ตันหยงนักธุรกิจสาวประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี เธอมีน้องชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ และตอนนี้กำลังเรียนใกล้จะจบปริญญาโท เพื่อมาช่วยบริหารธุรกิจของเธอ
ไม่ว่าเธอจะหยิบจับธุรกิจอะไร ไม่มีสักอย่างที่จะไม่ประสบความสำเร็จ จนเธอได้รับสมญานาม หรือฉายาว่านักธุรกิจมือทอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่สนใจเรื่องของความรัก หญิงสาวจึงไม่มีคนรัก หรือว่าสามี สิ่งที่เธอหวังและต้องการมากที่สุดคือ ให้น้องชายที่เธอรักมีความสุขและสบาย ต่อให้เธอเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เคยปริปากบ่น และยิ้มให้กับน้องชายเสมอ
ดังนั้นนอกเหนือจากเวลาที่เธอทำงาน ถ้าไม่โทรข้ามประเทศหาน้องชายสุดที่รักก็จะจมปลักอยู่กับนิยาย อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังอ่านนิยายเรื่อง ผู้พันยาใจ จุดสนใจของเธอไม่ใช่นางเอก หรือว่าพระเอกของเรื่อง
แต่กลับเป็นนางร้ายที่ชื่อเหวินฟางลี่ เด็กกำพร้าที่แม่ตายพ่อพิการ โดนครอบครัวฝ่ายพ่อทำร้ายต่าง ๆ นานา จนหัวใจของเธอบิดเบี้ยว แต่แล้ววันหนึ่งเธอกลับเจอผู้พันหน้าตาหล่อเหลาช่วยไว้จากอันธพาลที่พยายามฉุดเธอไปทำมิดีมิร้าย เธอจึงฝังใจกับผู้ชายคนนี้
เหวินฟางลี่พยายามวางแผนทุกอย่างเพื่อให้เธอได้อยู่ข้างกายพระเอกของเรื่อง เมื่อแผนการอันชั่วร้ายประสบความสำเร็จ เธอได้แต่งงานเป็นเมียรองของชายหนุ่ม แต่ว่าสิ่งที่เธอหวังกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เด็กสาวคิด
เธอไม่เคยมีความสุขและต้องเจอกับความเย็นชาของอีตาพระเอกคนนี้ เมื่อวันหนึ่งเธอกำลังตั้งท้องลูกน้อย สามีสุดที่รักกลับพาหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามาและเชิดหน้าชูตาเป็นภรรยาหลวง
ความเจ็บปวด ความเศร้า เกาะกุมเข้าจิตใจของนางร้ายจนวันหนึ่งเธอตรอมใจตาย จะว่าตรอมใจตายคงไม่ถูก เธอถูกวางยาพิษให้ตายด้วยน้ำมือของเมียเอก หรือว่าแม่นางเอกของเรื่องนั่นเอง
“เฮ้อ...ไม่น่าเลยฟางลี่เธอไม่น่าพบจุดจบแบบนี้เลย ทำไมนักเขียนคนนี้จึงเขียนได้น่าเศร้าจัง จริง ๆ อนาคตของฟางลี่น่าจะไปไกลกว่านี้นะ”
เมื่ออ่านจบหน้าสุดท้าย ตันหยงได้แต่บ่นกับตัวเอง และก่นด่านักเขียนในใจ
“จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ควรจะด่านางร้ายหรอก หากแม่ของนางร้ายไม่พบจุดจบแบบนั้น เธอคงจะสอนลูกได้ ยังมีพ่อที่เป็นทหารนั่นอีก เฮ้อ...”
ตันหยงได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกว่าตัวเองจะอินกับนิยายเรื่องนี้จนเกินไปหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ มันเป็นเพียงแค่นิยายเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริงเสียหน่อย หากว่าเหวินฟางลี่เป็นลูกสาวของเธอ เธอจะสั่งสอนอย่างดีไม่ให้ต้องพบจุดจบแบบนี้แน่นอน
ส่วนบ้านของสามีนั่นเหรอ เธอจะเล่นงานไม่ให้มีชิ้นดีเลย สามีเย็นชามากใช่ไหม หย่าไปก็จบเรื่อง จะมานั่งปวดเฮดแล้วทำร้ายตัวเองจนตรอมใจตายทำไม จุดจบแม่กับลูกไม่ต่างกันเลยจริง ๆ
“เฮ้อ...โทรหาน้องชายสุดที่รักดีกว่า” คิดได้เช่นนั้นตันหยงจึงหยิบโทรศัพท์ และใช้แอปพลิเคชันหนึ่งโทรหาน้องชายทันที เมื่อปลายสายรับสายแล้วเธอจึงกรอกเสียงหวานลงไป
“ว่ายังไงน้องชายสุดที่รัก นี่ก็เรียบจบแล้วเมื่อไหร่จะกลับมาช่วยพี่สาวคนนี้ทำงานจ้ะ”
“อาทิตย์หน้าครับพี่หยง เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว พี่เองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ผมมีเพียงพี่สาวคนเดียวเท่านั้น อย่ามัวแต่อินกับนิยายมากเกินไปรู้ไหม พักผ่อนบ้าง ไม่นานผมจะกลับไปช่วยงานพี่นะครับ”
ภูษิตพูดเสียงตามสายมาด้วยความเป็นห่วง จริง ๆ แล้วชายหนุ่มบินมาถึงกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเพียงแค่ต้องการเซอร์ไพรส์พี่สาวเท่านั้นเอง
“ได้สิน้องรัก ตกลงนายเป็นพ่อ หรือเป็นน้องชายของฉันกันแน่นะ บ่นเป็นตาแก่เลย”
“ผมมีพี่สาวเพียงคนเดียวนะครับ ไม่ห่วงพี่หยงจะให้ไปห่วงแมวที่ไหน ฮ่า ๆ ๆ ไม่คุยกับพี่แล้ว ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ เดี๋ยวเจอกัน”
“ตกลงน้องรัก นายไม่ต้องเป็นห่วงพี่ให้มาก พี่สัญญาว่าจะดูแลตัวเองดี ๆ บายจ้ะ”
เมื่อวางสายจากน้องชาย หญิงสาวจึงเอนหลังรอทนายความมาหาเพื่อเอาพินัยกรรมที่ทำไว้เลยมาให้ เธอไม่รู้เป็นอะไร พักนี้ใจไม่ค่อยดี อยู่ ๆ ก็อยากทำพินัยกรรมขึ้นมา เธอเตรียมที่จะยกทุกอย่างให้กับน้องชายเพียงคนเดียว และส่วนหนึ่งเธอบริจาคให้กับโรงพยาบาลและสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ตันหยงไม่รู้เลยว่าการที่เธอเพียงแค่พักสายตา จะเป็นการนอนหลับของเธอที่ไม่รู้จะตื่นขึ้นมาอีกหรือไม่