เวลา 08.00 น.
กวินเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหิรัญรชตตามเวลาที่น้องชายของไตรวิชญ์บอกไว้ และตอนนี้เขาก็ยืนอยู่หน้าห้องเพื่อรอให้ไอ้คุณชายเถื่อนมาเปิดประตู ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามาใกล้ ประตูเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างสูงใหญ่เปลือยแผงอกกำยำ สวมกางเกงผ้ายืดสีเทาขายาว มือหนายกขึ้นเสยผมเผยหน้าผากกว้าง เห็นโครงหน้าหล่อเหลาคมเข้มดูดิบเถื่อนเร้าใจชัดเจน
ทั้งที่พระเจ้าประทานรูปลักษณ์งามสง่าไร้ที่ติมาให้ แต่มันกลับชอบทำหน้าตาโหดเหี้ยมอำมหิต ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงแข็งกร้าวทรงพลังอำนาจซะจนคนอื่นพากันเกรงกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ แม้จะชื่นชอบหรือหลงใหลมากแค่ไหนก็ทำได้แค่เมียงมองแล้วนำกลับไปเพ้อฝัน ราวกับสมบัติต้องห้ามที่ไม่สามารถแตะต้องได้
ถึงจะน่าหมั่นไส้ไปสักหน่อย แต่มันก็เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา นอกจากเขาแล้วใครจะกล้าคบมัน
“อาการน้องเขาเป็นไงบ้างวะ”
“มึงเข้าไปดูเองเถอะ กูรู้แค่ว่ามันยังไม่ตาย แต่น่าจะหนักอยู่ เพราะเมื่อคืนถูกกูทำซ้ำไปอีกรอบ”
“ไอ้ไตร! มึงจะบ้ารึไงวะ จากที่กูฟังมาน้องเขาก็อาการย่ำแย่อยู่แล้ว มึงยังจะหื่นปล้ำน้องเขาอีก ป่านนี้เนื้อไม่ช้ำหมดแล้วเหรอ”
“อย่าพูดมาก เข้ามาดูอาการมันได้แล้ว” ไตรวิชญ์ทำหน้าโหดตาดุใส่เพื่อนเสร็จก็เดินกลับเข้าห้อง
ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงปลายเตียง สองมือกอดอก สายตาจับจ้องไปยังร่างบางซึ่งถูกม้วนเป็นก้อนกลมๆ อยู่ใต้ผ้าห่ม เห็นเพียงเส้นผมโผล่ออกมากระจุกหนึ่ง กวินวางกระเป๋าปฐมพยาบาลสีดำลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงพลางมองไปยังเจ้าก้อนกลมที่ถูกห่อมิดชิดบนเตียงแล้วก็หลุดขำ
“มึงห่อมิดไปไหมวะ กลัวน้องเขาจะหายใจไม่ออกว่ะ เปิดผ้าห่มออกหน่อย กูต้องตรวจร่างกายน้องเขาอย่างละเอียด เล่นพันผ้าซะไม่เห็นหน้าเห็นภาพเห็นตาซะขนาดนี้ จะให้กูดูอาการยังไง”
กวินพูดไปพลางกลั้นขำไปพลาง ขณะที่มองใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ของไตรวิชญ์ แต่สายตากลับดุดันน่ากลัว แววตาอำมหิตเลือดเย็นจ้องเขม็งเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่งสัญญาณเตือนกลายๆ ว่าถ้ายังไม่หุบปากอีก ฟันหน้าเขาได้กระเด็นหลุดออกจากปากทั้งแผงแน่
