ตอนที่ 1 ‘ไอ้เด็กมะลิตัวปัญหา’

3057 คำ
บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยกลิ่นอายของคู่อัลฟ่าโอเมก้าผสมปนเปกัน ทำเอาคนขับรถอย่างนาราและหัวหน้าผู้คุ้มกันอย่างลักษณ์รู้สึกอึดอัดจนแทบอยากหนีไปให้ไกลๆ แตกต่างจากไตรวิชญ์ที่ยังคงเป็นปกติ หัวใจที่ร้อนรุ่มเหมือนถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟพลันสงบลงอย่างน่าประหลาด หลังจากได้กลืนกินผลไม้ฉ่ำหวานตรงหน้าจนไม่มีเหลือ หากสามารถจับเด็กนี่กลืนลงท้องเข้าไปทั้งตัวได้ ไตรวิชญ์ก็ไม่ลังเลที่จะทำมัน แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นมนุษย์มีเนื้อหนังเหมือนกันกับเขา และเขาก็ยังต้องการเสพสุขความหอมหวานจากเด็กนี่ต่อ จึงตัดสินใจที่จะเก็บตัวปัญหาไว้ใกล้ๆ วันไหนที่เขาเบื่อหมดความสนใจค่อยไล่ไปก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าพอหมดช่วงฮีท เขาอาจปล่อยมันไปเลยก็ได้ รถคันหรูเคลื่อนเข้าในอาณาเขตของตระกูลหิรัญรชตที่กินเนื้อที่กว่ายี่สิบไร่ ทั้งสองข้างทางถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้สูงใหญ่หนาทึบ ตรงทางเข้าด้านหน้าคือสวนดอกไม้เมืองร้อนนานาพรรณ ประตูรั้วเหล็กสีขาวถูกดัดเป็นลวดลายกุหลาบตั้งตระหง่านสูงเกือบสามเมตร ด้านข้างจะมีป้อมยามรักษาการณ์ ขณะที่ทั่วทุกจุดจะมีกล้องวงจรปิดคอยตรวจเช็กความเคลื่อนไหวตลอดยี่สิบชั่วโมง ต่อให้แมลงสักตัวก็บินผ่านไปไม่ได้ เบื้องหน้าคือคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวทั้งหลังสูงสามชั้น สไตล์อังกฤษยุครีเจนซี่ เพิ่มลูกเล่นสีดำตรงบานประตูหน้าต่างด้วยลวดลายเป็นเอกลักษณ์ดูคลาสสิกหรูหรา ด้านซ้ายและขวายังมีคฤหาสน์หลังเล็กอีกสี่หลัง ถัดไปด้านหลังในสุดจะเป็นตึกอาคารสามชั้น ซึ่งเป็นที่พักคนงานร่วมสามร้อยชีวิต โดยแบ่งสัดส่วนชัดเจนในแต่ละหน้าที่ ตั้งแต่หน่วยคุ้มกันอารักขาเจ้านาย การ์ดรักษาความปลอดภัย พ่อครัว คนรับใช้ และคนสวน แต่ละตำแหน่งหน้าที่ก็เลือกเฟ้นคนดีมีความสามารถ ยิ่งงานที่ต้องเสี่ยงอันตรายก็ยิ่งได้ค่าตอบแทนสูง และทั้งหมดก็เป็นพวกอัลฟ่าและเบต้า ไม่มีโอเมก้าหลุดรอดเข้ามาเลยสักคน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีโอเมก้าอ่อนแอล่วงล้ำเข้ามาในอาณาจักรของหิรัญรชต ก็เหมือนกับลูกแกะที่หลงเข้ามาในฝูงหมาป่า จะถูกขย้ำตายเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา ถ้าไม่จับขังไว้ให้ดีๆ คงออกมาเดินเพ่นพ่านอย่างไร้เดียงสาให้พวกหมาป่ามันลากไปกิน “บอกให้อัลฟ่าทั้งหมดออกจากบริเวณบ้าน ห้ามเข้าใกล้ในรัศมีร้อยเมตร ใครฝ่าฝืนมีโทษสถานหนักยิงทิ้งได้เลย ไม่ต้องรอขออนุญาตจากฉัน” “แต่ถ้าทำอย่างนั้นจะไม่มีใครอยู่เฝ้ารักษาการณ์เลยนะครับ หากเกิดอะไรขึ้นมาคงจะเข้าช่วยเหลือไม่ทัน” นาราเอ่ยค้านพลางมองสบตาเจ้านายผ่านกระจกหน้าคอนโซลรถ “ฉันสั่งอะไรก็ทำอย่างนั้น ไม่ต้องไปวุ่นวายเรื่องอื่น” ดวงตาคมดุของไตรวิชญ์มองตอบ แค่เพียงเห็นสีหน้าของเจ้านายนาราก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ลักษณ์ผุดยิ้มมุมปากเอ็นดูเจ้าเด็กตัวแสบ ติดตามคุณชายรองมาก็ตั้งหลายปียังดูไม่ออกอีกว่าคุณไตรคิดอะไร ให้พาโอเมก้าเข้าไปในดงหมาป่า คงได้เกิดเหตุการณ์นองเลือดไล่ยิงไอ้พวกที่ควบคุมสติยับยั้งอารมณ์ไม่ได้ทิ้งแน่ “เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” ลักษณ์กดปุ่มตรงคอนโซลรถต่อสายหาคนในบ้านให้ช่วยแจ้งข่าวให้ทุกคนทราบเรื่องคำสั่งของคุณไตร ไตรวิชญ์สั่งให้คนเคลียร์พื้นที่เสร็จก็ก้มลงมองไอ้ตัวภาระที่หลับไม่ตื่นจนนึกว่าตาย มือหนายื่นไปดึงผมหน้าม้ากระจุกหนึ่งกระตุกแรงๆ อย่างหมั่นไส้ แต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่งหลับตาพริ้มเหมือนฝันหวาน เรียวปากบางอมยิ้มมีความสุข ไม่ได้รับรู้ถึงความยุ่งยากใจของเขาเลย หวังว่าวันนี้พวกมันจะไม่อยู่บ้าน ไม่งั้นเขาคงต้องคอยตอบคำถามงี่เง่ากวนประสาทของพวกมัน หลังจากรถวนเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ ไตรวิชญ์ก็อุ้มไอ้ตัวปัญหาลงจากรถ กวาดตามองไปรอบด้านก็ไม่เห็นอัลฟ่าตัวอื่นนอกจากลักษณ์กับนารา เขาเลยส่งสายตาบอกให้ทั้งสองคนไปพักผ่อนได้ ส่วนตัวเองก็ก้าวเข้าบ้านพร้อมกับหัวคิ้วที่แทบผูกเป็นปม เพราะได้กลิ่นพี่ชายกับน้องชายอยู่ด้วยกันข้างหน้านี้ แล้วพอเข้ามาในห้องโถงใหญ่ก็เห็นพวกมันนั่งอยู่ตรงโซฟามองมาที่เขานิ่งๆ ตรีภพวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะ ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมเรียบเฉยหากแต่ก็มีแววสงสัย ร่างสูงกำยำในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกางเกงสีดำนั่งเอนกายไขว่ห้าง ท่วงท่าเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ ขณะที่ไตรภูมินั่งเอนกายวางแขนราบไปกับพนักโซฟา ขาขวาวางทับขาซ้ายกระดิกเท้าอมยิ้มมองพี่ชายคนรอง ก่อนจะปรายตามองเจ้าก้อมกลมๆ ในอ้อมแขนที่ถูกเสื้อคลุมทับซะมิดหน้ามองไม่เห็นลูกตา เห็นแต่เส้นผมเนี่ย จะปิดมิดอะไรขนาดนั้นวะ “เฮียหอบใครกลับมาด้วยวะ ผมกลิ่นโอเมก้าฟุ้งเลย” ไตรภูมิเปิดฉากถามก่อนเพราะทนเก็บความสงสัยคาใจไว้ไม่ไหว “ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ วันนี้กูเหนื่อย ไม่อยากตอบคำถามใครทั้งนั้น” “ไม่อยากตอบคำถามกูด้วยสินะ” ตรีภพมองน้องชายที่เนื้อตัวมีแต่รอยขีดข่วนของเล็บ นอกจากจะมีกลิ่นโอเมก้าติดแล้วก็ยังมีกลิ่นเลือดปะปนด้วย คงเพิ่งไปจัดการเก็บกวาดพวกสวะมา “กูจะให้คำตอบพรุ่งนี้ ถ้าพวกมึงยังอยู่ที่บ้าน แต่ถ้าไม่ก็อย่าหวัง กูขึ้นห้องแล้ว ฝากตามไอ้กวินให้มาเจอที่ห้องกูตอนเช้าด้วย