็ญ
ปัจจุบันเวลาที่พวกเขาเจอหน้ากันแต่ละที พูดจาน้อยคำเข้าไว้เป็นดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะอารมณ์เหมือนอย่างตอนนี้
“เรื่องนี้ไม่รบกวนให้ทุกคนต้องมาเป็นห่วงแทน จะใช่หรือไม่ใช่ผมเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด แล้วที่ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็เพราะอยากรู้ว่าหลังจากที่นิมมานคลอดลูก ถ้าเด็กคนนั้นเป็นโอเมก้าจะจัดการยังไง”
“แล้วหลานจะทำยังไงถ้าเด็กที่เกิดมาไม่ได้เป็นอัลฟ่า ป้าว่าอย่ารอให้ถึงคลอดเลย ผ่านสามเดือนก็ตรวจดูได้แล้วว่าเพศสภาพรองเป็นอะไร ถ้าเป็นโอเมก้าก็อย่ารอให้เกิดมา รีบกำจัดพวกไร้ประโยชน์ไปเร็ว ๆ เป็นดีที่สุด”
ตรีประดับไม่ได้อยากใจร้าย แต่เธอไม่ต้องการให้หิรัญรชตมีจุดด่างพร้อย หรือจุดอ่อนให้พวกศัตรูหยิบยกมาเล่นงานได้ แค่ที่หลานชายคนรองไปข้องแวะกับโอเมก้าชั้นต่ำก็มากเกินพอแล้ว ถ้ายังต้องให้กำเนิดเด็กไร้ค่าออกมาอีกคน วงศ์ตระกูลเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ได้อับอายกันไปทั่ว แล้วยังจะถูกพวกคนจากสองตระกูลที่เหลือหัวเราะเยาะอีก
“ฉันคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว จะมาฆ่าแกงเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีความผิดเนี่ยนะ อย่าให้มันมากเกินไปนัก ถึงไม่ได้ให้กำเนิดอัลฟ่าก็ไม่เห็นว่าจะเดือดร้อนตรงไหน เดี๋ยวนี้หิรัญรชตอ่อนแอจนถึงขั้นต้องพึ่งพาแค่เด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลกแล้วหรือไง” ดาหลาเหยียดยิ้มสมเพชเวทนาให้กับตรีประดับ
ยุคสมัยก่อน…อัลฟ่าล่าโอเมก้ามาจับขังไว้เพื่อผลิตทายาทและสนองความใคร่ หากตรวจพบว่าเด็กในครรภ์เป็นโอเมก้าก็รีบทำแท้งทันที ไม่ปล่อยให้เด็กคนนั้นเกิดมาลืมตาดูโลก ส่วนยุคสมัยนี้ก็ยังแอบทำแท้งกันลับ ๆ ไม่เปิดเผย เพื่อตัดปัญหาความวุ่นวายที่จะตามมาในภายหลัง
“ผมก็ไม่เห็นด้วย ตระกูลเราไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด ต่อให้ทายาทคนแรกของว่าที่ผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปจะเป็นโอเมก้าก็สามารถสอนสั่งให้เก่งกาจได้ เหมือนกับพี่อารัญเพื่อนพี่ไตรไงครับ พี่อารัญคือโอเมก้าที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วในตอนนี้” ไตรภูมิช่วยพูดแทนพี่ชายคนรอง เพราะดูจากอาการที่แสดงออกตอนนี้อาจทิ้งระเบิดลูกใหญ่ก่อนจากไปได้
“จริง ๆ เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนด่วนตัดสินใจกันก็ได้ครับ พวกเราคนรุ่นหลังไม่เห็นชอบกับการที่จะฆ่าเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่ลืมตาดูโลก เพียงเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นจุดอ่อนของตระกูล หรือจะบอกว่าตระกูลเราตอนนี้ก็อ่อนแอสู้ใครไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ควรเพิ่มจุดอ่อนลงไปอีก และถ้าบอกว่าเด็กคนนี้จะเป็นจุดด่างพร้อยให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล แล้วโอเมก้าที่ซุกหัวอยู่แต่ในบ้านหลายคนตอนนี้สมควรต้องถูกฆ่าทิ้งด้วยเลยไหมครับ”
หากไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับน้องชาย ตรีภพก็ไม่อยากสอดปากยุ่งด้วย ความจริงเรื่องนี้คนที่ตัดสินใจได้ว่าจะเก็บเด็กไว้หรือไม่ เป็นหน้าที่ของไตรวิชญ์กับนิมมาน คนอื่นไม่สมควรเข้ามาวุ่นวายด้วยซ้ำ
“ปากคอเราะรายเหลือเกิน ป้าแค่ไม่อยากให้ใครเอาเรื่องนี้มาเล่นงานไตรวิชญ์ได้ แค่เอาเด็กโอเมก้าไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาทำเมียก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อนแล้ว จะออกจากบ้านแต่ละทีก็ต้องเตรียมตัวตอบคำถามพวกคุณหญิงคุณนายพวกนั้นว่าปล่อยให้หลานชายคว้าเด็กข้างถนนมาร่วมวงศ์ตระกูลด้วยได้อย่างไร ป้าอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บ้านเราไม่เคยมีโอเมก้ามาก่อน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ลูกของคนที่จะมาเป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อจากไตรวุฒิ”
“ผมไม่สนใจหรอกครับว่าเด็กนี่จะเป็นใครมาจากไหน ผมพอใจจะอยู่ด้วยก็อยู่ ไม่พอใจก็ไล่ไป ส่วนเรื่องอื่นผมมีวิธีจัดการในแบบของตัวเอง แต่ถ้าเรื่องของผมจะพาคนทั้งตระกูลต้องพังพินาศไปด้วย ผมยินดีที่จะสละทุกอย่างเพื่อความสบายใจของทุกคน” ไตรวิชญ์ที่ทนฟังอยู่นานก็พูดขึ้นบ้าง
“หมายความว่ายังไง แกจะทิ้งภาระไว้ให้พวกฉันจัดการ?!”
ติณณภพจ้องเขม็งหลานชายด้วยสายตาดุดันดั่งพยัคฆ์ยืนผงาดน่าเกรงขามข่มเหยื่อให้หวาดกลัว
“ทรัพย์สินเงินทองมากมายของตระกูลเราเป็นสิ่งที่คุณลุงคุณป้าอยากได้มาตลอดไม่ใช่เหรอครับ ขาดคนที่จะมาแย่งชิงไปหนึ่งคน ส่วนแบ่งก็เพิ่มมากขึ้น ผมออกไปซะ จะได้ไม่มีใครเอาเรื่องเมียผมไปพูดให้เสียหาย หิรัญรชตก็ไม่ต้องด่างพร้อยด้วย”
“แกจะให้เด็กโอเมก้าคนเดียวมาทำทุกอย่างพังเหรอ!”
“ถึงผมไม่อยู่ก็ไม่ทำให้อะไรมันพังลงหรอกครับ ในเมื่อทุกคนอยากจะมีส่วนร่วมเรื่องภายในบ้านของผม แต่ผมไม่ต้องการและไม่ยินยอมให้ใครมาออกความคิดแทน ก็ให้บทสรุปเป็นอย่างนี้ไป ทุกคนจะได้สบายใจไม่ต้องมีคิดเรื่องจะฆ่าหรือไม่ฆ่าลูกผม เพราะถ้าหากยังพูดจายืดเยื้อกันต่อไป หนึ่งชีวิตแลกด้วยร้อยชีวิต หนึ่งในนั้นจะต้องมีทายาทของทุกคน!”
นัยน์ตาสีเลือดแข็งกร้าวโกรธตวัดมองเหล่าญาติที่มานั่งจ้องจับผิดและบีบคั้นให้ทำตามที่ต้องการโดยไม่สนใจว่าเรื่องนั้นจะผิดศีลธรรมหรือไม่ ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากอย่างสะกดกลั้นความเดือดดาลไว้ ใบหน้าคมเข้มดิบเถื่อนยิ่งดูอันตรายเมื่อไม่อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะพูดคุยกับใคร
“แกกล้า”