มันเป็นเรื่องปกติที่อัลฟ่าจะหวงอาณาเขตของตนและไม่ชอบให้มีกลิ่นอัลฟ่าอื่นเข้ามาปะปนในห้อง แต่นี่มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่เขาเลี่ยงไม่ได้ จะไม่ชอบใจหรือหงุดหงิดก็น่าจะเก็บอาการหน่อย มันเป็นคนเรียกเขามาเองแท้ๆ ยังมาแยกเขี้ยวใส่อีก
ไตรวิชญ์ข่มอาการหงุดหงิดงุ่นง่านใจไว้เดินเข้าไปดึงผ้าห่มออกจากตัวนิมมาน เผยใบหน้าอ่อนเยาว์น่ารัก ลำคอขาวเนียนมีแต่รอยดูดเม้มขบกัดเป็นรอยฟัน และหยุดไว้ที่ไหล่มน ก่อนจะกระชากกลับขึ้นมาปิดไว้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมิดชิดจนไม่เห็นแม้แต่เส้นผม ทำเอากวินถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ อ้าปากค้างอย่างพูดอะไรไม่ออก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาการหวงของของมัน ไม่คิดว่าจะหนักเอาเรื่องขนาดนี้ สงสัยคงต้องระวังตัวไว้หน่อยแล้ว ไม่งั้นคงถูกใครบางคนแถวนี้ควักลูกตา
“เอาผ้าห่มออกหน่อยสิวะ มึงจะฆ่าน้องเขารึไง รู้แล้วว่าหวงโอเมก้าตัวเอง แต่ไม่ต้องทำขนาดนั้นไหมวะ” เสียงทุ้มนุ่มกึ่งขบขันเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มละมุน ใบหน้าสุภาพอ่อนโยนของว่าที่หมอมักล่อลวงพวกสาวๆ พยาบาลให้มองตามเป็นพรวน แต่ใช้ไม่ได้ผลกับไตรวิชญ์ที่ยิ่งมองก็ยิ่งกระตุ้นโทสะให้ลุกโชน
“จะพูดมากอีกนานไหม ถ้าไม่ตรวจก็ไสหัวออกไป”
“โอเคๆ กูตรวจ แต่มึงเลิกผ้าห่มขึ้นมาไว้ตรงก้นน้องเขาได้ไหมวะ กูจะดูช่องทางด้านหลังให้ว่าฉีกขาดรึเปล่า”
“ไอ้วิน”
“งั้นกูหันหลังให้ก็ได้ เชิญมึงตรวจดูเอาเองเลย แล้วค่อยมาบอกอาการกู เรื่องง่ายๆ แค่นี้มึงคงทำเองได้ใช่ไหม”
เห็นหน้าตาเหี้ยมโหดสายตาพิฆาตราวกับดาบคมกริบ กวินก็รีบขอยอมแพ้ไม่คิดยั่วโทสะคนอารมณ์ร้อนอีก ชายหนุ่มหันหลังหน้ามองผนังห้อง สองมือล้วงกระเป๋าเงี่ยหูฟังเสียงเสียงยวบลงของเตียง ไตรวิชญ์ปรายตาขุ่นขวางมองเพื่อนหนุ่ม ดูให้แน่ใจว่ามันไม่หันกลับมาแอบมองก็ตลบผ้าห่มมากองไว้เหนือบั้นเอว ใช้มือแหวกแก้มก้นขาวอวบออกจนเห็นรูเล็กๆ ด้านหลัง
“บวมแดง ไม่มีเลือด คงไม่ถึงขั้นฉีก”
“บวมมากไหม”
“นิดหน่อย” เสียงห้าวลึกบอกตามความจริง คิดว่าเป็นเพราะกลไกตามธรรมชาติของร่างกายโอเมก้าที่พอเข้าช่วงฮีทจะขับน้ำหล่อลื่นตรงช่องทางหลังให้ง่ายต่อการผสมพันธุ์
ฟรึบ
มือหนากำผ้าห่มแน่นขึ้นพร้อมกระชากลงปิดมิดข้อเท้า จะก้นขาวๆ หรือข้อเท้าเล็กบาง เขาก็ไม่อยากเห็นมันตอนนี้ทั้งนั้น แค่จมูกได้กลิ่นหอมอ่อนจางก็แทบระงับอารมณ์ไว้ไม่ไหว
ร่างสูงกำยำผุดลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปหาคนที่ยังยืนหันหน้าเข้าหาผนัง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็คว้าท่อนแขนไอ้เพื่อนตัวร้ายให้ออกจากห้อง ยังดีที่กวินไหวตัวทันเอื้อมมือคว้ากระเป๋าสะพายมาถือไว้แล้วเดินตามแรงกระชากรุนแรงของอีกฝ่าย
ดูท่าไอ้ไตรจะอาการหนักยิ่งกว่าที่คิดไว้ กลิ่นฟีโรโมนของเด็กโอเมก้าคนนี้มีอิทธิพลต่อเพื่อนรักเขามาก หรือเพราะเป็นคู่แห่งโชคชะตาจึงมีผลกระทบค่อนข้างมากอย่างช่วยไม่ได้
ฝืนอะไรก็ฝืนได้ แต่ฝืนชะตาลิขิตมันยาก ก็ต้องดูว่าหลังจากนี้เพื่อนของเขาจะทำอย่างไรต่อไป เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยเฉียดเข้าใกล้โอเมก้าทั้งหญิงและชาย ไม่เชิงว่ารังเกียจ แต่เป็นความต่างของชนชั้น
ไตรวิชญ์เป็นอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ที่ไม่มีอย่างอื่นเจือปน ทั้งพ่อและแม่เป็นอัลฟ่า ต้นตระกูลก็เช่นกัน เจ้าตัวคงอยากรักษาสายเลือดแท้ไว้มากกว่าจะเป็นสายเลือดผสม หรือมีเลือดของโอเมก้าเจือปน
เหล่าอัลฟ่าชั้นสูงต่างก็ไม่อยากยุ่งกับโอเมก้าที่ชอบล่อลวงอัลฟ่าให้สยบอยู่แทบเท้าด้วยกลิ่นยั่วยวน
สมัยก่อนมีโอเมก้าบางกลุ่มที่ฉลาดเจ้าเล่ห์คิดอยู่เหนือกว่าเหล่าอัลฟ่า จึงใช้กลิ่นดึงดูดมอมเมาให้อัลฟ่าเกิดการต่อสู้แย่งชิงกันเอง ความเสียหายตอนนั้นไม่น้อยเลย กว่าจะได้สติกลับมาก็สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินภายหลังอัลฟ่าจึงระวังตัวมากขึ้น และเพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมถึงออกไล่ล่าโอเมก้าและกดขี่ข่มเหงจองจำให้เป็นทาสรับใช้ตน
ช่วงหลังโอเมก้าลดน้อยลง บ้างก็ตาย บ้างก็ถูกขาย และกลายเป็นของกำนัลอัลฟ่าชนชั้นสูง ส่วนใหญ่จะถูกใช้งานเป็นเครื่องบรรเทิงใจ หรือไม่ก็เป็นเครื่องมือผลิตทายาท เพราะอัตราให้กำเนิดทายาทอัลฟ่าสูงกว่าคู่อัลฟ่าด้วยกัน
“ให้น้องเขากินยาลดไข้ตามเวลาที่ระบุไว้ หมั่นเช็ดตัวลดอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไปเดี๋ยวจะช็อก แล้วนี่เป็นยาทาลดบวม อย่าลืมทาให้เจ้าตัวน้อยด้วย ถึงช่องทางจะไม่ฉีกขาด แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พักการมีเพศสัมพันธ์กูเตรียมยาระงับฮีทไว้แล้ว ส่วนมึงกูเอายาระงับรัทมาฝาก เผื่อมึงอดใจไม่ไหวจะได้ไม่เผลอทำรุนแรงเกินไป เดี๋ยวจากที่จะหายมันจะอาการหนักขึ้นอีก”
“พูดมาก มึงกลับไปได้แล้ว ฝากบอกห้องครัวด้วยว่าให้เอาอาหารขึ้นมาให้กูข้างบนห้อง”
“กูรีบมาแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย จะรีบไล่ให้กลับไปไหน ขอลงไปทานข้าวข้างล่างหน่อยแล้วกัน”
“เรื่องของมึงเถอะ จะไสหัวไปไหนก็รีบไป ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจกระทืบมึงคาตีนตรงนี้”
“ไอ้โหดเอ๊ย! ขอให้เมียเด็กเกลียดขี้หน้าไม่อยากเข้าใกล้!”