จะให้ดูอาการไอ้เด็กนี่หน่อย เดี๋ยวตายไปจะมาตามอาฆาตกูอีก” “แหม เป็นห่วงเป็นใยกันซะจริง ผมได้กลิ่นเฮียบนตัวมันด้วย คงไม่ใช่ว่าเฮียกัดคอมันไปแล้วหรอกนะ” “อย่าเสือกไม่เข้าเรื่อง กูจะกลับขึ้นห้อง บอกมันว่าสักแปดโมงค่อยมา อย่าสะเออะมาแต่เช้าเพราะกูยังไม่ตื่น” “โอเค งั้นผมกลับห้องบ้างดีกว่า เมื่อกี้โคตรวุ่นวายเลย พวกการ์ดที่เป็นอัลฟ่าทั้งหมดพากันออกมารวมตัวตรงลานหน้าบ้าน ก่อนจะสลายตัวไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมพายุ เหมือกับกลัวอะไรสักอย่าง ตอนแรกผมก็สงสัย แต่พอเห็นเฮียอุ้มโอเมก้าเข้ามาผมก็เข้าใจทันที พวกมันกลัวเฮียจะเป่าทิ้งนี่เอง” “พูดมาก มึงอยากโดนลูกตะกั่วยัดปากไหม” “นี่น้องนะครับ น้องแท้ๆ เลยนะเว้ย! ขู่กันแบบนี้เดี๋ยวก็ฟ้องแม่ซะเลย” “แม่กลับมาแล้ว” คิ้วของไตรวิชญ์ขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยิน แค่พาโอเมก้ากลับบ้านก็ยุ่งยากมากพอแล้ว แล้วยังต้องเตรียมตัวตอบคำถามแม่ในวันพรุ่งนี้อีก ยังไม่รวมถึงรอยกัดที่หลังคอ ถ้าแม่เห็นเข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ “อะไรกัน ปกติพี่จมูกไวจะตาย ทำไมวันนี้ถึงไม่ได้กลิ่นแม่ล่ะ อ๋อ...ลืมไปว่าจมูกคงถูกกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้ากลบซะหมด แล้วก็ไม่ใช่แค่แม่นะที่อยู่ พ่อก็อยู่ข้างบนด้วย” หน้าของไตรวิชญ์เคร่งเครียดหนักกว่าเก่า เขาอาจจะเก่งกับคนนอกบ้าน แต่กับในบ้านคนที่เขาเกรงใจมากที่สุดก็คือพ่อ รองลงมาก็แม่ และไอ้ภพพี่ชายเขา ไม่มีใครไม่กลัวไตรวุฒิ หิรัญรชตหรอก พ่อเป็นอัลฟ่าที่แข็งแกร่งมาก มีพลังอำนาจในตัวจนไม่มีศัตรูหน้าไหนกล้าต่อกรด้วยตรงๆ ถึงได้แต่เล่นลอบกัดแล้วก็แพ้ภัยตัวเองไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเอาชนะพอ่เขาได้ ส่วนเขาถึงจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปก็ยังมีพลังไม่เทียบเท่ากับพ่อ หรือก็คือเขาไม่เคยได้ต่อสู้กับพ่ออย่างสุดกำลังเลยสักครั้ง แม้ว่าใครต่อใครจะบอกว่าเขามีโอกาสขึ้นเป็นจ่าฝูงเพราะเป็นอัลฟ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นนี้ก็ตาม ให้สู้กับพ่อคงไม่ไหว เพราะเขาให้ความเคารพท่านมากกว่าใครทั้งหมด “เตรียมคำตอบไว้ให้ดีๆ แล้วกัน พรุ่งนี้มึงคงเลี่ยงที่จะตอบคำถามพ่อไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ไปกัดคอเด็กคนนี้เข้า จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ท่านคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป เพราะมันคงไม่ใช่แค่การฮีทธรรมดา” “หมายความว่าไงอะเฮีย เล่าสู่กันฟังบ้างดิ” ไตรภูมิหันไปมองพี่ชายคนโตเพราะยังไม่เข้าใจความนัยที่พี่ชายต้องการสื่อ แต่ตรีภพกลับปิดปากเงียบ สายตาประสานกับน้องชายคนรองด้วยแววตารู้ทัน