“ไอ้กวิน!” เสียงกัมปนาทตวาดลั่นพร้อมแรงกดดันที่ส่งออกมา หากแต่กวินกลับหัวเราะชอบใจเดินออกมาอย่างอารมณ์ดี
พวกเขาสองคนรู้จักกันตั้งแต่เกิดเพราะสองตระกูลเป็นเครือญาติกัน รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ รุ่นลูกเลยพลอยสนิทสนมกันไปด้วย ครอบครัวเราสองคนปรองดองกันดี ฝ่ายตระกูลเขายึดอาชีพแพทย์เป็นหลัก เกือบทั้งหมดเป็นหมอรักษาคนป่วยคนเจ็บ ส่วนตระกูลของไอ้ไตรทำธุรกิจสีเทา แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยานรกและการค้ามนุษย์
กวินเดินลงบันไดโดยบนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หลังจากเห็นอาการหลงเมียเด็กของเพื่อนรัก ยาคุมกำเนิดที่เตรียมไว้ก็ถูกเก็บลงกระเป๋าไม่ได้ให้ไป
โอเมก้าน้อยคนนั้นเป็นคู่แห่งโชคชะตาของเพื่อนเขา แถมยังถูกกัดคอตีตราไปแล้ว หากถูกไอ้จอมโหดทิ้งขวางไม่ไยดีก็ออกจะดูน่าสงสารไปสักหน่อย การให้กำเนิดทายาทคนแรกแก่ตระกูลหิรัญรชตในเวลานี้ อาจเป็นหนทางรอดที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
หรือต่อให้ได้ยาคุมกำเนิดไปก็คงไม่ช่วยอะไรอยู่ดี ขนาดเด็กมันหลับยังจ้องซะอย่างกับจะกลืนกินลงท้อง กลิ่นที่ไตรวิชญ์ปล่อยออกมามีความกระหายความปรารถนาแรงกล้า และเพราะฝืนกดมันไว้ทำให้อารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ เกิดอาการหงุดหงิดโมโหร้าย เห็นใครก็เหม็นขี้หน้าไปหมด จนกว่าจะได้กินเด็กน้อยน่ารักคนนั้น สภาพเหมือนคนติดยาของมันก็คงไม่ดีขึ้นหรอก
เขาถึงได้ให้ยาระงับรัทไป เพราะรู้ว่าอีกสักพักมันต้องจับน้องเขาฟัดอีกรอบแน่
ไตรวิชญถอนหายใจระบายความขุ่นมัวอัดอั้นในอก ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องอีกครั้งพร้อมกับล็อกประตูแน่นหนาไม่ให้ใครเข้ามารบกวน ในมือถือถุงยาสีขาวเดินกลับไปวางไว้บนโต๊ะ นัยน์ตาแดงก่ำฉายแววอดทนอดกลั้น เปลวเพลิงแห่งปรารถนาคุโชนอาบท่วมสองตา ฟันกรามขบกัดระงับความต้องการด้านมืดในใจไว้
ชายหนุ่มสบถเสียงต่ำรีบค้นถุงยาควานหายาระงับรัทที่กวินเอามาให้ ก่อนจะปักเข็มที่แขนฉีดยาเข้าเส้นเลือด หวังว่ายาระงับจะออกฤทธิ์เร็วพอให้เขายับยั้งสติทัน เขาเม้มปากแน่นยื่นมือไปรินน้ำใส่แก้ว คุ้ยเอายาของเด็กนี่ออกมา แล้วนำไปป้อนใส่ปากพร้อมกับน้ำ
ที่ให้กินไปเป็นยาลดไข้กับยาระงับฮีท ถึงกลิ่นฟีโรโมนจะเบาลงไปมากเพราะเด็กนี่หลับอยู่ แต่ก็สร้างความปั่นป่วนให้แก่เขาไม่น้อย หัวใจยังคงร้อนรุ่มเหมือนมีกองไฟสุมอยู่ ท่อนล่างก็คึกคักจนปวดร้าว เขารีบหาผ้ามาปิดจมูกถอยกรูดไปอยู่ชิดมุมห้องด้านในสุด มองโอเมก้าตัวดีที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ไม่รับรู้ถึงความทรมานของเขาที่ใกล้จะสติแตกเข้าไปทุกที
เด็กนี่ก็เหมือนสารเสพติดชนิดรุนแรง เพียงได้เสพหนึ่งครั้งก็ติดใจจนอยากเสพอีก แล้วพอไม่ได้เสพก็เกิดอาการมือสั่นใจสั่น รู้สึกกระวนกระวายอยู่ไม่สุข ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ใต้ผ้าห่มดังขึ้น ก่อนจะมุดหัวออกมาผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเรียวรูปไข่น่ารักน่าชัง ดวงตาดำขลับแวววาวปรือมองมายังเขา แล้วทำตาหวานส่งเสียงอืออาร้องเรียกหาอย่างออดอ้อนเว้าวอน
คิ้วเข้มย่นเข้าหากันแทบจะในทันทีที่เห็นท่าทางยั่วยวนเร้าอารมณ์ของเจ้าก้อนกลมบนเตียงนอน ใบหน้าหยาดเยิ้มชวนเสน่หากำลังคลี่ยิ้มหวานน่าใคร่มาให้คล้ายกับเชิญชวน ไตรวิชญ์คำรามเสียงต่ำผ่านลำคอที่ปรากฏเส้นเอ็ดบวมปูด หน้าแดงๆ กับท่าทางบิดเร่ากอดรัดผ้าห่มไปมาจนเสียดสีกับเนื้อตัวเปลือยเปล่ากำลังทำลายความอดทนของเขาให้ขาดสะบั้น
ชายหนุ่มกดแผ่นหลังติดกับผนังไม่ยอมเดินเข้าไปหา และอีกฝ่ายก็ทำได้แค่ส่งสายตาน่าสงสารตอบกลับมาเพียงเท่านั้น เพราะกลัวแรงกดดันที่พุ่งตรงมาหา มันทั้งอึดอัดและอยากชวนให้วิ่งหนี แต่ความปรารถนาร้อนรุ่มดั่งเปลวไฟกำลังรั้งตัวเขาไว้
โอเมก้าตัวน้อยดิ้นพล่านอยู่บนเตียงด้วยความทรมาน เสียงครางเว้าวอนเริ่มประสานกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญ ทั้งที่ได้กลิ่นหอมลอยโชยมาจนร่างกายปั่นป่วน แต่กลับไม่มีแรงที่จะลุกไปหา แถมเจ้าของกลิ่นที่เขาปรารถนาจะชิดใกล้ยังส่งเสียงคำรามมาข่มขู่จนตื่นกลัวเสียขวัญ
เขาจำกลิ่นสดชื่นเหมือนแดดยามบ่ายส่องกระทบบนทุ่งหญ้าเขียวขจีนี้ได้ อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น อยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัย แต่ทำไมเหมือนมีกำแพงล่องหนคอยผลักดันกลับมา น้ำตาแห่งความน้อยใจเริ่มรินไหลอาบใบหน้า สายตาตัดพ้อถูกส่งไปจู่โจมคนใจร้ายที่อยู่ใกล้ๆ ทว่าทำเหมือนไร้ตัวตน
ถึงมองเห็นไม่ชัด แต่ก็รับรู้ว่าอยู่ตรงไหน จมูกเขาได้กลิ่นอัลฟ่าวนเวียนอยู่รอบตัว หอมฉุนจนเวียนหัวไปหมด ร่างกายสะบัดร้อนสะหนาว ช่องทางหลังขับรินหยาดน้ำใสออกมาเรื่อยๆ เปรอะเปื้อนตามเรียวขาที่ถีบยันฟูกนอน แล้วกลิ้นตัวพันผ้าห่มไปมาเหมือนเล่นสนุก
ขนาดไม่ได้สติกลับมาเต็มที่ก็ยังยั่วยวนเขาไปตามสัญชาตญาณ เพราะได้กลิ่นของกันและกัน ร่างกายจึงถูกดึงดูดเข้าหาอย่างยากจะต้านทาน
ไตรวิชญ์ยืนมองด้วยสายตาดุดันแข็งกร้าว ความกระหายหิวทำให้ทั้งร่างสั่นเทา เพียงแต่ถูกกดทับไว้ด้วยฟางเส้นสุดท้ายที่ยังคงเหนียวแน่นอยู่ ทว่าอีกไม่นานก็ใกล้จะถูกกระชากจนขาดออกจากกัน
อัลฟ่าอย่างเขามีความถือดีและทะนงตัวในสายเลือด พวกเขาอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เป็นผู้ล่าที่แข็งแกร่ง พละกำลังเหลือล้นจนไร้ผู้ต่อกร ตลอดชีวิตไม่เคยอยู่ใต้อาณัติใคร แล้วทำไมถึงต้องยอมลดตัวลงไปพัวพันกับโอเมก้าผู้อ่อนแอที่อยู่ในจุดต่ำสุด เป็นเพียงแค่ทาสบำเรอความใคร่ มีหน้าที่แค่ให้กำเนิดทายาท พอใช้งานเสร็จก็เฉดหัวพวกมันทิ้ง
ไตรวิชญ์ไม่เคยดูถูกใครก็ตามที่เกิดมาเป็นโอเมก้า แต่ก็ไม่ปรารถนาที่จะเฉียดเข้าใกล้ และไม่เคยนึกฝันว่าตัวเองจะมีคู่แห่งโชคชะตา ราวกับมีสายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดเชื่อมกันไว้
เขาพยายามฝืนสัญชาตญาณของสัตว์ป่าที่เรียกร้องหาคู่ครอง กดข่มกระแสความร้อนที่ไหลเวียนไปทั่วร่างจนร่างกายเกร็งเครียดกระตุกสั่น ใบหน้าคมคร้ามดุร้ายเจือด้วยความเดือดดาล เสียงแหบต่ำเค้นผ่านลำคอหนา นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานคล้ายโลหิต
ไม่อาจฝืนสัญชาตญาณอันแรงกล้านี้ได้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ขาของเขาขยับก้าวออกไป ก่อนที่สมองจะสั่งการ คิดอยากจะห้ามก็สายไปเสียแล้ว
ช่างหัวมันเถอะ บางทีเขาอาจจะแค่ติดใจกลิ่นหอมๆ เนื้อตัวนุ่มๆ ของมัน พอได้กินจนอิ่มท้องก็คงจะหายอยากเบื่อไปเอง
เพียงแต่เจ้าตัวไม่รู้ว่ายิ่งเข้าใกล้โอเมก้าตัวน้อยที่กำลังดีดดิ้นส่งเสียงครางกระเส่ามากเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งปฏิกิริยารุนแรง หัวใจเต้นถี่กระชั้น หยาดเหงื่อผุดซึมตามผิวหนัง และอะไรบางอย่างใต้กางเกงก็ดุนดันเหยียดขยายจนไม่สามารถใหญ่โตไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
ร่างหนาสลัดกางเกงจนหลุดจากท่อนขา ก่อนกระโจนพุ่งเข้าใส่ร่างเย้ายวนยั่วกำหนัดที่ส่งเสียงครางหวานพลางทำตาเว้าวอนอย่างน่ารักน่าใคร่ เรียกร้องหาอัลฟ่าของตนด้วยความปรารถนาจะหลอมรวมร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกัน
พอเข้าถึงตัวได้ไตรวิชญ์กระชากโอเมก้าตัวดีมากอดรัดแน่น ปิดปากกลืนกินเสียงครางแว่วหวานที่ปั่นป่วนอารมณ์เขาจนแทบสติแตก มือหยาบกระด้างลูบไล้ผิวกายเนียนละเอียด สูดกลิ่นหอมหวานที่อบอวลแผ่ซ่านโอบล้อมรอบตัวพวกเขา อีกฝ่ายโอบสองแขนกอดหลังเขาไว้ ยิ้มเผล่ตาหยีด้วยความตื่นเต้นดีใจที่เขายอมมาหา โดยไม่รับรู้ว่ากำลังทำให้เขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
โกรธที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ โกรธที่แค่ได้กลิ่นก็แทบจะกลายร่างเป็นหมาป่ากระโจนเข้าขย้ำลูกแกะอย่างหน้ามืดตามัว
เหยื่อตัวน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจ ยิ่งเบียดเนื้อตัวนุ่มๆ เข้าหาร่างกายแข็งแกร่งกำยำ สองขาเกี่ยวพันกับท่อนขาเพรียวยาว มือเรียวยื่นไปขยำบั้นท้ายแน่นๆ ของคนตัวโตเล่น ทำเอาฝ่ายรุกสะดุ้งสะเทือนครางเสียงสั่นพร่า ก่อนจะส่งเสียงขู่ใส่เจ้าของมือซุกซนที่เริ่มเลื้อยไปทั่วอย่างไม่เกรงกลัว
ยาบัดซบของไอ้เพื่อนเวรใช้ไม่ได้ผลเลยทั้งสองอย่าง ทั้งยาระงับรัทและฮีทไม่มีผลอะไรต่อร่างกายพวกเขาเลย
สองกลิ่นปะปนกันไปอากาศ สองร่างกอดรัดนัวเนียกันบนเตียงจนเกิดเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดตามแรงขับเคลื่อนของอัลฟ่าหนุ่มที่เคี่ยวกรำโอเมก้าหน้าสวยตาหวานเยิ้มช่างยั่ว ทั้งออดอ้อน ทั้งกระเซ้าเย้าแหย่ พอโดนเอาคืนกลับบ้างก็หวีดครางสะอื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าคล้ายกับถูกใจ เกาะติดตัวเขาไม่ยอมปล่อยเลย
ชอบถูกรังแกนักใช่ไหม ตื่นมาอย่ามาร้องโอดครวญตัดพ้อเขาว่ากินดุจัดหนักเกินไปแล้วกัน เพราะมันไม่ปล่อยให้เขาได้มีสติยับยั้งชั่งใจ เผลอเดินหน้าพุ่งเข้าใส่เต็มกำลังแทนที่จะละเว้นคนป่วยให้ได้นอนพักรักษาตัว