ไตรวิชญ์สบถในลำคอเสียงต่ำพลางส่ายหน้าเครียด ตรีภพเป็นพวกฉลาดมีไหวพริบ แค่ส่อพิรุธหน่อยเดียวก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว มันคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเช่นเดียวกับลักษณ์ พวกมันสองคนรู้ดีว่าต่อให้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าฮีทจะรุนแรงแค่ไหนก็ทำให้อัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาขาดสติไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นกลิ่นของคู่แห่งโชคชะตา สัญชาตญาณทั้งหมดของเขาจะถูกปิดกั้นไม่อาจควบคุมตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง เมื่อก่อนเขาก็เชื่อเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ไม่ลง กระทั่งมาเกิดเรื่องขึ้นเองกับตัวถึงได้รู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะฝืนสัญชาตญาณ บางอย่างในตัวเขาเรียกร้องหามัน ถึงไม่ต้องการ ถึงไม่อยากเข้าใกล้ แต่ร่างกายไม่ยอมทำตามคำสั่ง เลยเผลอหน้ามืดปลดปล่อยสัตว์ร้ายมาเล่นงานมัน “ขอบใจที่ช่วยเตือน กูจะหาคำตอบดีๆ ไว้ไม่ให้พ่อโกรธแม่เป็นลมแล้วกัน” ไตรวิชญ์พูดจบก็เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม ไม่ได้หันไปมองหน้าพี่ชายน้องชายที่พร้อมใจกันมานั่งรอจับผิดเขาอีก พอขึ้นมาถึงหน้าห้องไตรวิชญ์ก็หยุดยืนนิ่งแล้วก้มลงมองใบหน้าของนิมมาน ครุ่นคิดว่าจะให้เด็กนี่อยู่ในห้องเดียวกับเขาหรือว่าพาไปนอนห้องอื่นที่ว่างอยู่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไป อุ้มพาร่างเพรียวบางไปนอนบนเตียงขนาดพิเศษที่สั่งทำขึ้นเฉพาะ ก่อนจะดึงเสื้อคลุมออกโยนทิ้งลงพื้น ดวงตาสีน้ำตาลแดงเข้มขึ้นจนเกือบเป็นสีเลือด หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงเร็วขึ้น เมื่อเห็นเรือนร่างบอบบางขาวเนียนเต็มไปด้วยร่องรอยรักที่เขาฝากไว้ ชายหนุ่มหันหน้าหนีภาพเย้ายวนใจตรงหน้าก่อนที่จะควบคุมสัญชาตญาณดิบในกายไม่ได้ มันช่างปลุกเร้าและเชิญชวนให้ขย้ำจนแทบยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหล่อเหลาติดจะเถื่อนดุดันขึ้น ฟันคมกัดริมฝีปากล่างไว้ระงับความกระหายหิวที่มีต่อเจ้าลูกแกะตัวขาวอวบอ้วนที่อยู่ใกล้มือ แค่เอื้อมมือไปกระชากตัวมาแล้วจัดการฉีกกระชากร่างกลืนกินลงท้องก็ได้แล้ว แต่กลับทำไม่ได้ เขาไม่ต้องการเป็นอัลฟ่าหน้าโง่ที่ติดกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าที่ปล่อยมายั่วยวนจนลุ่มหลงโงหัวไม่ขึ้น ครั้งแรกขืนใจมันก็เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ครั้งที่สองเขาจะไม่ยอมให้อารมณ์อยู่เหนือสติ จะไม่ยอมให้ไอ้เด็กนี่อยู่เหนือการควบคุมของเขา “เวรเอ๊ย!” ไตรวิชญ์สบถดังลั่นใช้มือเสยผมลวกๆ หันหน้ากลับมามองนิมมานอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินกระแทกเท้าปึงปังเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้เขาต้องใช้น้ำเย็นราดหัวให้หายร้อนก่อนที่จะสติแตกคลุ้มคลั่งกระโจนเข้าไปขย้ำตัวมันอีกครั้ง แค่ครั้งเดียวไม่พอจริงๆ กลิ่นหอมเย็นของมันที่ลอยฟุ้งอบอวลไปทั่วห้องทำให้เขาทรมาน ร่างกายปวดร้าวไปทุกสัดส่วน แม้แต่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ กระแทกอกซ้ายจนเจ็บไปหมด ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นตึงเดินไปยืนอยู่หน้ากระจก ภาพสะท้อนของผู้ชายตรงหน้าทำให้เขาชะงักนิ่ง แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาลึกล้ำเหมือนคบไฟที่ค่อยๆ ปะทุแรงขึ้น สว่างโชติช่วงทั้งสวยงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เป็นดวงตาของนักล่าที่กำลังหิวจัดแทบคลั่ง ทั้งที่มันไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไตรวิชญ์เดินตัวเปียกออกจากห้องน้ำ หยดน้ำเกาะพราวบนซิกซ์แพ็กเป็นลอนสวย กางเกงยีนส์หนักขึ้นจนรั้งต่ำเห็นกล้ามท้องช่วงเอวเป็นร่องลงมาเหมือนรูปตัววี ไรขนสีน้ำตาลอ่อนเซ็กซี่ผลุบหายไปในขอบกางเกง ถ้ามีสาวคนไหนได้มาเห็นภาพนี้เข้าต้องทำน้ำลายหกมองตาเยิ้มด้วยความอยากกินแน่ แต่ดูเหมือนเจ้าของร่างกายสุดเพอร์เฟกต์จะไม่ใส่ใจกับสภาพตัวเอง เพราะในห้องนี้ไม่มีใครอื่นอีกนอกจากเขากับไอ้คนที่หลับสนิทอยู่ เขาถอนหายใจทิ้งด้วยความปวดหัว ก่อนจะตรงเข้าไปอุ้มร่างของนิมมานพาเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน อย่างน้อยก็จัดการล้างเนื้อล้างตัวล้วงเอาน้ำเชื้อที่เขาปล่อยทิ้งไว้ออก ตื่นมาจะได้ไม่ร้องไห้งอแงงี่เง่าให้รำคาญหู เขากลัวจะเผลอหงุดหงิดจับมาโยนออกนอกหน้าต่าง “ตัวหอมฉิบ ผิวก็นุ่มด้วย มึงเป็นผู้ชายแน่เหรอวะ ไอ้ตัวปัญหาเอ๊ย!” กรามแกร่งขบแน่นจนเห็นเป็นสันนูน ดวงตาคมกริบหรี่มองใบหน้าแดงระเรื่อน่ารักน่าเอ็นดู แต่ตอนนี้กลับโคตรรู้สึกชิงชังมันนัก เพราะแค่เห็นหน้าสวยๆ ของมันลูกชายเขาก็ตื่น ตุงคับเป้าไปหมด “กูปล้ำมึงอีกรอบดีไหม ขยันยั่วกูนัก” เขาลากตัวมันไปทิ้งไว้ในอ่างเปิดน้ำอุ่น ส่วนตัวเองก็ใช้สะโพกนั่งพิงขอบอ่างปลายเท้าไขว้กัน กอดอกปรายตามองเสี้ยวหน้าหวานละมุนด้านข้าง ขนตางอนยาว เส้นผมเปียกชุ่มปรกหน้าผากทำให้หน้ามันเด็กลงไปอีกจนเขานึกว่าเพิ่งไปพรากผู้เยาว์มา มือหนาเอื้อมไปปิดน้ำ จัดการถอดกางเกงหนักอึ้งออก แล้วพาร่างสูงใหญ่ลงไปนั่งอยู่อีกฝั่งของอ่างอาบน้ำขนาดพิเศษ ดวงตาคมดุหรี่มองใบหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่ายพักหนึ่งก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้จนคร่อมอยู่เหนือร่างบาง สายตาร้อนแรงเผยความอารมณ์ใคร่เต็มไปด้วยตัณหาราคะ แต่ก็พยายามสะกดไว้สุดฤทธิ์ อุ้งมือใหญ่พุ่งไปบีบปลายคางเรียวจนเสียงหวานหลุดร้องครางด้วยความเจ็บ พอเหยื่อเปิดปากกระทิงคลั่งก็กดจูบลงไปหนักหน่วงกลืนกินความหวานอย่างขาดสติราวกับถูกมอมเมา ตุบๆๆ แผ่นอกถูกกำปั้นเล็กรัวทุบอย่างอึดอัดทรมาน ไตรวิชญ์สบถเสียงต่ำคว้าข้อมือทั้งสองข้างมารวบไว้เหนือศีรษะของอีกฝ่าย ริมฝีปากบดเบียดขยี้เรียวปากอิ่มรุนแรงขึ้น ร่างกายโถมทับใช้มือข้างเดียวกอดรัดร่างนุ่มนิ่มไว้แนบแน่นไม่ต่างจากงูรัดเหยื่อจนกระดูกแทบหัก กลิ่นหอมหวนเย้ายวนฟุ้งกระจายไปในอากาศผสมผสานกับกลิ่นหอมสดชื่นของไอแดดที่พาให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แรงขัดขืนต่อต้านเบาลงทุกขณะเมื่อคนตัวเล็กรู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดกับเจ้าของอ้อมกอดนี้ แม้จะยังไม่ได้ลืมตามองว่าเป็นใครและยังคงหลงเหลือความกลัวอยู่บ้าง แต่ความสบายใจที่โอบล้อมอยู่รอบตัวกลับทำให้ร่างกายผ่อนคลายลง คล้อยตามการชักนำของอีกฝ่ายไปอย่างที่หัวใจเรียกร้อง อยากถูกสัมผัส อยากอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นนี้ไปอีกนานๆ น้ำในอ่างกระเพื่อมกระฉอกออกมาสาดบนพื้นตามการเคลื่อนไหวรุนแรงดุดันของร่างสูงใหญ่ เสียงครวญครางแว่วหวานดังสะท้อนไปทั่วห้องราวกับทำนองเพลงคลาสสิกนุ่มหู แต่กลับยิ่งปลุกเร้าเร่งจังหวะการเต้นของหัวใจให้ระรัวขึ้น ไตรวิชญ์ก่นด่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะกลิ่นหอมของไอ้เด็กนี่ที่มอมเมาเขาจนหลงมัวเมา คนไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นสาเหตุให้คนตัวสูงหงุดหงิดงุ่นง่านใจกลับปรือตาขึ้นมองยั่วๆ ดวงตาดำขลับพร่ามัวหยาดเยิ้มมองใบหน้าน่ากลัวของผู้ชายที่อยู่เหนือร่างเขาด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มคล้ายกับล่องลอยอยู่ในความฝันหวาน มุมปากพลันยกยิ้มน่ารักน่าเอ็นดูส่งให้ซ้ำอีก ทำให้ไตรวิชญ์ชะงักค้าง เปลวไฟลุกพรึบในดวงตาคม เส้นความอดทนทั้งหมดขาดสะบั้น ปล่อยให้สัญชาตญาณควบคุมร่างกายและจิตใจอย่างสมบูรณ์ พรุ่งนี้เช้าสภาพมันได้พังยับเยินบอบช้ำไปทั้งตัวแน่ เพราะเขาจะไม่ออมแรงอีกต่อไปแล้ว! “เสือกหาเรื่องเองนี่เอง มึงก็โทษตัวเองไปแล้วกัน ไอ้เด็กมะลิตัวปัญหา” เพราะกลิ่นหอมเย็นเหมือนดอกมะลิของมันทำให้เขาหลงใหลรุ่มร้อนไปทั้งตัว เขาถึงทำตัวเป็นกระทิงเปลี่ยวคลุ้มคลั่งไล่ขวิดมันเหมือนเป็นบ้า แล้วมันรู้อะไรไหมว่ากระทิงมันทั้งอึดทั้งทน เวลาไล่ต้อนใครก็วิ่งไล่จนกว่าจะหมดแรงล้มลงไปข้าง และยิ่งเมื่อคนคนนั้นเป็นเขาคิดว่าแค่รอบสองรอบจะเพียงพอ “ถ้าไม่หมดแรงตายกันไปข้างก็อย่าหวังว่ากูจะหยุด จำใส่หัวสมองมึงไว้ว่าอย่ายั่วให้กูของขึ้นอีก ไม่งั้นมึงจะเดือดร้อนเหมือนอย่างวันนี้ ไอ้นิม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม